หนังสือพิมพ์สากล – ธนาคารกลางไต้หวันออกประกาศสั่งให้เงินทุนต่างชาติที่เข้ามาต้องใช้ลงทุนตามวัตถุประสงค์ที่แจ้ง มิเช่นนั้นจะถูกสั่งให้โอนเงินออกไป โดยมาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีเงินร้อนกว่าแสนล้านเหรียญไต้หวันถูกโอนเข้ามาเพื่อเก็งกำไรค่าเงิน
เงินร้อนจำนวนมากจากทั่วโลกไหลเข้าไต้หวัน จนกระทั่งล่าสุด ธนาคารกลางต้องออกมาแถลงข่าวเป็นรอบที่ 3 โดยระบุว่าเรียกร้องให้ทุนจากต่างชาติที่โอนเข้ามาในประเทศนั้น จะต้องใช้ไปให้ตรงตามจุดประสงค์ที่ระบุไว้ โดยไม่สามารถคงค้างในบัญชีเงินฝากเงินสกุลดอลลาร์ไต้หวันเป็นระยะเวลานาน
การแถลงได้ระบุว่า หากผู้ที่ได้นำเงินเข้ามาในไต้หวันระบุว่าเพื่อใช้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ก็จะต้องนำไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จริง มิเช่นนั้นจะถูกบังคับให้โอนเงินออก ด้านนายต้วนจินเซิง ผู้อำนวยการสำนักงานปริวรรตเงินตราไต้หวันระบุเสียงแข็งกร้าวว่า “ทุนต่างชาติที่ไม่คิดจะนำมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จริง ก็ให้โอนออกไปให้หมด!”
หลังเผชิญภาวะเงินร้อนจากทั่วโลกที่กดดันเข้ามา มีทุนต่างๆชาติไม่น้อยที่โอนเข้ามาในเกาะ ทว่ากลับรั้งรอไม่ได้นำไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในจุดประสงค์ แต่เห็นได้ชัดว่าถูกนำไปเพื่อปั่นอัตราแลกเปลี่ยน
ธนาคารกลางไต้หวันเปิดเผยว่า ในอดีตนั้นทุนจากต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในตลาดไต้หวัน ทั้งหมดจะเฉลี่ยอยู่ที่ราว 300,000 ล้านเหรียญไต้หวัน ทว่าหลังจากที่มีเงินร้อนเป็นจำนวนมากที่ไหลบ่าเข้ามาไม่หยุด ในปัจจุบันเงินทุนต่างชาติที่ฝากอยู่ในรูปของเงินไต้หวันได้สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยตัวเลข 396,200 ล้านเหรียญไต้หวัน กล่าวคือเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามาอย่างน้อยมากกว่าปีที่แล้วถึงเกือบ 100,000 ล้านเหรียญไต้หวัน
การที่ธนาคารกลางของไต้หวันต้องออกมาประกาศกร้าว เนื่องจากพบว่าในช่วงที่ผ่านมา มีเงินทุนจากต่างชาติจำนวนมากที่เข้ามาเพื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์นั้น มีการลงทุนจริงไม่ถึง 3% และหลังจากมีการแลกเงินดังกล่าวเป็นเงินไต้หวันแล้ว ก็ฝากไว้ในบัญชีนานกว่า 1 สัปดาห์ จึงเห็นได้ชัดว่ามีวัตถุประสงค์ในการปั่นอัตราแลกเปลี่ยน
นอกจากนั้น ยังพบว่าทุนต่างชาติที่เข้ามาไม่มีการดำเนินมาตรการในการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน โดยมีเพียง 0.39% ที่ได้ทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน การที่นักลงทุนเหล่านี้ไม่ได้ห่วงใยหรือกังวลในความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ยิ่งส่อให้เห็นได้ชัดว่าเข้ามาเพื่อเล่นค่าเงินดอลลาร์ไต้หวัน
ผู้วงในจากตลาดหลักทรัพย์ได้ระบุว่า กระแสเงินร้อนจากนาๆชาตินี้ ได้ไหลมาในจำนวนที่มากและรวดเร็ว อีกทั้งเข้ามาแล้วหลายกระแส โดยบางรายได้โอนกลับออกไปแล้วก็โอนเงินหมุนกลับเข้ามาใหม่อีก จากการที่คาดว่าเงินไต้หวันยังมีเพดานให้แข็งค่าขึ้นอีก ดังนั้นเพื่อค้ากำไรจากความแตกต่างของอัตราแลกเปลี่ยน จึงยอมเสี่ยงที่จะถูกธนาคารกลาง “เชิญออกไป” จนกลายมาเป็นปัญหาที่กดดันธนาคารกลางไต้หวันในขณะนี้
