นายธีรวัฒน์ จันทรสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวในงานสัมมนาเรื่องกฎหมายความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย ความเสี่ยงของผู้ประกอบการพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีคุ้มครองผู้บริโภค จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2552 หลังจากที่เริ่มร่างตั้งแต่ปี 2543 เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคที่เสียหายจากสินค้าที่มีความบกพร่อง ตั้งแต่การออกแบบ กระบวนการผลิต หรือข้อความในสลากที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งผู้ประกอบการทั้งผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้นำเข้า ต้องรับผลิตชอบ แม้สินค้าจะได้รับรองมาตรฐานจากหน่วยงานของรัฐบาลแล้วก็ตาม ส่วนใครจะเป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหายนั้น ผู้ประกอบการต้องตกลงกันเอง ขณะที่ผู้บริโภคต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าได้รับความเสียหายในระดับหนึ่ง และมอบให้หน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือเป็นผู้พิสูจน์ ด้านการฟ้องร้องนั้น ผู้เสียหายอาจให้ สคบ. สมาคม และมูลนิธิที่มีอำนาจฟ้องคดีแทนได้ ส่วนค่าสินไหมทดแทน หากผู้เสียหายถึงแก่ความตาย สามี ภรรยา บุพการี หรือผู้สืบสันดาน จะได้รับค่าเสียหายต่อได้ พร้อมแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรทำประกัน เพื่อรองรับความเสี่ยงของสินค้า
ด้านนายนายกิตติ ตั้งจิตรมณีศักดา รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เห็นว่า ผู้บริโภคสามารถฟ้องได้ง่าย โดยไม่ต้องพิสูจน์ความบกพร่องของสินค้ามากนัก เมื่อเทียบกับอเมริกาที่ต้องพิสูจน์อย่างละเอียด นอกจากนี้ ผู้บริโภคในต่างประเทศสามารถฟ้องผู้ผลิตในไทย ซึ่งกระทบต่อผู้ประกอบการไทย กฎหมายฉบับนี้ยังทำให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น ทำให้การแข่งขันของสินค้าภายในต่างประเทศลดลง ผู้ประกอบการต้องทำความเข้าใจในกฎหมายฉบับนี้ โดยเฉพาะคำเตือนการใช้สินค้า
ด้านนายนายกิตติ ตั้งจิตรมณีศักดา รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เห็นว่า ผู้บริโภคสามารถฟ้องได้ง่าย โดยไม่ต้องพิสูจน์ความบกพร่องของสินค้ามากนัก เมื่อเทียบกับอเมริกาที่ต้องพิสูจน์อย่างละเอียด นอกจากนี้ ผู้บริโภคในต่างประเทศสามารถฟ้องผู้ผลิตในไทย ซึ่งกระทบต่อผู้ประกอบการไทย กฎหมายฉบับนี้ยังทำให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น ทำให้การแข่งขันของสินค้าภายในต่างประเทศลดลง ผู้ประกอบการต้องทำความเข้าใจในกฎหมายฉบับนี้ โดยเฉพาะคำเตือนการใช้สินค้า