นายสว่าง ภู่พัฒน์วิบูลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) มหาวิทยาลัยราชภัฏ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายบุญลือ ประเสริฐโสภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่า ตัวแทนเครือข่าย ทปอ. 5 องค์กร ประกอบด้วย ทปอ. มหาวิทยาลัยรัฐ 28 แห่ง ทปอ. มหาวิทยาลัยราชภัฏ 40 แห่ง ทปอ. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) 9 แห่ง ทปอ. มหาวิทยาลัยเอกชน 60 แห่ง และ ทปอ. มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ 13 แห่ง ได้เข้าพบนายบุญลือ เพื่อขอรับทราบนโยบาย พร้อมทั้งได้เสนอปัญหา ดังนี้
บุคลากรของประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ยังต่ำกว่า World Class University จึงได้จัดทำโครงการเมกะโปรเจ็กต์พัฒนาบุคลากร เสนอต่อคณะรัฐมนตรี นอกจากนี้มหาวิทยาลัยจัดตั้งใหม่ 52 แห่ง ขออัตราบุคลากรจำนวน 18,873 อัตรา โดยอาจจะเฉลี่ย 4 ปี นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยในกลุ่มภาคใต้ ได้เสนอตัวว่ายินดีให้ความร่วมมือ หากรัฐบาลมีอะไรให้ช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า จะพิจารณาจัดสรรอัตราดังกล่าวให้ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ได้ย้ำถึงแนวทางที่จะทำอย่างไรให้นักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยราชภัฏซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบัณฑิตสายสังคมศาสตร์ ครุศาสตร์ ได้เข้าสู่ตลาดอาชีพให้มากขึ้น เพราะขณะนี้บัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฏ จบมาแล้วตกงานจำนวนมาก จึงอยากให้มหาวิทยาลัยราชภัฏไปหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้ตนเองมีความเป็นมหาวิทยาลัยอาชีพมากขึ้น มีคณะ สาขาวิชาที่สอดคล้องกับความต้องการมากขึ้น อีกทั้งได้ฝากให้เครือข่ายอธิการบดีช่วยเป็นพี่เลี้ยงและให้ความช่วยเหลือการจัดการเรียนการสอนของวิทยาลัยชุมชน (วชช.) ด้วย เนื่องจากขณะนี้มีประชาชนให้ความสนใจเข้ามาเรียนหลักสูตรต่างๆ ของ วชช. มากขึ้น
บุคลากรของประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ยังต่ำกว่า World Class University จึงได้จัดทำโครงการเมกะโปรเจ็กต์พัฒนาบุคลากร เสนอต่อคณะรัฐมนตรี นอกจากนี้มหาวิทยาลัยจัดตั้งใหม่ 52 แห่ง ขออัตราบุคลากรจำนวน 18,873 อัตรา โดยอาจจะเฉลี่ย 4 ปี นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยในกลุ่มภาคใต้ ได้เสนอตัวว่ายินดีให้ความร่วมมือ หากรัฐบาลมีอะไรให้ช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า จะพิจารณาจัดสรรอัตราดังกล่าวให้ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ได้ย้ำถึงแนวทางที่จะทำอย่างไรให้นักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยราชภัฏซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบัณฑิตสายสังคมศาสตร์ ครุศาสตร์ ได้เข้าสู่ตลาดอาชีพให้มากขึ้น เพราะขณะนี้บัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฏ จบมาแล้วตกงานจำนวนมาก จึงอยากให้มหาวิทยาลัยราชภัฏไปหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้ตนเองมีความเป็นมหาวิทยาลัยอาชีพมากขึ้น มีคณะ สาขาวิชาที่สอดคล้องกับความต้องการมากขึ้น อีกทั้งได้ฝากให้เครือข่ายอธิการบดีช่วยเป็นพี่เลี้ยงและให้ความช่วยเหลือการจัดการเรียนการสอนของวิทยาลัยชุมชน (วชช.) ด้วย เนื่องจากขณะนี้มีประชาชนให้ความสนใจเข้ามาเรียนหลักสูตรต่างๆ ของ วชช. มากขึ้น
