นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากการได้พบปะหารือกับผู้จัดการกองทุนและนักลงทุนต่างชาติในระหว่างร่วมเดินทางมาโรดโชว์ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่านักลงทุนได้มีการสอบถามถึงความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจ็กต์ โดยเฉพาะการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ว่าจะมีกำหนดการแล้วเสร็จเมื่อใด ซึ่งได้ยืนยันไปว่ารัฐบาลจะเร่งการก่อสร้างภายในปลายปีนี้อย่างแน่นอน ซึ่งจะมีส่วนช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนในการขยายการลงทุนตามมา โดยจากการประเมินของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังที่ประเมินว่า การลงทุนภาคเอกชนในปีนี้จะขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ร้อยละ 9 - 10 เพราะขณะนี้กำลังการผลิตของเอกชนสูงถึงร้อยละ 75-80
ดังนั้น จะต้องมีการลงทุนเพิ่ม และเชื่อว่าการลงทุนจะมีมูลค่าสูงถึง 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ที่อยู่ที่ 75,000 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นการลงทุนของภาครัฐประมาณร้อยละ 10 อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการลงทุนเมื่อเทียบกับจีดีพี ถือว่าต่ำ อยู่ที่ร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่อยู่ที่ร้อยละ 72 ต่อจีดีพี
ผู้อำนวยการ สบน.กล่าวด้วยว่า นักลงทุนยังมีการสอบถามในประเด็นการระดมทุนเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้า ซึ่งได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลมีแผนระดมทุนอย่างชัดเจน ทั้งการระดมทุนจากการออกพันธบัตรจำหน่ายให้นักลงทุนในประเทศ และการกู้เงินจากต่างประเทศ รวมทั้งการให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมดำเนินงานบริหารในโครงการรถไฟฟ้า แต่นักลงทุนต่างชาติยังมีข้อวิตก เกรงว่าการที่รัฐบาลไปแข่งขันระดมทุนจากประชาชน จนทำให้เกิดการแย่งเงินทุนจากภาคเอกชนที่ต้องการระดมทุนจากตลาดตราสารหนี้ จนทำให้เกิดการขาดสภาพคล่อง ซึ่งได้ยืนยันว่าขณะนี้รัฐบาลยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจนจากปัญหาดังกล่าว
ดังนั้น จะต้องมีการลงทุนเพิ่ม และเชื่อว่าการลงทุนจะมีมูลค่าสูงถึง 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ที่อยู่ที่ 75,000 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นการลงทุนของภาครัฐประมาณร้อยละ 10 อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการลงทุนเมื่อเทียบกับจีดีพี ถือว่าต่ำ อยู่ที่ร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่อยู่ที่ร้อยละ 72 ต่อจีดีพี
ผู้อำนวยการ สบน.กล่าวด้วยว่า นักลงทุนยังมีการสอบถามในประเด็นการระดมทุนเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้า ซึ่งได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลมีแผนระดมทุนอย่างชัดเจน ทั้งการระดมทุนจากการออกพันธบัตรจำหน่ายให้นักลงทุนในประเทศ และการกู้เงินจากต่างประเทศ รวมทั้งการให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมดำเนินงานบริหารในโครงการรถไฟฟ้า แต่นักลงทุนต่างชาติยังมีข้อวิตก เกรงว่าการที่รัฐบาลไปแข่งขันระดมทุนจากประชาชน จนทำให้เกิดการแย่งเงินทุนจากภาคเอกชนที่ต้องการระดมทุนจากตลาดตราสารหนี้ จนทำให้เกิดการขาดสภาพคล่อง ซึ่งได้ยืนยันว่าขณะนี้รัฐบาลยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจนจากปัญหาดังกล่าว