นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายแก่ผู้บริหารและข้าราชการระดับสูงของกรมประมง ว่า ในเร็ว ๆ นี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) จะเร่งดำเนินการในการตั้งจุดให้บริการน้ำมันม่วงบนฝั่งทั้ง 24 จังหวัดที่มีการทำประมงชายฝั่ง เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของชาวประมงพื้นบ้าน ซึ่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีอนุมัติใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อลดราคาน้ำมันม่วงให้ต่ำว่าดีเซลหมุนเร็วบนบกประมาณ 2 บาทต่อลิตร ทั้งในจุดให้บริการน้ำมันเขต 5 ไมล์ทะเล และจุดที่ให้บริการบนฝั่งที่กระทรวงเกษตรฯ จะมอบหมายให้องค์การสะพานปลาและประมงจังหวัดเข้าไปกำกับดูแลการให้บริการน้ำมันม่วงเพื่อไม่ให้เกิดการนำน้ำมันม่วงไปใช้ในเครื่องยนต์ประเภทอื่น ส่วนในระยะยาวที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พิจารณาแนวทางในการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติ LNG (Liquified Natural Gas) สำหรับเรือประมงซึ่งมีราคาที่ถูกกว่า ทดแทนการใช้น้ำมันม่วง โดยให้กระทรวงพลังงานศึกษาถึงต้นทุนระบบการผลิต LNG ว่ามีความคุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่ หากจะสร้างเพิ่มที่สงขลาจากปัจจุบันระบบการผลิต LNG มีอยู่ในปัจจุบันที่ระยอง
สำหรับการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเรือประมงน้ำลึกนั้น กระทรวงพลังงานได้ให้การสนับสนุนการจำหน่ายน้ำมันเขียว โดยจะจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าน้ำมันดีเซลบนบกสำหรับเรือประมงขนาดกลางและขนาดใหญ่ในบริเวณเขตต่อเนื่อง ซึ่งห่างจากฝั่ง 12-24 ไมล์ทะเล ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ทั้งนี้ น้ำมันเขียวจะได้รับการยกเว้นภาษีอากร และไม่เก็บเงินเข้ากองทุนต่าง ๆ ทำให้ราคาน้ำมันเขียวถูกกว่าน้ำมันเบนซินบนบกประมาณ 5-6 บาทต่อลิตร
นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า อีกหนึ่งแนวทางที่จะเป็นการแก้ไขปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้นจากภาวะน้ำมันแพงให้แก่ชาวประมงได้ในระยะยาว คือ การที่จะต้องเร่งเข้าไปฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำในน่านน้ำประเทศไทยให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ ซึ่งในปัจจุบันพบว่าประมงไทยเข้าไปทำการประมงในนอกน่านน้ำเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าตัวเลขปริมาณการผลิตสินค้าประมงจะได้ถึงกว่า 2 ล้านตัน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 2.4 แสนล้านบาท แต่การเดินเรือประมงที่มีระยะทางไกลก็จะทำให้ต้นทุนพลังงานสูงขึ้น ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมประมงจะต้องเคร่งครัดมาตรการต่าง ๆ อาทิ การปิดอ่าว การใช้เครื่องมือจับสัตว์น้ำ ที่ต้องมีบทลงโทษที่ชัดเจน เพื่อดูแลรักษาพันธุ์สัตว์น้ำของไทยให้สามารถประกอบการประมงได้ในระยะยาว
สำหรับการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเรือประมงน้ำลึกนั้น กระทรวงพลังงานได้ให้การสนับสนุนการจำหน่ายน้ำมันเขียว โดยจะจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าน้ำมันดีเซลบนบกสำหรับเรือประมงขนาดกลางและขนาดใหญ่ในบริเวณเขตต่อเนื่อง ซึ่งห่างจากฝั่ง 12-24 ไมล์ทะเล ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ทั้งนี้ น้ำมันเขียวจะได้รับการยกเว้นภาษีอากร และไม่เก็บเงินเข้ากองทุนต่าง ๆ ทำให้ราคาน้ำมันเขียวถูกกว่าน้ำมันเบนซินบนบกประมาณ 5-6 บาทต่อลิตร
นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า อีกหนึ่งแนวทางที่จะเป็นการแก้ไขปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้นจากภาวะน้ำมันแพงให้แก่ชาวประมงได้ในระยะยาว คือ การที่จะต้องเร่งเข้าไปฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำในน่านน้ำประเทศไทยให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ ซึ่งในปัจจุบันพบว่าประมงไทยเข้าไปทำการประมงในนอกน่านน้ำเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าตัวเลขปริมาณการผลิตสินค้าประมงจะได้ถึงกว่า 2 ล้านตัน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 2.4 แสนล้านบาท แต่การเดินเรือประมงที่มีระยะทางไกลก็จะทำให้ต้นทุนพลังงานสูงขึ้น ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมประมงจะต้องเคร่งครัดมาตรการต่าง ๆ อาทิ การปิดอ่าว การใช้เครื่องมือจับสัตว์น้ำ ที่ต้องมีบทลงโทษที่ชัดเจน เพื่อดูแลรักษาพันธุ์สัตว์น้ำของไทยให้สามารถประกอบการประมงได้ในระยะยาว