นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือกับนายนาบีล ฮุสเซน อัชเร อุปประเทศซาอุดีอาระเบีย ว่า ประเทศไทยต้องการรือฟื้นความสัมพันธ์ทางทูตให้อยู่ในระดับปกติ หลังจากความสัมพันธ์ทั้ง 2 ประเทศ ชะงักไปกว่า 19 ปี ส่งผลให้แรงงานไทยไม่ได้รับวีซ่าจากเดิมในปี 2532 มีแรงงานไทยในซาอุดีอาระเบียเกือบ 200,000 คน แต่ปัจจุบันมีเพียง 10,000 คน ทำให้สูญเสียรายได้ปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งหากนับถึงปัจจุบันเสียหายไปกว่า 200,000 ล้านบาท โดยฝ่ายซาอุดีอาระเบียให้เหตุผลว่า ทางการไทยต้องให้ความชัดเจนหรือคลี่คลาย ใน 3 คดี คือ คดีสังหารนักการทูต นักธุรกิจ ชาวซาอุดีอาระเบีย และคดีโจรกรรมเพชรซาอุฯ ซึ่งตนเองรับปากที่จะติดตามหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี โดยจะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและรักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อหาทางคลี่คลายคดีปรับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศโดยเร็ว
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้หารือกับเอกอัครราชทูตกลุ่มประเทศอาหรับ ประกอบด้วย ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน บาห์เรน ยูเออี การ์ตา เพื่อตอกย้ำความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน โดยกลุ่มประเทศอาหรับมีศักยภาพด้านพลังงานสำรอง ซึ่งไทยได้เตรียมแผนโรดโชว์ดึงดูดให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยขณะที่กลุ่มประเทศอาหรับต้องการให้ฝ่ายไทยปรับกฏหมายการลงทุนให้เปิดกว้างมากขึ้น
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้หารือกับเอกอัครราชทูตกลุ่มประเทศอาหรับ ประกอบด้วย ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน บาห์เรน ยูเออี การ์ตา เพื่อตอกย้ำความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน โดยกลุ่มประเทศอาหรับมีศักยภาพด้านพลังงานสำรอง ซึ่งไทยได้เตรียมแผนโรดโชว์ดึงดูดให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยขณะที่กลุ่มประเทศอาหรับต้องการให้ฝ่ายไทยปรับกฏหมายการลงทุนให้เปิดกว้างมากขึ้น
