นางเบญจมาศ โรจน์วณิชย์ รองผู้จัดการฝ่ายวิจัย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงบทวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2551 ว่า เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 4.5-5 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนในประเทศ ที่รัฐบาลมีการเร่งรัดการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ และเร่งรัดรายได้จากการท่องเที่ยวและบริการ รวมถึงการใช้นโยบายขาดดุลงบประมาณมากกว่า 165,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน ซึ่งจะช่วยชดเชยภาคการส่งออก ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 8-10 ขณะที่การนำเข้าจะสูงขึ้นกว่าร้อยละ 10 ได้ ทำให้การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดชะลอตัวเหลือประมาณร้อยละ 4.0 ของ GDP
ทั้งนี้ การปล่อยให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับตามกลไกตลาด การลอยตัวก๊าซหุงต้ม และการปรับขึ้นของราคาสินค้าควบคุมตามต้นทุนที่สูงขึ้น มีส่วนผลักดันให้เงินเฟ้อในประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้นสู่ระดับร้อยละ 3.5-4.0 จาก 2.3 ในปีที่ผ่านมา
รองผู้จัดการฝ่ายวิจัย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า เศรษฐกิจในปีนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ปัญหาซับไพร์มของสหรัฐฯ ค่าเงินบาทแข็งค่า และค่าเงินในภูมิภาคจากปัญหาการอ่อนตัวของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าการคาดหมาย และอาจมีความไม่แน่นอนของการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ รวมถึงความเชื่อมั่นของภาคเอกชน ซึ่งจะมีผลต่อการฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนในปีนี้ด้วย
ทั้งนี้ การปล่อยให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับตามกลไกตลาด การลอยตัวก๊าซหุงต้ม และการปรับขึ้นของราคาสินค้าควบคุมตามต้นทุนที่สูงขึ้น มีส่วนผลักดันให้เงินเฟ้อในประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้นสู่ระดับร้อยละ 3.5-4.0 จาก 2.3 ในปีที่ผ่านมา
รองผู้จัดการฝ่ายวิจัย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า เศรษฐกิจในปีนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ปัญหาซับไพร์มของสหรัฐฯ ค่าเงินบาทแข็งค่า และค่าเงินในภูมิภาคจากปัญหาการอ่อนตัวของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าการคาดหมาย และอาจมีความไม่แน่นอนของการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ รวมถึงความเชื่อมั่นของภาคเอกชน ซึ่งจะมีผลต่อการฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนในปีนี้ด้วย