นายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับเมืองไทยในเร็วๆ นี้ เพื่อต่อสู้คดี ว่า คตส.ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะใจ คตส.เท่ากำปั้น และจะไม่มีการประชุมหารือเพื่อรับมือกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งการกลับมาต่อสู้คดีครั้งนี้ถือเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้กระบวนการของศาลเดินไปได้
นายบรรเจิด กล่าวด้วยว่า ไม่เห็นต้องกลัวอะไร หาก พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมา เพื่อเช็กบิล คตส.เพราะ คตส.อยู่ในความสงบนิ่ง ไม่หักงอ หากหักงอเมื่อไรก็อาจจะโดนเกี่ยวเอาได้ และจะไม่ขอท้าทายใคร แต่จะขอทำงานตามหน้าที่ตามปกติวิสัย เมื่อก่อนเคยทำอย่างไรก็ทำเช่นนั้น
นอกจากนี้ นายบรรเจิด ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาหาข้อสรุปทุกประเด็น โดยคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ พยายามทำให้เร็วที่สุด ซึ่งคิดว่าใกล้จะสรุปได้หมดแล้ว คาดว่าจะเสร็จภายในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน มีนาคมนี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าคดีที่ คตส.จะส่งให้อัยการฟ้องต่อจากคดีกล้ายางพารา 90 ล้านต้นนั้น น่าจะเป็นคดีธนาคารเพื่อการส่งเสริมการส่งออกและนำเข้า หรือเอ็กซิมแบงก์ ปล่อยกู้ให้รัฐบาลทหารพม่า 4,000 ล้านบาท
นายบรรเจิด กล่าวด้วยว่า ไม่เห็นต้องกลัวอะไร หาก พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมา เพื่อเช็กบิล คตส.เพราะ คตส.อยู่ในความสงบนิ่ง ไม่หักงอ หากหักงอเมื่อไรก็อาจจะโดนเกี่ยวเอาได้ และจะไม่ขอท้าทายใคร แต่จะขอทำงานตามหน้าที่ตามปกติวิสัย เมื่อก่อนเคยทำอย่างไรก็ทำเช่นนั้น
นอกจากนี้ นายบรรเจิด ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาหาข้อสรุปทุกประเด็น โดยคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ พยายามทำให้เร็วที่สุด ซึ่งคิดว่าใกล้จะสรุปได้หมดแล้ว คาดว่าจะเสร็จภายในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน มีนาคมนี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าคดีที่ คตส.จะส่งให้อัยการฟ้องต่อจากคดีกล้ายางพารา 90 ล้านต้นนั้น น่าจะเป็นคดีธนาคารเพื่อการส่งเสริมการส่งออกและนำเข้า หรือเอ็กซิมแบงก์ ปล่อยกู้ให้รัฐบาลทหารพม่า 4,000 ล้านบาท