นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. กล่าวถึงกฎหมายและระเบียบการกำหนดอายุรถโดยสารที่ให้บริการทุกประเภทภายใต้สัมปทานของ ขสมก. ว่า เพื่อยกระดับการให้บริการรถโดยสารสาธารณะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงได้กำหนดกฎระเบียบอายุการใช้งานรถโดยสารสาธารณะประเภทต่างๆ จากเดิมที่มีอายุสัมปทานปีต่อปี หากทำการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์โดยรถโดยสารสาธารณะประเภทประจำทางอายุสัมปทาน 15 ปี เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ แต่ใช้โครงรถเดิมจะมีอายุสัมปทาน 10 ปี ส่วนรถตู้โดยสาร และรถโดยสารมินิบัส อายุสัมปทาน 10 ปี และรถ 2 แถว อายุสัมปทาน 5 ปี อย่างไรก็ตาม หากหมดสิ้นอายุสัมปทานผู้ประกอบการก็จะต้องเริ่มต้นขอทำสัญญาสัมปทานกับ ขสมก.ใหม่ทั้งหมด
ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวด้วยว่า สำหรับรถตู้โดยสารสาธารณะซึ่งขณะนี้มีจำนวนมาก และเป็นที่ต้องการของประชาชนในการใช้บริการ ซึ่ง ขสมก.ต้องการที่จะให้รถตู้โดยสารทั้งหมดในสัญญาสัมปทาน 5,566 คัน ใน 115 เส้นทาง เปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ใช้ก๊าซเอ็นจีวี ซึ่งหากผู้ประกอบการรายใดต้องการต่อสัญญาสัมปทานกับ ขสมก.ต่อต้องเปลี่ยนเป็นรถตู้ใหม่ และใช้เครื่องยนต์เอ็นจีวี ซึ่งการลงทุนรถตู้ใหม่ประมาณ 1.3 ล้านบาทต่อคัน และสามารถคืนทุนได้ใน 4- 5 ปี แต่หากผู้ประกอบการไม่เปลี่ยนเป็นรถตู้ใหม่ก็จะไม่มีการต่ออายุสัมปทานให้ ทั้งนี้ คาดว่าจะมีรถโดยสารปรับเปลี่ยนมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีทั้งหมดภายในปี 2552
ทั้งนี้ หลักการพิจารณาอายุสัมปทานจะใช้หลักการพิจารณาด้านเทคนิคสภาพเครื่องยนต์ อุปกรณ์รถยนต์ ข้อมูลด้านการลงทุน และระยะเวลาอายุเครื่องยนต์ ซึ่งเชื่อว่าการลงทุนในแต่ละครั้งจะคุ้มค่า และผู้ประกอบการสามารถมีเงินเหลือเก็บจากการประกอบการธุรกิจ และเงินที่ใช้ในการลงทุนกับรถโดยสารคันใหม่เมื่อหมดอายุสัญญาสัมปทาน
ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวด้วยว่า สำหรับรถตู้โดยสารสาธารณะซึ่งขณะนี้มีจำนวนมาก และเป็นที่ต้องการของประชาชนในการใช้บริการ ซึ่ง ขสมก.ต้องการที่จะให้รถตู้โดยสารทั้งหมดในสัญญาสัมปทาน 5,566 คัน ใน 115 เส้นทาง เปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ใช้ก๊าซเอ็นจีวี ซึ่งหากผู้ประกอบการรายใดต้องการต่อสัญญาสัมปทานกับ ขสมก.ต่อต้องเปลี่ยนเป็นรถตู้ใหม่ และใช้เครื่องยนต์เอ็นจีวี ซึ่งการลงทุนรถตู้ใหม่ประมาณ 1.3 ล้านบาทต่อคัน และสามารถคืนทุนได้ใน 4- 5 ปี แต่หากผู้ประกอบการไม่เปลี่ยนเป็นรถตู้ใหม่ก็จะไม่มีการต่ออายุสัมปทานให้ ทั้งนี้ คาดว่าจะมีรถโดยสารปรับเปลี่ยนมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีทั้งหมดภายในปี 2552
ทั้งนี้ หลักการพิจารณาอายุสัมปทานจะใช้หลักการพิจารณาด้านเทคนิคสภาพเครื่องยนต์ อุปกรณ์รถยนต์ ข้อมูลด้านการลงทุน และระยะเวลาอายุเครื่องยนต์ ซึ่งเชื่อว่าการลงทุนในแต่ละครั้งจะคุ้มค่า และผู้ประกอบการสามารถมีเงินเหลือเก็บจากการประกอบการธุรกิจ และเงินที่ใช้ในการลงทุนกับรถโดยสารคันใหม่เมื่อหมดอายุสัญญาสัมปทาน