พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำตัว ส.ต.อ.มนตรี เทวรัตน์ ผบ.หมู่ กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 มาเผชิญหน้ากับ นายเกษม สาสะกุล เจ้าของรถตู้ตู้โตโยต้า รุ่นคอมมูเตอร์ สีบรอนด์-เงิน ทะเบียน ฮค-6064 กรุงเทพมหานคร คันเกิดเหตุ พร้อมนำภาพที่ได้จากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่จับภาพ ส.ต.อ.มนตรี ขณะขับรถตู้คันนี้เข้ามาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนเปิดกระจกรถทักทายเพื่อนตำรวจมาแสดงต่อสื่อมวลชนด้วย
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า จากหลักฐานดังกล่าวทำให้ ส.ต.อ.มนตรี จนมุม และยอมเปิดปากรับสารภาพว่า เป็นผู้ขับรถตู้เข้ามาจอดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนชื่อนายสมชาย แค่กุขึ้นมาเนื่องจากวันที่ถูก พล.ต.ท. พงศพัศ เรียกมาสอบถาม รู้สึกตกใจไม่ทันได้ตั้งตัวจึงโกหก ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งให้ตั้งกรรมการสอบสวนวินัย ส.ต.อ. มนตรี, ส.ต.ท.ชัยวัฒน์ ปัชฌาชัย และ ร.ต.อ.กรินทร์ ทองมโนกุล สารวัตรกองรักษาการณ์ กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 กรณีโกหกผู้บังคับบัญชา เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง รวมทั้งประเด็นการทำบันทึกประจำวันเท็จ และลบไฟลภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อไม่ให้เห็นใบหน้าของ ส.ต.อ. มนตรี
ด้าน ส.ต.อ. มนตรี ยืนยันคำพูดของ พล.ต.ท.พงศพัศ พร้อมซัดทอดว่า ร.ต.อ.กรินทร์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา เป็นผู้เสนอให้เช่ารถตู้ คิดค่าเช่าวันละ 1,000 บาท โดยตนไม่รู้ที่มาที่ไปของรถ และปกติจะขับรถแท็กซี่เป็นอาชีพเสริม พร้อมขอโทษผู้บังคับบัญชาและประชาชนรวมทั้งนายเกษม เจ้าของรถซึ่งบอกว่ายอมรับได้
จากนั้น พล.ต.ท.พงศพัศ ได้ส่งตัว ร.ต.อ.กรินทร์ และ ส.ต.อ. มนตรี ให้พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี รับตัวไปสอบสวนขยายผลว่า มีตำรวจรายใดเข้าไปเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ โดยยังไม่มีคำสั่งให้ออกจากราชการ
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า จากหลักฐานดังกล่าวทำให้ ส.ต.อ.มนตรี จนมุม และยอมเปิดปากรับสารภาพว่า เป็นผู้ขับรถตู้เข้ามาจอดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนชื่อนายสมชาย แค่กุขึ้นมาเนื่องจากวันที่ถูก พล.ต.ท. พงศพัศ เรียกมาสอบถาม รู้สึกตกใจไม่ทันได้ตั้งตัวจึงโกหก ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งให้ตั้งกรรมการสอบสวนวินัย ส.ต.อ. มนตรี, ส.ต.ท.ชัยวัฒน์ ปัชฌาชัย และ ร.ต.อ.กรินทร์ ทองมโนกุล สารวัตรกองรักษาการณ์ กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 กรณีโกหกผู้บังคับบัญชา เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง รวมทั้งประเด็นการทำบันทึกประจำวันเท็จ และลบไฟลภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อไม่ให้เห็นใบหน้าของ ส.ต.อ. มนตรี
ด้าน ส.ต.อ. มนตรี ยืนยันคำพูดของ พล.ต.ท.พงศพัศ พร้อมซัดทอดว่า ร.ต.อ.กรินทร์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา เป็นผู้เสนอให้เช่ารถตู้ คิดค่าเช่าวันละ 1,000 บาท โดยตนไม่รู้ที่มาที่ไปของรถ และปกติจะขับรถแท็กซี่เป็นอาชีพเสริม พร้อมขอโทษผู้บังคับบัญชาและประชาชนรวมทั้งนายเกษม เจ้าของรถซึ่งบอกว่ายอมรับได้
จากนั้น พล.ต.ท.พงศพัศ ได้ส่งตัว ร.ต.อ.กรินทร์ และ ส.ต.อ. มนตรี ให้พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี รับตัวไปสอบสวนขยายผลว่า มีตำรวจรายใดเข้าไปเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ โดยยังไม่มีคำสั่งให้ออกจากราชการ
