นายประณต สุริยะ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ประกาศเดินหน้าโครงการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเป็นภารกิจแรก ว่า สนข.พร้อมที่จะนำเสนอแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 10 เส้นทาง ที่ได้มีการศึกษาความเหมาะสมมาแล้วก่อนหน้านี้ โดยเป็นโครงการที่อยู่ในแผนแม่บท 7 เส้นทาง พร้อมดำเนินการก่อสร้างระยะแรก 5 เส้นทาง ประกอบด้วย สายสีแดง 2 เส้นทาง คือ บางซื่อ-ตลิ่งชัน และบางซื่อ-รังสิต สายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย หัวลำโพง-บางแค-บางซื่อ-ท่าพระ และสายสีเขียว เส้นทางอ่อนนุช-สมุทรปราการ โดยเชื่อว่าหากรถไฟฟ้าทั้ง 5 เส้นทางแล้วเสร็จ จะทำให้มีประชาชนหันมาใช้บริการรถไฟฟ้าอย่างน้อยวันละ 3 ล้านคน ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการจราจรบนท้องถนนได้มากขึ้น และลดเวลาการเดินทางของประชาชนลงได้มากกว่าร้อยละ 25-30 ของการใช้เวลาเดินทางในปัจจุบัน
ส่วนเส้นทางที่เหลือ คือ สายสีเขียวอ่อน (หมอชิต-สะพานใหม่) สายสีส้ม (บางกะปิ-บางบำหรุ) สายสีชมพู (แคราย-รามอินทรา-สุวินทวงศ์) สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-ศรีนครินทร์-สำโรง) และสายสีน้ำตาล (บางกะปิ-มีนบุรี) ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม และแผนการก่อสร้าง โดยเข้าใจว่าโครงการรถไฟฟ้าที่นายสมัคร กล่าวถึงอาจจะเป็นการปรับเปลี่ยนเส้นทางโดยใช้แผนการศึกษาเส้นทางของ สนข. ที่เสนอเป็นฐานการพิจารณาตัดสินใจดำเนินโครงการส่วนรายละเอียดจะต้องนำเข้าหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อีกครั้ง
ทั้งนี้ การที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับโครงการรถไฟฟ้า โดยลงมาดูแลโครงการก่อสร้างด้วยตัวเอง จะช่วยให้การขับเคลื่อนโครงการทำได้รวดเร็วมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าระยะเร่งด่วนจะเป็นการทยอยดำเนินการ แม้ว่าประชาชนต้องการให้โครงการเกิดขึ้นเร็ว เนื่องจากแต่ละโครงการก็มีขั้นตอนหลายอย่าง ทั้งเรื่องการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ผลกระทบและการมีส่วนร่วมต่อชุมชน ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ การลงทุน รวมถึงการจัดทำโครงการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่สำคัญ การทำโครงการรถไฟฟ้าหลายเส้นทางพร้อมกันต้องคำนึงถึงการจัดระบบแก้ปัญหาจราจรระหว่างการก่อสร้างด้วย
ส่วนเส้นทางที่เหลือ คือ สายสีเขียวอ่อน (หมอชิต-สะพานใหม่) สายสีส้ม (บางกะปิ-บางบำหรุ) สายสีชมพู (แคราย-รามอินทรา-สุวินทวงศ์) สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-ศรีนครินทร์-สำโรง) และสายสีน้ำตาล (บางกะปิ-มีนบุรี) ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม และแผนการก่อสร้าง โดยเข้าใจว่าโครงการรถไฟฟ้าที่นายสมัคร กล่าวถึงอาจจะเป็นการปรับเปลี่ยนเส้นทางโดยใช้แผนการศึกษาเส้นทางของ สนข. ที่เสนอเป็นฐานการพิจารณาตัดสินใจดำเนินโครงการส่วนรายละเอียดจะต้องนำเข้าหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อีกครั้ง
ทั้งนี้ การที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับโครงการรถไฟฟ้า โดยลงมาดูแลโครงการก่อสร้างด้วยตัวเอง จะช่วยให้การขับเคลื่อนโครงการทำได้รวดเร็วมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าระยะเร่งด่วนจะเป็นการทยอยดำเนินการ แม้ว่าประชาชนต้องการให้โครงการเกิดขึ้นเร็ว เนื่องจากแต่ละโครงการก็มีขั้นตอนหลายอย่าง ทั้งเรื่องการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ผลกระทบและการมีส่วนร่วมต่อชุมชน ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ การลงทุน รวมถึงการจัดทำโครงการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่สำคัญ การทำโครงการรถไฟฟ้าหลายเส้นทางพร้อมกันต้องคำนึงถึงการจัดระบบแก้ปัญหาจราจรระหว่างการก่อสร้างด้วย
