นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวว่า ในวันนี้ที่ประชุม กกต.ไม่มีวาระการเสนอยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย แม้จะผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุให้ยุบตามมาตรา 103 วรรคสอง ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มา ซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 ที่ระบุว่า หากกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีส่วนรู้เห็นให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ให้ถือว่าพรรคนั้นได้มาซึ่งอำนาจที่ไม่ได้เป็นวิธีที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ กกต.สามารถเสนอศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ยุบพรรคได้ โดยประเด็นนี้ กกต.จะต้องนำเข้าที่ประชุม กกต.วินิจฉัยอีกครั้ง
ส่วนกรณีพรรคชาติไทยทำหนังสือถึง กกต.ขอให้ยึดหลักรัฐศาสตร์เป็นแนวทางการพิจารณายุบพรรคนั้น นางสดศรี ระบุว่า กกต.คงต้องพิจารณาตามกฎหมาย ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ได้ยึดประโยชน์ของพรรคการเมืองใดเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในกรณียุบพรรคชาติไทย กกต.อาจนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม กกต.โดยไม่จำเป็นต้องผ่าน คณะกรรมการกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ เนื่องจากมีลักษณะการกระทำผิดในแนวทางเดียวกัน
ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า การทำงานโดยยึดตามกรอบกฎหมาย ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถใช้ดุลพินิจได้ เพราะ กกต.สามารถมีดุลยพินิจได้ตามกรอบของกฎหมาย และกฎหมายก็เปิดช่องให้ผู้ที่ใช้กฎหมายนั้น สามารถใช้ดุลยพินิจตามกรอบของกฎหมายได้ โดย กกต.จะยึดหลักนิติธรรมและความเป็นธรรมเป็นหลักสำคัญ
ส่วนกรณีพรรคชาติไทยทำหนังสือถึง กกต.ขอให้ยึดหลักรัฐศาสตร์เป็นแนวทางการพิจารณายุบพรรคนั้น นางสดศรี ระบุว่า กกต.คงต้องพิจารณาตามกฎหมาย ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ได้ยึดประโยชน์ของพรรคการเมืองใดเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในกรณียุบพรรคชาติไทย กกต.อาจนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม กกต.โดยไม่จำเป็นต้องผ่าน คณะกรรมการกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ เนื่องจากมีลักษณะการกระทำผิดในแนวทางเดียวกัน
ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า การทำงานโดยยึดตามกรอบกฎหมาย ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถใช้ดุลพินิจได้ เพราะ กกต.สามารถมีดุลยพินิจได้ตามกรอบของกฎหมาย และกฎหมายก็เปิดช่องให้ผู้ที่ใช้กฎหมายนั้น สามารถใช้ดุลยพินิจตามกรอบของกฎหมายได้ โดย กกต.จะยึดหลักนิติธรรมและความเป็นธรรมเป็นหลักสำคัญ