กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้เปิดเผยตัวเลขค้าปลีกของเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่งลดลงเหนือความคาดหมายถึง 0.4 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่คาดว่าจะลดลงเพียง 0.1 เปอร์เซ็นต์ อันเป็นสัญญาณที่ชี้ชัดขึ้นว่า สหรัฐฯ กำลังก้าวเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ต้อตอของปัญหาก็มาจากวิกฤตหนี้เน่าในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือ ซับไพรม์ ที่ทำให้หลายบริษัทสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก และสถานการณ์ดังกล่าวก็ทำให้ชาวอเมริกันประหยัดมากขึ้น ใช้จ่ายเงินน้อยลง ตัวเลขค้าปลีกที่ออกมา ทำให้นักลงทุนวิตกกังวล พากันเทขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงทั้ง 3 ดัชนี ฉุดให้ดัชนีหุ้นในตลาดยุโรปร่วงตามกันเป็นแถว นักเศรษฐศาสตร์หลายคนให้ความเห็นว่า แนวทางที่จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก้าวพ้นจากภาวะถดถอยได้คือ จะต้องกระตุ้นให้ผู้บริโภคใช้จ่ายเงินให้มากขึ้น โดยรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังผลักดันนโยบายการลดภาาถาวร และลดหย่อนภาษีให้ชาวอเมริกันมีรายได้น้อย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่จะใช้จ่ายเงินมากที่สุด
ขณะเดียวกัน หลายฝ่ายก็คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะออกมาตราการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมก่อนกำหนด ซึ่งคราวนี้อาจมากถึง 0.75 เปอร์เซ็นต์ โดยมาตรการนี้อาจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงไปอีก แต่ระยะนี้ค่าเงินสหรัฐฯ อาจได้รับผลดีจากการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้น จึงทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังทรงตัวอยู่ได้
ขณะเดียวกัน หลายฝ่ายก็คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะออกมาตราการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมก่อนกำหนด ซึ่งคราวนี้อาจมากถึง 0.75 เปอร์เซ็นต์ โดยมาตรการนี้อาจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงไปอีก แต่ระยะนี้ค่าเงินสหรัฐฯ อาจได้รับผลดีจากการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้น จึงทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังทรงตัวอยู่ได้