นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ธุรกิจบัตรเครดิตมีการขยายตัวค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ยังไม่เห็นสัญญาณที่แสดงความผิดปกติในธุรกิจนี้ โดยอัตราการผิดนัดชำระหนี้อยู่ที่ระดับร้อยละ 3 ของยอดสินเชื่อคงค้าง ซึ่งทรงตัวในระดับนี้มาตั้งแต่ในปี 2549 เป็นต้นมา ขณะที่หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของบัตรเครดิตมีประมาณร้อยละ 3 ถือว่าไม่มากนัก เพราะผู้ประกอบการมีการตัดหนี้สูญทันที ทำให้ภาพรวมธุรกิจบัตรเครดิตยังคงดี
ขณะที่ฝ่ายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท.รายงานตัวเลขการให้บริการบัตรเครดิตล่าสุดสิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีจำนวนบัตรเครดิตทั้งสิ้น 11,923,010 บัตร เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 64,799 บัตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.55 ยอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้น 1,508 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.87 โดยปริมาณการใช้จ่ายในประเทศลดลง 684 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1.24 ซึ่งจากข้อมูลของ ธปท.พบว่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ออกในประเทศลดลงค่อนข้างมากถึง 2,098 ล้านบาท เช่นเดียวกับปริมาณการใช้จ่ายในต่างประเทศก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยลดลง 590 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 18.71 และเมื่อดูยอดการใช้จ่ายรวมทั้งระบบลดลง 803 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1.07 ส่วนการเบิกเงินสดล่วงหน้าเพิ่มขึ้นเพียง 470 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.73
ขณะที่ฝ่ายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท.รายงานตัวเลขการให้บริการบัตรเครดิตล่าสุดสิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีจำนวนบัตรเครดิตทั้งสิ้น 11,923,010 บัตร เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 64,799 บัตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.55 ยอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้น 1,508 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.87 โดยปริมาณการใช้จ่ายในประเทศลดลง 684 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1.24 ซึ่งจากข้อมูลของ ธปท.พบว่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ออกในประเทศลดลงค่อนข้างมากถึง 2,098 ล้านบาท เช่นเดียวกับปริมาณการใช้จ่ายในต่างประเทศก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยลดลง 590 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 18.71 และเมื่อดูยอดการใช้จ่ายรวมทั้งระบบลดลง 803 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1.07 ส่วนการเบิกเงินสดล่วงหน้าเพิ่มขึ้นเพียง 470 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.73
