xs
xsm
sm
md
lg

ปักหมุด 5 ไฮไลต์ จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ที่จังหวัดฟุกุชิมะ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมื่อพูดถึง “ใบไม้เปลี่ยนสี” ญี่ปุ่นมักเป็นประเทศแรกที่หลายคนนึกถึง แต่ถ้าถามว่า “ปีนี้จะไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ไหนดี?” หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า “ภูมิภาคโทโฮคุ” คือหนึ่งในพิกัดลับที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเต็มไปด้วยธรรมชาติสุดตระการตา ทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยติดอันดับของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ดังนั้น มาดูกันว่า...สถานที่ไหนบ้างที่ไม่ควรพลาดในฤดูใบไม้ร่วงนี้
“ภูมิภาคโทโฮคุ” คือภูมิภาคที่เป็นที่ตั้งของเซนไดนั่นเอง จังหวัดของภูมิภาคนี้ที่ชาวไทยไม่ควรพลาดคือ “จังหวัดฟุกุชิมะ” จังหวัดที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น! สามารถนั่งชินคันเซนเดินทางจากสถานีโตเกียวโดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง นอกจากนี้ยังอยู่เหนือนิกโก้และอยู่ใต้เซนได ทำให้ง่ายต่อการวางรูทที่เที่ยวเป็นอย่างยิ่ง


1. ปราสาทสึรุงะ (Tsuruga Castle) – ปราสาทไร้พ่ายที่เปรียบดั่งแลนด์มาร์กของจังหวัด

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนตุลาคม - ต้นเดือนพฤศจิกายน

ปราสาทที่เป็นดั่งหัวใจของเมืองไอสึวากามัตสึ (Aizuwakamatsu) ซึ่งเป็นเมืองยอดนิยมของจังหวัด มีจุดเด่นอยู่ที่หลังคาของปราสาทที่ยังคงรูปแบบของกระเบื้องสีแดงอย่างปราสาทดั้งเดิมของญี่ปุ่น และในปัจจุบัน ปราสาทสึรุงะเป็นปราสาทเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่ยังคงรูปแบบหลังคากระเบื้องสีแดงไว้อยู่

ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ปราสาทจะถูกล้อมรอบด้วยต้นเมเปิ้ลสีแดงสดและจัดแสดงไลท์อัพให้ชมในยามค่ำ เมื่อขึ้นไปถึงยอดปราสาท เราจะได้เปิดมุมมอง 360 องศาของเมืองและทิวเขารอบๆ นอกจากนี้บริเวณด้านล่างยังมีเรือนน้ำชาและร้านขนมของฝากมากมาย


2. มุเก็นเคียวโนะวาตาชิ (Mugenkyo no Watashi) – ช่องเขาม่านหมอกซึ่งเปี่ยมด้วยบรรยากาศลึกลับ

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี : กลางเดือนตุลาคม - ต้นเดือนพฤศจิกายน

เมื่อมาถึงจังหวัดฟุกุชิมะ กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดที่สุดก็คือ การนั่งเรือข้ามฟากชมช่องเขาม่านหมอก “มุเก็นเคียว โนะ วาตาชิ” ซึ่งได้รับการยอมรับจากทั่วโลกให้เป็นหนึ่งในทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดของญี่ปุ่น


3. หมู่บ้านโบราณโออุจิจุคุ (Ouchijuku) – หมู่บ้านยุคเอโดะ จุดแวะพักผ่อนสำหรับนักเดินทางจากเมืองไอสึไปยังนิกโก

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนตุลาคม - ต้นเดือนพฤศจิกายน

หมู่บ้านโบราณแห่งเดียวในฟุกุชิมะที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมจากยุคเอโดะไว้อย่างสมบูรณ์ ที่นี่เคยเป็นเส้นทางสัญจรสำคัญของโชกุนและพ่อค้าเมื่อกว่า 300 ปีก่อน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “เขตอนุรักษ์กลุ่มอาคารดั้งเดิมสำคัญของชาติ” ตั้งแต่ปี 1981

ภายในหมู่บ้านมีอาคารกว่า 30 หลังเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบสองฝั่งของถนนสายเก่า รายล้อมด้วยภูเขาที่ถูกย้อมด้วยสีส้มแดงเป็นฉากหลัง นอกจากนี้ทางเดินขึ้นจุดชมวิวยังเดินสะดวกและไม่ไกล รับรองได้เลยว่าจะได้ภาพมุมหลังคาหมู่บ้านแบบเดียวกับของช่างภาพแน่นอน ทุกมุมทุกช็อตจึงกลายเป็นภาพสวยเหมือนในนิยาย


4. บึงน้ำห้าสี หรือทะเลสาบโกชิคินุะ Goshikinuma Ponds – ธรรมชาติอันงดงามที่ได้ดาวจาก Michelin Green Guide

บึงน้ำห้าสีที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟในอดีต เมื่อแร่ธาตุทำปฏิกิริยากับสภาพแวดล้อมรอบด้านทำให้มองเห็นน้ำในทะเลสาบเป็นสีต่าง ๆ ตั้งแต่สีฟ้า น้ำเงินเข้ม เขียว เหลืองไปจนถึงแดง ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ธรรมชาติที่รายล้อมบึงต่างๆ จะกลายเป็นสีส้มแดงตัดกับสีของบึงอย่างงดงาม นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีกิจกรรมพายเรือ หรือถ้าหากใครสนใจชมหลายบึง ที่นี่ก็มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติที่เดินง่าย และเป็นเส้นทางที่สามารถชมบึงโกชิกินุมะได้ถึง 3 บึงด้วย


5. เส้นทางบันได อาซูมะ เลคไลน์ (Bandai Azuma Lake Line) – เส้นทางพิเศษสำหรับใครที่เป็นสาย Road Trip

ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี : กลางเดือนตุลาคม - ปลายเดือนตุลาคม

สำหรับใครที่ชื่นชอบการเช่ารถยนต์เที่ยวญี่ปุ่น เส้นทางนี้คือเส้นทางสำหรับขับรถชมใบไม้เปลี่ยนสีโดยเฉพาะ ถนนสายเลคไลน์นี้อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวแห่งเดียวกับบึงน้ำห้าสี เป็นเส้นทางที่พาเราไปพบกับวิวทะเลสาบถึง 3 แห่งและหนองน้ำสวยๆ กว่า 100 แห่งโดยมีวิวใบไม้เปลี่ยนสีไปตลอดเส้นทาง นอกจากนี้ ระหว่างทางเรายังสามารถแวะเดินเล่นที่ “หุบเขานาคาสึกาวะ” (Nakatsugawa Valley) ซึ่งเป็นหุบเขาที่สวยและมีชื่อเสียงในภูมิภาคโทโฮคุ หรือจะถ่ายวิวของหุบเขาจากบนสะพานก็ได้เช่นกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น