xs
xsm
sm
md
lg

กรมศิลป์แจง ไม่มีอำนาจห้ามเคลื่อนย้าย “พระอุเชนทร์” ไปทำพิธี เนื่องจากสิทธิ์ครอบครองเป็นของ “วัดสวนขัน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พระอุเชนทร์ หรือ พระอุเชน วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช พระพิฆเนศคู่บารมีพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ (ภาพจาก : คลังสารสนเทศนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์)
สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช กรมศิลปากรโพสต์ชี้แจง ไม่มีอำนาจในการอนุญาต-ไม่อนุญาต ในการเคลื่อนย้าย “พระอุเชนทร์” ไปทำพิธี เนื่องจากสิทธิ์ครอบครองเป็นของ “วัดสวนขัน” ทำได้เพียงส่งเจ้าหน้าที่ไปให้คำแนะนำในการเคลื่อนย้ายและร่วมตรวจสอบโบราณวัตถุดังกล่าว

จากกรณีไวรัลเดือดบนโซเชียล หลังเพจดังได้ขุดภาพของอินฟลูฯ คนดังและผู้ร่วมงานกำลังทำพิธีตามความเชื่อ โดยอินฟลูฯ คนดังกล่าว ได้ใช้มือเปล่าจับ สัมผัส และจูบไปที่ “พระอุเชนทร์” หรือ “พระอุเชน” โบราณวัคถุเก่าแก่อายุกว่า 1,600 ปี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพระพิฆเนศคู่บารมี “พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์” จนทำให้ชาวนครศรีธรรมราชเดือดจัด พร้อมเร่งให้ทาง “วัดสวนขัน” ผู้ดูแลพระอุเชนทร์ และกรมศิลปากรออกมาชี้แจงในเรื่องดังกล่าว

ล่าสุดวันนี้ (10 กันยายน 2568) เพจ สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าว ดังนี้


พระอุเชน วัดสวนขัน : โบราณวัตถุที่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ในความครอบครองของวัดและเอกชน


พระอุเชน เป็นพระพิฆเณศสร้างจากศิลา ศิลปะศรีวิชัย อายุพุทธศตวรรษที่ ๑๓ - ๑๕ อยู่ในความครอบครองของวัดสวนขัน ตำบลช้างกลาง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช กรมศิลปากรพิจารณาเห็นว่าพระอุเชนเป็นโบราณวัตถุที่มีประโยชน์หรือคุณค่าในทางศิลปะ ประวัติศาสตร์หรือโบราณคดีเป็นพิเศษ จึงอาศัยอำนาจตาม พรบ.โบราณสถานฯ ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุ (พระอุเชน) โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๔ ตอนพิเศษ ๖๙ ง ลงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๐


การประกาศขึ้นทะเบียนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อปกป้องคุ้มครองโบราณวัตถุ (พระอุเชน) จากการดัดแปลงแก้ไข ชำรุด เสียหายหรือสูญหาย #โดยที่สิทธิ์ในการครอบครองพระอุเชนยังคงเป็นของวัดสวนขันดังเดิม ซึ่งจากการประกาศขึ้นทะเบียนมีผลให้พระอุเชนได้รับการคุ้มครองใน ๓ ประเด็น สำคัญ ได้แก่


๑.ห้ามมิให้ซ่อมแซม แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลง โดยมิได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีกรมศิลปากร
๒.หากเกิดความชำรุด หักพัง เสียหาย สูญหาย หรือมีการย้ายสถานที่เก็บรักษา ให้ผู้ครอบครองแจ้งเป็นหนังสือไปยังอธิบดีกรมศิลปากรภายใน ๓๐ วัน
๓.หากผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์ หรือทำให้สูญหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๑๐ ปี ปรับไม่เกิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ **ศึกษาเพิ่มเติมในพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๐๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๓๕ หมวด ๒ และหมวด ๕


กรณีข่าวพระอุเชนที่เป็นกระแสสังคมตอนนี้เกิดขึ้นเมื่อปี ๒๕๖๖ โดยมีกลุ่มผู้มีจิตศรัทธาได้จัดงานคเณศจตุรถี ในวันศุกร์ที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๖ ณ ธรรมสถานเรือนพระปัณณวิชญ์ เขตบางบอน กรุงเทพฯ จึงได้ประสานมายังวัดสวนขันผู้ครอบครองพระอุเชน เพื่อขออนุญาตอัญเชิญพระอุเชนไปประดิษฐานชั่วคราว จากนั้นวัดสวนขันได้ทำหนังสือมายังสำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช #แต่เนื่องจากพระอุเชนเป็นโบราณวัตถุในความครอบครองของวัดสวนขัน กรมศิลปากร โดยสำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช จึงไม่มีอำนาจในการอนุญาตไม่อนุญาตในการดังกล่าว จึงแจ้งว่าไม่ขัดข้องในการเคลื่อนย้ายพระอุเชน และเพื่อเป็นการปกป้องคุ้มครองพระอุเชนจากความชำรุดเสียหายจากการเคลื่อนย้ายหรือถูกสลับสับเปลี่ยนในก่อนและหลังการเคลื่อนย้ายพระอุเชน สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำในการเคลื่อนย้ายและร่วมตรวจสอบโบราณวัตถุดังกล่าวด้วย

พระอุเชนทร์ หรือ พระอุเชน วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช พระพิฆเนศคู่บารมีพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ (ภาพจาก : คลังสารสนเทศนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์)


กำลังโหลดความคิดเห็น