ผู้ว่าฯ เชียงราย เผย “วัดแสงแก้วโพธิญาณ” หลังเกิดไฟไหม้ ยังเที่ยวได้ตามปกติ ทางวัดยังมีของดีให้ดูอีกเพียบ ขณะที่หลาย ๆ คนร่วมทำบุญสมทบทุนให้กับวิหารลายคำ ส่วนจะซ่อมแซมหรือสร้างใหม่คงต้องรอผลสรุปอีกที
จากกรณีเกิดเหตุไฟไหม้ วิหารลายคำ แห่ง วัดแสงแก้วโพธิญาณ วัดชื่อดังแห่งจังหวัดเชียงราย เมื่อกลางดึกวันที่ 22 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา โดยในเบื้องต้นประเมินความเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการ จังหวัดเชียงราย เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า สาเหตุของเพลิงไหม้คงต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบเพื่อสรุปผลต่อไป ส่วนวิหารลายคำที่ถูกไฟไหม้คงต้องรอผลสรุปว่าจะทำการซ่อมแซมหรือสร้างใหม่ดี
นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ เชียงราย ยังกล่าวว่า สำหรับใครที่ต้องการจะมาเที่ยวที่วัดแสงแก้วในช่วงนี้ก็ยังมีจุดอื่นที่สวยงามน่าสนใจอีกมากมาย สามารถมาเที่ยวกันได้ตามปกติ
ด้านเพจ วัดแสงแก้วโพธิญาณ《宝光菩提禅寺庙》หลังเกิดเหตุไฟไหม้ก็ได้ประกาศเชิญชวนร่วมบริจาคทำบุญให้กับวิหารลายคำ ได้ที่ ธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี : วัดแสงแก้วโพธิญาณ 02-011-990-2508 ซึ่งได้มีผู้มีจิตศรัทธาโพสต์สลิปร่วมทำบุญกับทางวัดเป็นจำนวนมาก
สำหรับ วัดแสงแก้วโพธิญาณ หรือ “วัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ”ตั้งอยู่บนดอยม่อนแสงแก้ว บ้านใหม่แสงแก้ว ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กแห่งศรัทธาและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งใหม่ของจังหวัดเชียงราย
วัดแห่งนี้เกิดขึ้นมาจากนิมิตของ “พระครูบาอริยชาติ อริยจิตโต” ซึ่งได้นิมิตเห็นฝนตกหนัก พระครูเดินหลงทางไปจนเห็นป่าทั้งป่าบนภูเขา มีดอกบัวบานเต็มไปหมด มีแสงสว่างไสวสวยงาม แสงเรืองรองเหมือนแสงแก้วกลายเป็นดอกบัว หรืออีกนัยหนึ่งคือ “โพธิญาณ” หมายถึง หยั่งรู้ เหมือนบัวที่ผุดโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำ แล้วเปล่งแสง คล้ายแสงแก้ว
หลังจากที่ท่านพระครู นำเรื่องนิมิตไปบอกกล่าว กับพ่อหลวงยา ศรีทา ท่านก็เริ่มเดินทางค้นหาสถานที่ตามนิมิต จนได้พบยอดเนินบนบ้านป่าตึงงาม จึงได้จุดธูปเทียนพร้อมทั้งกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล และตั้งจิตอธิษฐานว่า “หากสถานที่แห่งนี้ แม้เป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่อันเป็นมังคละคู่บารมีท่านในการที่จะได้จรรโลงพระพุทธศาสนาต่อไป แล้ว ขอให้ได้ที่ดินผืนนี้มา”
จากนั้นเมื่อเจ้าของที่ดินทราบข่าวก็ได้ถวายที่ดินประมาณ 19 ไร่เศษให้กับท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตโต เพื่อสร้างวัดเป็นศูนย์รวมจิตใจและทำนุบำรุงพุทธศาสนาสืบไป โดยวัดแสงแก้วโพธิญาณ ได้เริ่มก่อสร้างขึ้น ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 หลังจากนั้นวัดแห่งนี้ได้กลายมาเป็นพุทธสถานที่เป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชนจนถึงปัจจุบันนี้
วัดแสงแก้วโพธิญาณเป็นหนึ่งในวัดที่มีความสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจมากแห่งหนึ่งของเมือองไทย งานสถาปัตยกรรมและพุทธศิลป์ต่าง ๆ ภายในวัดออกแบบโดยท่านพระครูบาอริยชาติ อริยจิตโต ซึ่งได้ผสมผสานศิลปะล้านนา ศิลปะไทยใหญ่ และศิลปะพม่า เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อแสดงออกถึงความเชื่อและวัฒนธรรมของชาวพุทธในดินแดนล้านนาอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังไว้ด้วยแฝงความหมายในเชิงธรรมะและแฝงหลักพุทธรรมอันลึกซึ้ง
วัดแห่งนี้แบ่งพื้นที่ออกเป็นชั้น ๆ ชั้นแรกเมื่อเข้ามาจะเห็นรูปเหมือนแทนพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ คือ พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า พระโคตมพุทธเจ้า มีสิงห์คู่ตัวใหญ่ และบันไดนาค
เมื่อเดินขึ้นบันไดผ่านซุ้มประตูเข้ามาก็จะเป็นชั้นที่สอง เป็นพุทธาวาสเป็นเขตของพระพุทธเจ้า เป็นที่ทำสังฆพิธีต่าง ๆ มีอุโบสถ วิหาร หอไตร มีปราสาท 16 หลัง แทนพรหม 16 ชั้น มีศาลา 16 ห้อง แทน 16 ชั้นฟ้า
ที่ชั้นสองนี้ จะเห็นยักษ์และเทวดาซึ่งเป็นปริศนาธรรมของพระครูบาอริยชาติ หากสังเกตดี ๆ ที่ยักษ์สองตนด้านขวานั้นในมือก็มีทั้งบุหรี่และเหล้า ทำสัญลักษณ์มือบอกรัก ส่วนที่เท้าก็มีทั้งรองเท้าแตะและรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์ส เรียกได้ว่าเป็นปริศนาธรรมที่ผสมผสานความเชื่อดั้งเดิมเข้ากับวัตถุสมัยนิยมในยุคนี้ ซึ่งยักษ์ทั้ง 2 ตนนี้ได้ถูกกล่าวขานถึงอย่างกว้างขวาง
จุดสำคัญของบริเวณชั้นสองก็คือ “วิหารลายคำ” หรือ “พระวิหารลายคำ” ที่งดงามเป็นอย่างมาก หากเดินขึ้นมาด้านบนวิหารแล้วมองกลับไปด้านหลังก็จะเห็นวิวมุมกว้างของดอยม่อนแสงแก้ว ส่วนภายในวิหารประดิษฐานองค์พระประธาน คือ “พระแสงแก้วโพธิญาณ” พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนทรงเครื่องล้านนาสีทองอร่ามดูงดงามยิ่งนัก ที่มีหัวใจเป็นทองคำซึ่ง “ครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร" พระเกจิชื่อดังเป็นผู้บรรจุไว้ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าวันนี้พระวิหารลายคำถูกไฟไหม้วอดเสียหายทั้งหลัง หลงเหลือเพียงองค์พระแสงแก้วโพธิญาณที่ถูกไฟไหม้ทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์เตือนใจ
ส่วนชั้นที่ 3 เป็นชั้นที่ตั้ง กุฏิ ของพระครูบาอริยชาติ และเป็นที่ตั้งขอพรจากท่านเทพทันใจ แม่นางกวัก แม่กระซิบ อีกทั้งยังเป็นที่ให้เช่าบูชา วัตถุมงคลต่าง ๆ ของทางวัด มีศาลาเอนกประสงค์ไว้สำหรับพักผ่อน กับบรรยากาศที่ร่มรื่น หอฉัน ห้องน้ำ ก็อยู่ในชั้นนี้ด้วย
เมื่อพ้นจากเขาพระสุเมรุ ด้านหลังขึ้นบันไดไป เป็นรูปหล่อโลหะ “ครูบาศรีวิชัยองค์ใหญ่ที่สุดในโลก” ด้านซ้ายของคือครูบาขาวปี๋ ด้านขวาคือครูบาชัยยะวงศาพัฒนา ด้วยเหตุว่าชาวล้านนาเชื่อว่าครูบาศรีวิชัยคือพระโพธิสัตว์ที่ลงมาจุติในล้านนา ที่ครูบาอริยชาติสร้างรูปครูบาศรีวิชัยไว้ชั้นบนสุดเพื่อเป็นความหมายว่า เหนือพระโพธิญาณ มีพระโพธิสัตว์ พระวิหารที่สร้างไว้ชั้นกลางหรือชั้นสวรรค์-พรหม นั้นจะมีสะพานเชื่อมขึ้นมาถึงชั้นนี้ เป็นนัยว่าการข้ามเข้าสู่ชั้นนิพพาน
ส่วนด้านหลังรูปเคารพของ 3 ครูบา ประดิษฐาน “องค์พระศรีอริยเมตไตรยบรมโพธิญาณ” อันยิ่งใหญ่อลังการ องค์พระมีขนาดหน้าตักกว้าง 21 เมตร สูง 32 เมตร ฐานสูง 18 เมตร รวมฐานและองค์พระสูงประมาณ 50 เมตร
นอกจากนี้ที่วัดแสงแก้วโพธิญาณยังมีอีกหนึ่งไฮไลต์ไม่ควรพลาดคือ ลานกระจกหรือสกายวอล์กที่ตั้งอยู่บริเวณองค์พระศรีอริยเมตไตรยฯ ซึ่งทางวัดสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับประชาชน นักท่องเที่ยว ที่ต้องการขึ้นไปสักการะองค์พระอริยเมตไตรยฯ ด้วยการเดินไปบนสะพานกระจก
สกายวอล์คกระจกแห่งนี้แบ่งเป็น 2 ด้าน 3 ระดับ มีสโลแกนว่า “ไหว้พระสุดเสียวหนึ่งเดียวในโลก” ขึ้นได้ครั้งละไม่เกิน 100 คน นักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาเดินบนนี้ สามารถมองเห็นทิวทัศน์พื้นที่ อ.แม่สรวย ได้แบบ 360 องศา ถือเป็นจุดถ่ายภาพชวนตื่นตาตื่นใจ และหวาดเสียวสำหรับผู้ที่กลัวความสูงได้เป็นอย่างดี
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของวัดแสงแก้วโพธิญาณ อีกหนึ่งแลนด์มาร์กธรรมแห่งใหม่ของภาคเหนือ ซึ่งแม้วันนี้วิหารลายคำจะถูกไฟไหม้เสียหายหนัก แต่วัดแห่งนี้ยังมีสิ่งน่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมายให้สาธุชนได้ไปเที่ยวชมและทำบุญเพื่อสมทบทุนฟื้นวิหารลายคำของวัดแห่งนี้ให้กลับคืนมาสวยงามดังเดิม
##########################
ร่วมทำบุญบริจาคให้กับพระวิหารลายคำ วัดแสงแก้วโพธิญาณ ได้ที่ ธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี : วัดแสงแก้วโพธิญาณ 02-011-990-2508