ชวนแต่งชุดไทย เที่ยวชมความงดงามของโบราณสถานยามค่ำคืน กับงาน “ยามค่ำอยุธยา 2567” ณ วัดไชยวัฒนาราม และ วัดราชบูรณะ ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ จนถึง เม.ย. 67 พร้อมชิมชอปของอร่อย “อยุธยาไนท์มาร์เก็ต”
“อยุธยา” เป็นจังหวัดใกล้กรุงที่ไปเที่ยวกี่ครั้งก็ไม่มีเบื่อ โดยเฉพาะสายบุญและคนที่ชื่นชอบการเดินชมโบราณสถาน
แต่ในครั้งนี้จะชวนมาเที่ยวอยุธยาในแบบที่แตกต่างออกไป เพราะเราจะมาเที่ยวกันในยามค่ำ ที่มีแสดงไฟประดับประดาโบราณสถานให้มีความงดงามจับตา ในมุมที่ต่างออกไปจากการชมโบราณสถานในช่วงกลางวัน
ในปีที่แล้ว “อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา” มีการจัดไฟประดับประดาสวยงามที่วัดไชยวัฒนาราม ในงาน “ราตรีนี้...ที่วัดไชยวัฒนาราม” จนถึงช่วงสิ้นปี ส่วนในปีนี้กลับมาใหม่อีกครั้งกับงาน "ยามค่ำอยุธยา 2567 : Ayutthaya Sundown 2024"
ในงาน “ยามค่ำอยุธยา 2567” ครั้งนี้ จะจัดประดับไฟที่ วัดไชยวัฒนาราม และ วัดราชบูรณะ ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2567 โดยที่ “วัดไชยวัฒนาราม” เข้าชมโบราณสถานยามค่ำคืนได้ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ และเทศกาลสำคัญ ส่วนที่ “วัดราชบูรณะ” เข้าชมโบราณสถานยามค่ำคืนได้ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์
ทั้งสองแห่ง จะจัดแสดงไฟตั้งแต่เวลา 18.00 - 22.00 น. (สามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ถึง 21.00 น.) ค่าธรรมเนียมเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท ผู้พิการ และชาวไทยผู้มีอายุมากกว่า 60 ปี เข้าชมฟรี
นอกจากจะเข้าชมแสงไฟสวยงามที่ประดับประดาโบราณสถานจนงามระยิบระยับแล้ว ก็ยังอยากจะชวนทุกคนมาใส่ชุดไทยสวยๆ ไปถ่ายรูปกันในยามค่ำคืน หากใครไม่รู้จะไปเช่าชุดไทยสวยๆ ที่ไหน บริเวณด้านหน้าวัดไชยวัฒนารามก็มีให้เลือกหลายร้าน แต่ละร้านมีชุดไทยหลายแบบ และมีบริการแต่งหน้าทำผมด้วย
บางคนมาถึงวัดไชยฯ ตั้งแต่ช่วงบ่าย เปลี่ยนเป็นชุดไทยสวยๆ แล้วถ่ายรูปกันตั้งแต่ช่วงกลางวัน จากนั้นอยู่รอชมพระอาทิตย์ตกดินยามเย็นที่จะลาลับขอบฟ้าด้านหลังองค์พระปรางค์ พอฟ้าเริ่มมืดก็จะถ่ายรูปชุดไทยท่ามกลางแสงไฟในยามค่ำคืน เรียกว่ามาวันเดียวได้ภาพสวยกันแบบจุใจหลายบรรยากาศ
สำหรับ “วัดไชยวัฒนาราม” เป็นวัดโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยาตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระองค์โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นบนที่ที่เป็นบ้านเดิมของพระองค์เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายพระราชมารดา แต่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือนครละแวกโดยจำลองแบบมาจากปราสาทนครวัด
ภายในวัดมี “พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ” เป็นปรางค์ประธานอยู่ตรงกลาง ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส และมีปรางค์บริวารอยู่รายล้อม ยอดขององค์ปรางค์ ทำเป็นรัดประคดซ้อนกัน 7 ชั้นแต่ละชั้น เป็นลวดลาย ใบขนุน กลีบขนุน ส่วนบนสุดเป็นทรงดอกบัวตูม ปรางค์แบบนี้มีลักษณะเหมือน ปรางค์ในสมัย อยุธยาตอนต้น ซึ่ง วัดไชยวัฒนารามนั้น สร้างในสมัยอยุธยาตอนกลาง จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นการนำเอาพระปรางค์ที่นิยมสร้างในสมัยอยุธยาตอนต้นมาก่อสร้างอีกครั้ง
ส่วนบริเวณระเบียงคดโดยรอบฐานประทักษิณ แต่เดิมจะมีหลังคารอบๆ ที่บริเวณระเบียงคดนี้ จะมีพระพุทธรูป ปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ รวมทั้งหมด 120 องค์ แกนในทำจากไม้ พอกปูนทีละชั้นจนได้สัดส่วนส่วนนิ้ว ใช้โลหะสำริด ดัดขึ้นรูป ปัจจุบันเหลือที่ยังมีพระเศียร อยู่ 2 องค์
และยังมีพระอุโบสถ สร้างอยู่ทางด้านหน้ากำแพงเมรุทิศเมรุราย นอกระเบียงคด ปัจจุบันเหลือแต่ฐาน ข้างๆมีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง มีกำแพงล้อมรอบโบราณสถานสำคัญแหล่านี้ถึง 3 ชั้น และ มีปรางค์เจดีย์ขนาดย่อมอีกจำนวนหนึ่งซึ่งสร้างเพิ่มในภายหลัง
นอกจากนี้วัดไชยวัฒนารามยังมี มุมยอดฮิตในการถ่ายรูปที่หน้าวัด บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา หันหน้ากลับเข้ามาทางวัด จะเห็นปรางค์ประธานองค์ใหญ่เด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลาง มีปรางค์บริวารอยู่รอบๆ พร้อมกับสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ
ส่วนที่ “วัดราชบูรณะ” หนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในอยุธยา ตั้งอยู่ติดกับวัดมหาธาตุ ไม่ไกลจากพระราชวังโบราณ สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือเจ้าสามพระยา ในบริเวณพื้นที่และตำแหน่งเดิมที่พระองค์ได้ทรงถวายพระเพลิงพระบรมศพให้กับเจ้านครอินทร์ ผู้เป็นพระราชบิดา โดยให้ชื่อว่าวัดราชบูรณะ พร้อมกันนั้นก็ได้นำทรัพย์สมบัติจำพวกทองคำและข้าวของมีค่าเก็บเอาไว้ใต้พระปรางค์ใหญ่ภายในวัด ซึ่งทองคำเหล่านั้นที่เจอในกรุของวัดราชบูรณะที่ทางกรมศิลปากรขุดค้นในช่วงปี พ.ศ.2499 เป็นหลักฐานซึ่งแสดงความรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในกรุงศรีอยุธยา
ซึ่ง "กรุวัดราชบูรณะ" นั้นมีชื่อเสียงอย่างมาก จากข่าวการลักลอบขุดกรุวัดราชบูรณะ คนร้ายลักขโมยทรัพย์สมบัติจำนวนมากมายมหาศาล ต่อมากรมศิลปากรเข้าทำการบูรณะขุดแต่งต่อภายหลัง พบทรัพย์สมบัติที่หลงเหลือและเครื่องทองจำนวนมากมาย ปัจจุบันทรัพย์สมบัติภายในกรุถูกเก็บรักษาไว้ที่ "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา" จ.พระนครศรีอยุธยา
ซึ่งองค์พระปรางค์วัดราชบูรณะ ด้านในคือกรุวัดราชบูรณะ แบ่งออกเป็น 3 ห้องใหญ่ๆ เรียงลงไปเป็นแนวดิ่ง ปัจจุบัน ไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมแล้ว เนื่องจากความเสียหายจากความชื้น และยัมีการบูรณะภาพจิตรกรรม แต่หากใครสนใจเรื่องราวของกรุวัดราชบูรณะ สามารถชมได้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ที่มีการจำลองกรุวัดราชบูรณะทั้ง 3 ชั้นมาให้ชม พร้อมกับเครื่องทองที่ขุดพบจากกรุแห่งนี้ด้วย
และนอกจากจะไปเดินเที่ยวชมไฟในโบราณสถานยามค่ำคืนแล้ว บริเวณด้านข้างวัดราชบูรณะก็มี “อยุธยาไนท์มาร์เก็ต” ตลาดของอร่อยที่มาเปิดให้เดินเล่นช่วงเย็น-ค่ำ โดยจะเปิดตลาดทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เวลา 16.00-21.00 น. ในตลาดก็จะมีของอร่อยหลากหลาย พ่อค้าแม่ค้าก็จะแต่งกายชุดไทย เหมือนได้เดินเล่นในตลาดย้อนยุค มีพื้นที่ให้นั่งกินอาหาร นั่งพักผ่อนสบายๆ อีกด้วย
* * * * * * * * * * * * * *
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม งาน “ยามค่ำอยุธยา 2567” ได้ที่ สำนักงานอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โทร. 0-3524-2286 ต่อ 101 E-mail : Ayh_hispark@hotmail.com ค่าธรรมเนียมเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท ผู้พิการ และชาวไทยผู้มีอายุมากกว่า 60 ปี เข้าชมฟรี สามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ที่บริเวณทางเข้าวัดไชยวัฒนารามและวัดราชบูรณะ
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline
