ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องน่ายินดี เมื่อองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศให้ “อุทยานธรณีโคราช” (Khorat Geopark) เป็น “อุทยานธรณีโลก” (UNESCO Global Geopark) แห่งใหม่ของเมืองไทย และเป็นลำดับที่ 2 ต่อจากอุทยานธรณีโลกสตูล หนุนส่งให้จังหวัดนครราชสีมา เป็น “เมือง 3 มรดกยูเนสโก” (UNESCO Triple Heritage City) หนึ่งเดียวในเมืองไทยที่มีไม่กี่แห่งในโลก
รู้จักอุทยานธรณีโลกโคราช
นครราชสีมาเป็นอีกหนึ่งจังหวัดในเมืองไทยที่มีภูมิศาสตร์ทางธรณีวิทยาอันโดดเด่น ด้วยเหตุนี้จึงมีการก่อตั้ง “อุทยานธรณีโคราช” (Khorat Geopark) ขึ้น โดยได้รับการแต่งตั้งเป็น “อุทยานธรณีประเทศไทย” เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2561
อุทยานธรณีโคราช คือพื้นที่ในบริเวณลุ่มน้ำลำตะคองตอนกลางถึงตอนล่าง ครอบคลุม 5 อำเภอต่อเนื่องกันในจังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ อ.สีคิ้ว อ.สูงเนิน อ.ขามทะเลสอ อ.เมืองนครราชสีมา และ อ.เฉลิมพระเกียรติ มีพื้นที่ 3,167 ตารางกิโลเมตร หรือร้อยละ 15.22 ของพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
อุทยานธรณีโคราชมีจุดเด่นคือ มีภูมิประเทศแบบ “เควสตา” หรือ “เขารูปอีโต้” และ “ฟอสซิล 3 ยุค” (Cuesta & Fossil Land) เชื่อมโยงกับระบบนิเวศป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และวิถีชีวิตผู้คนกว่า 4,000 ปี ทำให้องค์การยูเนสโก (UNESCO) ประกาศให้ “อุทยานธรณีโคราช” เป็น “อุทยานธรณีโลก” (UNESCO Global Geopark) อย่างเป็นทางการในการประชุมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา
อุทยานธรณีโลกโคราช ถือเป็นอุทยานธรณีโลกแห่งที่ 2 ของไทย ต่อจากอุทยานธรณีโลกสตูล และเป็นอุทยานธรณีโลกแห่งที่ 183 จาก 195 แห่งใน 48 ประเทศ ณ ปัจจุบัน (ปี 2566)
ผลจากการได้รับเป็นอุทยานธรณีโลกโคราช ทำให้จังหวัดนครราชสีมาเป็น “เมือง 3 มรดกยูเนสโก” (UNESCO Triple Heritage City) จังหวัดแรกและจังหวัดเดียวในเมืองไทย ซึ่งมีไม่กี่แห่งในโลก
โดย 3 มรดกยูเนสโกของจังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ 1. มรดกโลก “ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่” 2.พื้นที่สงวนชีวมณฑลของโลก “ป่าสะแกราช” อ.ปักธงชัย และ 3. “อุทยานธรณีโลกโคราช” ที่เพิ่งได้รับมาสด ๆ ร้อน ๆ
7 สิ่งน่าทึ่ง อุทยานธรณีโลกโคราช
ปัจจุบันอุทยานธรณีโลกโคราช ประกอบด้วย 35 แหล่งท่องเที่ยว ครอบคลุมทั้ง แหล่งธรณีวิทยา ธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม และวิถีชุมชน ซึ่งหลายแห่งในนี้นอกจากจะมีความสวยงามแปลกตามน่าทึ่งแล้ว ยังมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นเฉพาะตัว บางสถานที่มีหนึ่งเดียวในเมืองไทย บางสถานที่มีไม่กี่แห่งในโลก
และนี่ก็คือ 7 สิ่งน่าทึ่งของอุทยานธรณีโลกโคราช ที่เราสามารถไปท่องเที่ยวเรียนรู้ ดูความสวยงามแปลกตาน่าทึ่งของสิ่งเหล่านี้กันได้อย่างไม่ยากเย็น
1.”เขารูปอีโต้” : เป็นลักษณะเด่นทางธรณีวิทยาระดับนานาชาติและเป็น 1 ใน 2 สิ่งอันโดดเด่นสำคัญของอุทยานธรณีโลกโคราช
เขารูปอีโต้ หรือ “เควสตา” หรือ “เควสตาโคราช” (Khorat Cuesta) มีลักษณะเป็นสันเขาหินทรายหมวดหินพระวิหารและหมวดหินภูพาน ทอดตัวเป็น 2 แนวคู่ขนานกันจำนวนกว่า 20 เขา ตลอดแนวขอบที่ราบสูงโคราชและแนวภูพาน บนความสูงระหว่าง 400-800 เมตรจากระดับน้ำทะเล รวมความยาวราวกว่า 1,700 กิโลเมตรนับเป็นเควสตาที่ยาวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
สำหรับจุดชมเขารูปอีโต้อันเด่นชัดก็คือที่ “วัดป่าภูผาสูง” (อ.สูงเนิน) ที่สามารถมองเห็นเขารูปอีโต้ในระยะใกล้โดยมีเจดีย์ของวัดเป็นฉากหน้าดูสวยงามเป็นเอกลักษณ์
และที่จุดชมวิว “ผายายเที่ยง” ซึ่งสามารถมองเห็นเขารูปอีโต้ในระยะไกลในมุมกว้างผ่านลำน้ำลำตะคอง ที่กัดกร่อนเทือกเขาหินทรายในแนวดิ่ง จนเกิดเป็น “ช่องเขาน้ำกัด” (water grab) ตัดแนวเทือกเขาออกจากกัน ทำให้ลำตะคองได้ชื่อว่าเป็น “ธารน้ำบรรพกาล” (antecedent stream)
2.”ฟอสซิล 3 ยุค” : อุทยานธรณีโลกโคราชถูกยกเป็น “มหานครแห่งบรรพชีวิน” เนื่องจากมีการค้นพบฟอสซิลหรือซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์จำนวนมาก รวมถึงช้างดึกดำบรรพ์-สัตว์ร่วมยุค และไม้กลายเป็นหิน
นอกจากนี้อุทยานธรณีโลกโคราชยังมีความโดดเด่นสำคัญคือการเป็นดินแดน “ฟอสซิล 3 ยุค” ซึ่งได้แก่
-“ยุคครีเทเชียส” พบฟอสซิลไดโนเสาร์และสัตว์ร่วมยุคครีเทเชียสตอนต้น มีอายุราว 110 ล้านปีก่อน ในเขต อ.เมืองนครราชสีมา อ.ขามทะเลสอ และ อ.สูงเนิน
-“ยุคนีโอจีน” พบฟอสซิลช้างดึกดำบรรพ์และสัตว์-พืชร่วมยุค ในสมัยไมโอซีนตอนกลางถึงสมัยไพลโอซีน มีอายุราว 16 – 2.6 ล้านปีก่อน ใน อ.เฉลิมพระเกียรติ
-“ยุคควอเทอร์นารี” พบฟอสซิลช้างดึกดำบรรพ์และสัตว์-พืชร่วมยุค (มีอายุราว 2.6 – 0.01 ล้านปีก่อน) บในอำเภอเฉลิมพระเกียรติ และอำเภอเมืองนครราชสีมา
3.“แหล่งไดโนเสาร์” : ในเขต อ.เมืองนครราชสีมา และอำเภอใกล้เคียง พบฟอสซิลไดโนเสาร์จำนวนนับพันชิ้น ฟันไดโนเสาร์มากกว่า 200 ชิ้น รวมถึงพบไดโนเสาร์อิกัวโนดอนต์สายพันธุ์ใหม่ของโลก 3 สกุล มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ ราชสีมาซอรัส สุรนารีเอ, สยามโมดอน นิ่มงามมิ และ สิรินธรน่า โคราชเอนซิส
นอกจากนี้ยังมีการพบ ไดโนเสาร์พันธุ์กินเนื้อจำพวก “คาร์คาโรดอนโตซอร์” ที่คาดว่ามีความยาวมากกว่า 10 เมตร, เต่าพันธุ์ใหม่ของโลกชนิด คิซิลคูเมมิส โคราชเอนซิส และ จระเข้สายพันธุ์ใหม่ของโลก โคราโตซูคัส จินตสกุลไล อีกด้วย
สำหรับจุดชมแหล่งค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ที่สำคัญก็คือ “หลุมฟอสซิลไดโนเสาร์” แหล่งบ้านสะพานหินและบ้านโกรกเดือนห้า ต.สุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา ซึ่งมีหลุมจำลองแสดงหินที่มีฟอสซิลจริงของไดโนเสาร์ อายุราว 110 ล้านปีก่อน ในหินกรวดมนปนปูนสีน้ำตาลแดง
โดยพบสัตว์พันธุ์ใหม่ของโลก 3 สกุล/ชนิด คือ ไดโนเสาร์อิกัวโนดอนต์สิรินธรน่า, จระเข้โคราโตซูคัส และเต่าจมูกหมูโคราชเอนซิส รวมถึงสัตว์ชนิดอื่น ๆ อาทิ เทอโรซอร์, ปลาฉลามน้ำจืดไฮโบดอนต์ , ปลาเกล็ดแข็ง เลปิโดเทส และ หอยไทรโกนอยเดส เป็นต้น
4.”แหล่งฟอสซิลช้างลุ่มน้ำมูล” : ใน อ.เฉลิมพระเกียรติและ อ.เมืองนครราชสีมา มีการพบฟอสซิลช้างดึกดำบรรพ์ (มีอายุอยู่ในช่วง 16 - 0.01 ล้านปี) หลากหลายสายพันธุ์ที่สุดในโลก ถึง 10 สกุล จาก 55 สกุลที่พบทั่วโลก
สำหรับจุดท่องเที่ยวเรียนรู้เกี่ยวกับช้างดึกดำบรรพ์นั้นก็คือที่ “พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์” อ.เฉลิมพระเกียรติ ที่จัดแสดงชิ้นส่วนกระดูกต่าง ๆ ของช้างดึกดำบรรพ์จากแหล่งบ่อทรายต่าง ๆ รวมถึงสัตว์ร่วมยุคต่าง ๆ
นอกจากนี้ก็ยังมี “บ่อทรายพระพุทธ” อ.เฉลิมพระเกียรติ ที่เป็นแหล่งค้นพบช้างดึกดำบรรพ์ อาทิ ช้างสเตโกโลโฟดอน ช้างสเตโกดอน ช้างไซโนมาสโตดอน รวมถึงพบสัตว์ร่วมยุค อย่างเช่น แรด ฮิปโปโปเตมัส เต่า จระเข้ อีกทั้งยังพบไม้กลายเป็นหินอีกด้วย
5.”แหล่งฟอสซิลไม้กลายเป็นหิน” : พบกระจายทั้งบน ผิวดิน และใต้ดินในทุกอำเภอของอุทยานธรณีโลกโคราช โดยมีความโดดเด่นคือ พบในปริมาณมาก และพบเป็นพันธุ์ใหม่ของโลกหลายชนิด บางชนิดมีเนื้อสวยงามดังอัญมณี
สำหรับจุดชมไม้กลายเป็นหินสำคัญก็คือที่ “พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน” อ.เมืองนครราชสีมา ที่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่จัดแสดงฟอสซิลไม้กลายเป็นหินที่ดีที่สุดในเมืองไทย โดยเป็นพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินขนาดใหญ่แห่งแรกของเอเชียและเป็น 1 ใน 8 แห่งของโลก
6.”แหล่งประวัติศาสตร์หินตัดสีคิ้ว” : เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความโดดเด่นทางธรณีวิทยา มีลักษณะเป็นเนินหินทรายเนื้อหยาบพื้นที่ประมาณ 1,000 ตารางเมตร บนเขาเหิบ บริเวณนี้ พบหลุม รูปหม้อหรือ กุมภลักษณ์หลายขนาด เป็นต้น
แหล่งหินตัดแห่งนี้ บางจุดมีร่องรอยก้อนหินถูกตัดและเคลื่อนย้ายออกไปแล้ว ส่วนบางจุดก็มีการสกัดเป็นร่องขนานแต่ยังไม่ได้สกัดตัดออกไป
7.”พระนอนหินทราย” หรือ “พระพุทธไสยาสน์” วัดธรรมจักรเสมาราม ต.เสมา อ.สูงเนิน พระนอนองค์นี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 หรือประมาณ 1,300 ปีก่อน ถือเป็นพระนอนหินทรายที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดและมีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย องค์พระมีความยาว13.00 เมตร สูง 2.50 เมตร เป็นศิลปะสมัยทวารวดีที่โดดเด่นมากแห่งหนึ่งของไทย
################################
“อุทยานธรณี”(Geopark) หมายถึงพื้นที่ที่ประกอบด้วยแหล่งธรณีวิทยา แหล่งอนุรักษ์ทางธรณีวิทยา แหล่งท่องเที่ยวทางธรณีวิทยา ที่มีคุณค่าต่อประเทศ/โลก รวมถึงแหล่งทางด้านโบราณคดี(Archeology) นิเวศวิทยา(Ecology) และศิลปวัฒนธรรม ประเพณีที่มีคุณค่าของโลก (Culture) บริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น โดยประชาชน เพื่อประชาชน และการพัฒนาที่ยั่งยืน
ส่วน“อุทยานธรณีโลกของยูเนสโก” (UNESCO Globat Geoparks) เป็นโครงการด้านการอนุรักษ์มรดกทางธรณีวิทยา โบราณคดี นิเวศวิทยา และวัฒนธรรม ขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO) อุทยานธรณีโลก จะต้องเป็นขอบเขตพื้นที่ที่ประกอบด้วยแหล่งที่มีคุณค่าด้านธรณีวิทยา โบราณคดี นิเวศวิทยา และวัฒนธรรม มีการบริหารจัดการแบบองค์รวมระหว่างการอนุรักษ์ การให้ความรู้ การศึกษาวิจัย และการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ส่งเสริมและเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการ เชื่อมโยงความสำคัญของมรดกทางธรณีวิทยา ผ่านการท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยา