ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ชาวโคราชดีใจ..ยูเนสโกรับรอง ‘โคราชจีโอพาร์ค’ เป็นอุทยานธรณีโลกแห่งที่ 4 ของโลก สร้างประวัติศาสตร์ให้ประเทศไทยและคนโคราช เป็น 1 ใน 4 จังหวัดของโลกที่มีดินแดนแห่ง “3 มงกุฎของยูเนสโก” ในจังหวัดเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากผลการประชุมคณะกรรมการบริหารองค์การยูเนสโก ครั้งที่ 216 (216th session of the Executive Board) ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 10-24 พฤษภาคม 2566 ที่องค์การยูเนสโก สำนักงานใหญ่ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ได้มีมติรับรองให้ “โคราชจีโอพาร์ค” เป็น UNESCO Global Geopark หรือ “อุทยานธรณีโลก” ประกาศเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 ส่งผลให้จังหวัดนครราชสีมาเป็นเมืองแห่ง 3 มงกุฎ หรือทริปเปิลคราวน์ (Triple Crown) ถือเป็นเมืองที่ 4 ของโลก ต่อจากอิตาลี เกาหลีใต้ และจีน ที่มีดินแดนแห่ง “3 มงกุฎของยูเนสโก” ในจังหวัดเดียวกัน
โดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า และอดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นข่าวดีสำหรับคนไทย ข่าวดีสำหรับคนโคราช เมื่อวานนี้ (17 พฤษภาคม 2566) ทางยูเนสโกได้มีการประชุมและได้ให้การรับรองจังหวัดนครราชสีมาในพื้นที่ 5 อำเภอ ซึ่งเดิมทีถูกประกาศให้เป็น “โคราชจีโอพาร์ค” คือ พื้นที่อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนิน อำเภอขามทะเลสอ และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ แต่ล่าสุดยูเนสโก รับรองให้เป็น “เวิลด์ จีโอพาร์ค” เป็น “ยูเนสโก จีโอพาร์ค” ถือว่าเป็นจีโอพาร์คหรือเป็นอุทยานธรณีโลกแห่งที่ 2 ของประเทศไทย โดยแห่งแรกคือที่จังหวัดสตูล และครั้งนี้ที่จังหวัดนครราชสีมา ได้รับการรับรองให้มีอุทยานธรณีโลกแห่งที่ 2
ถือว่าเป็นข่าวดีข่าวใหญ่โดยเฉพาะจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งกลายเป็นว่า โคราชเป็นจังหวัดเดียวของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองจากยูเนสโกให้เป็นเมืองแห่ง 3 มงกุฎ โดยมงกุฎแรก คือ 1. เป็นมรดกโลก ได้แก่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 2. เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลของโลก ได้แก่ ป่าสะแกราช อ.ปักธงชัย 2 มงกุฎ และ 3. เป็นอุทยานธรณีโลก เป็นมงกุฎที่ 3 จากยูเนสโกที่มอบแก่ประเทศไทย และมอบแก่จังหวัดนครราชสีมา ถือว่าในโลกมีเพียง 4 จังหวัดเท่านั้นที่มี 3 มงกุฎอยู่ในจังหวัดเดียวกัน
อันนี้คือความยิ่งใหญ่ทางด้านธรรมชาติ วัฒนธรรม ป่าเขาลำเนาไพร วิถีชีวิตชาติดึกดำบรรพ์ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการเสริมสร้างศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวให้แก่ประเทศไทย ให้แก่ภาคอีสาน ให้แก่จังหวัดนครราชสีมา และจะเป็นการส่งเสริมการลงทุนเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลทำไว้แล้ว เช่น โครงการมอเตอร์เวย์มาโคราช รถไฟทางคู่มาโคราช รถไฟความเร็วสูงมาโคราช
ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐลงทุนไว้นับแสนล้าน จะได้ใช้ประโยชน์ในการรับส่งนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่จะมาเที่ยวที่อีสาน เที่ยวที่จังหวัดนครราชสีมา อันนี้คือความโชคดี คือความยิ่งใหญ่ ที่จะช่วยสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็งให้แก่ภาคอีสาน ให้แก่จังหวัดนครราชสีมา
โดยก่อนเลือกตั้งฯ พรรคชาติพัฒนากล้าได้บอกแล้วว่าเรื่องท่องเที่ยวเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ เป็นพื้นฐาน เป็นแพลตฟอร์มใหม่ทางด้านเศรษฐกิจ ฉะนั้น การที่เราได้รับการประกาศจากยูเนสโกให้มีอุทยานธรณีโลกแห่งที่ 2 ในประเทศไทย ถือว่าเป็นข่าวที่ดี จะเป็น Infrastructure ส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยให้เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก โดยเฉพาะที่จังหวัดนครราชสีมา ถือว่าเป็นข่าวดีที่น่ายินดีมากๆ ต้องขอแสดงความดีใจกับพี่น้องประชาชนชาวโคราช ต้องให้เครดิตกับจังหวัด และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ที่เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องฟอสซิล เรื่องไม้กลายเป็นหิน เรื่องอุทยานธรณีโลก จนกระทั่งยกระดับขึ้นมาเสนอให้ยูเนสโกพิจารณาให้เป็นอุทยานธรณีโลก ถือว่าเป็นการแสดงถึงความร่วมมือของท้องถิ่น เข้ามาทำงานร่วมกันทุกอย่างต้องสำเร็จ
ทั้งนี้ ตนและพรรคชาติพัฒนากล้าผลักดันเรื่องนี้มาตลอด ก็ดีใจมากๆ ว่าจากนี้ไปการท่องเที่ยวของโคราชจะพุ่งทะยาน จะเป็นเมืองท่องเที่ยวอินเตอร์ ซึ่งตนได้เสนอนโยบายไว้ในการที่จะสร้างย่านท่องเที่ยว เรียกว่า “ยูเนสโกสรูท” หมายความว่า พื้นที่ 7-8 อำเภอ ประกอบด้วย อุทยานธรณีโลก 5 อำเภอ คือ อำเภอสูงเนิน ขามทะเลสอ เฉลิมพระเกียรติ สีคิ้ว และอำเภอเมืองนครราชสีมา ส่วนมรดกโลก ก็คือที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และพื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช อำเภอปักธงชัย
“ถ้ารวมอำเภอวังน้ำเขียวเข้าไปด้วย จะเป็นเหมือนย่านท่องเที่ยวยูเนสโก ที่สามารถจะสร้างเครือข่าย สร้างชุมชน สร้างถนน สร้างแหล่งท่องเที่ยว อาจจะสร้างถนนยูเนสโกรูต เพื่อเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เชิงธรรมชาติ ซึ่งในโลกนี้มีอยู่ไม่กี่ที่ แต่ว่าที่เมืองไทยจะมีที่โคราช ฉะนั้น ต้องขอบคุณยูเนสโกมากๆ ที่ได้มาเติมสิ่งดีๆ ให้ประเทศไทยให้เป็นเมืองท่องเที่ยวของโลก” นายสุวัจน์กล่าว