นโยบาย “ฟรีวีซ่า” สำหรับคนไทยของไต้หวันที่เปิดใช้มา 5-6 ปี ที่ผ่านมา ถือเป็นแม่เหล็กชั้นดีที่ดึงดูดให้คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวที่ดินแดนแห่งนี้กันเป็นจำนวนมาก
ยิ่งล่าสุดหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ไต้หวันออกแคมเปญ “Taiwan the Lucky Land” ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเหยียบแผ่นดินแบบไม่ใช่กรุ๊ปทัวร์ สามารถลุ้นรับเงินรางวัล 5,000 NTD (ดอลลาร์ไต้หวัน) ฟรี! จาก “การท่องเที่ยวไต้หวัน” ซึ่งก็ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวในไต้หวันทวีความคึกคักมากยิ่งขึ้น เพราะหากใครได้เงินขวัญถุงจำนวนนี้ไป มันก็ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของเราได้มากโข
สำหรับคนไทยที่ไปเที่ยวไต้หวัน นอกจากกรุง “ไทเป” เมืองหลวงแล้ว “จิ่วเฟิ่น” ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คนไทยนิยมไปเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก ชนิดที่บางครั้งเราอาจไปเจอคนไทยที่รู้จักหรือเพื่อนฝูงคนไทยที่ห่างหายกันไปนานที่จิ่วเฟิ่นก็เป็นได้
หมู่บ้านเก้าส่วน
หมู่บ้านจิ่วเฟิ่น (Jiufen) หรือที่หลายคนนิยมเรียกกันว่า “เมืองโบราณจิ่วเฟิ่น” ชุมชนเก่าแก่ที่มีบรรยากาศสุดคลาสสิก ที่ตั้งอยู่ในหุบเขาทางตะวันออกเฉียงเหนือของไต้หวันบริเวณรอยต่อของเมืองจีหลงกับเมืองนิวไทเป ซึ่งเป็นเมืองที่นอกจากจะมีฮวงจุ้ยดีแล้ว ยังมีวิวทิวทัศน์อันงดงาม ฝั่งหนึ่งติดแนวเขาจีหลง ส่วนอีกฝั่งติดทะเลจีหลง
ก่อนที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของไต้หวันดังเช่นทุกวันนี้ ในอดีตจิ่วเฟิ่นก่อร่างสร้างตัวมาจากบ้านเรือนเพียง 9 หลังบนขุนเขาจีหลงในสมัยราชวงศ์ชิง เวลามีสิ่งของต่าง ๆ มาส่งที่หมู่บ้านนี้ก็จะมีจำนวน 9 ส่วน ตามจำนวนบ้าน จนกลายเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้านจิ่วเฟิ่นที่หมายถึง “เก้าส่วน” (จิ่ว = เก้า, เฟิ่น = ส่วน)
ต่อมามีการค้นพบแร่ทองคำที่บริเวณหมู่บ้านแห่งนี้ จึงมีการสร้างเหมืองทองคำขึ้น มีการขยายชุมชน มีแรงงาน พ่อค้า จากต่างถิ่นเดินทางเข้ามาอยู่อาศัยจำนวนมาก
จิ่วเฟิ่นจากชุมชนเล็ก ๆ เงียบเหงา ได้เปลี่ยนเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมีบรรยากาศคึกคัก ในฐานะแหล่งผลิตทองคำในยุคอาณานิยมญี่ปุ่น (ค.ศ.1895-1945)
แต่ในช่วงยุค 70’s หลังจากหมดยุคเหมืองทอง จิ่วเฟิ่นก็ค่อย ๆ ซบเซาลง กระทั่งในปี ค.ศ.1989 ภาพยนตร์เรื่อง “City of Sadness” ของ “โหว เซี่ยวเสียน” ผู้กำกับชื่อดังของไต้หวันในยุคนั้นออกฉาย ก็ได้ฟื้นชื่อเสียงของจิ่วเฟิ่นให้กลับมาเป็นที่กว้างขวางอีกครั้ง เนื่องจากเมืองนี้ที่ถูกใช้เป็นฉากสำคัญ ได้เผยให้เห็นถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของขุนเขาและท้องทะเล
Spirited Away
ในปี ค.ศ. 2001 อนิเมชั่นเรื่อง “Spirited Away” ได้ออกฉาย ซึ่งนอกจากจะทำรายได้สูงสุดในญี่ปุ่น (ในช่วงนั้น) แล้ว ยังได้หนุนส่งให้จิ่วเฟิ่นมีชื่อเสียงโด่งดังจนกลายเป็นหรึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของไต้หวันมาจนทุกวันนี้
Spirited Away (มิติวิญญาณมหัศจรรย์) เป็นผลงานกำกับของ “มิยาซากิ ฮายาโกะ” ผู้กำกับชื่อดัง แห่ง “สตูดิโอจิบลิ” (Studio Ghibli) ผู้ผลิตภาพยนตร์อนิเมชั่นชื่อก้องโลก ซึ่งฉากส่วนหนึ่งในหนังเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากอาคารบ้านเรือนที่ตั้งอยู่เรียงรายบนขุนเขาในจิ่วเฟิ่น โดยเฉพาะ “โรงน้ำชาอาเม่ย” ที่เป็นฉากสำคัญของเรื่องนี้ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นสัญลักษณ์และภาพจำของเมืองจิ่วเฟิ่นมาจนถึงทุกวันนี้
จิ่วเฟิ่น ถ่ายรูปเพลิน เจริญอาหาร
จิ่วเฟิ่นวันนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวคัดสรรที่ “เคทีซี เวิลด์” (KTC World) “การท่องเที่ยวไต้หวัน” (Taiwan Tourism Board : TTB) และ “สายการบินสตาร์ลักซ์” (STARLUX Airlines) จับมือกันจัดโปรโมชั่นแพกเกจท่องเที่ยวแบบเอ็กซ์คลูซีฟ พาเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวไต้หวันที่แตกต่าง ผ่านมุมมองใหม่ 3 มิติ ได้แก่ อาหาร วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
สำหรับจิ่วเฟิ่นถือเป็นเมืองที่มีความโดดเด่นทั้งด้านวัฒนธรรมและอาหาร จิ่วเฟิ่นมีไฮไลท์คือถนนสายเก่า หรือ “Jiufen Old Street” ถนนคนเดินอันสุดคลาสสิกที่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวและบรรยากาศการท่องเที่ยวอันสุดคึกคัก
Jiufen Old Street เป็นถนนหรือตรอกเล็ก ๆ สายสั้น ๆ กับเส้นทางเดินขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ (ไม่ชัน) ระหว่างทาง 2 ฟากฝั่งจะเต็มไปด้วยร้านรวงต่าง ๆ อาทิ ร้านน้ำชากาแฟ ร้านของฝาก-ของที่ระลึก และร้านอาหารที่มีให้เลือกกันเพียบตั้งแต่หัวถนนไปจนสุดท้ายถนน นับเป็นอีกหนึ่งถนนสายกินอันขึ้นชื่อของไต้หวันที่นอกจากจะทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเดินเจริญอาหารแล้ว ยังทำให้น้ำหนักตัวขึ้นเอาได้ง่าย ๆ แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
สำหรับร้านน่าสนใจ และน่าแวะกิน แวะซื้อ แวะถ่ายรูป ก็มี อาทิ ร้านบัวลอยสไตล์ไต้หวัน, ลูกชิ้นปลาสูตรดั้งเดิม, ไอศกรีมถั่วบด, ไส้กรอกแบบจีน, ขนมแป้งแผ่นสอดไส้,เต้าหู้เหม็นที่กลิ่นเหม็นโชนคลุ้งสมชื่อแต่รสชาติอร่อยเด็ด, ร้านขายหน้ากาก, ร้านขายขลุ่ยดินเผาสไตล์ไต้หวันกับงานเซรามิกดีไซน์สุดเก๋ เป็นต้น
ขณะที่ร้านต้องห้ามพลาดการถ่ายรูป-เช็กอิน ก็คือ “โรงน้ำชาอาเม่ย” (A-Mei Tea House) ที่ตั้งอยู่ช่วงปลาย ๆ ของถนน โดยเมื่อเดินขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ จะพบกับบันไดทางเดินลงเขาที่ 2 ข้างทางประดับโคมไฟสีแดงเรียงราย เมื่อเดิน (ลง) ต่อไปอีกหน่อย จะพบกับโรงน้ำชาอาเม่ยอันสุดดังของที่นี่
โรงน้ำชาแห่งนี้เป็นอาคาร 3 ชั้น มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ขายน้ำชาที่ชงแบบดั้งเดิมและขนมขบเคี้ยวกินแกล้มนิดหน่อย แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมตามรอยหนังดัง “Spirited Away” มาถ่ายรูปบริเวณด้านหน้าโรงน้ำชาที่ออกแบบได้อย่างสวยงามคลาสสิกมากกว่า
บริเวณนี้ยังมีประติมากรรมการทำเหมืองเป็นพร็อพเก๋ ๆ สื่อถึงอดีตอันรุ่งเรือง ส่วนใต้โรงน้ำชาก็มีอุโมงค์เล็ก ๆ ที่ชวนให้นึกถึงอุโมงค์เหมือง (จำลอง) ให้นักท่องเที่ยวได้ลองไปมุดสนุก ๆ ดู
บนถนนสายเก่ายังมีจุดชมวิวตั้งอยู่สุดปลายถนนที่เมืองมองลงไปจะหมู่จิ่วเฟิ่นตั้งอยู่บนฮวงจุ้ยที่ดีเยี่ยม ด้านหน้าติดทะเลจีหลง ด้านหลังติดภูเขาจีหลง โดยมีอาคารบ้านเรือนสร้างแทรกตัวไปบนไหล่เขาดูมีเสน่ห์ไม่น้อย
สำหรับการมาเที่ยวจิ่วเฟิ่นช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงเย็น ๆ เพราะในยามโพล้เพล้ที่นี่จะเปิดไฟ โคมไฟที่แขวนประดับตามจุดต่าง ๆ นับร้อยดวงจะสว่างไสวระยิบระยับสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ
ขณะที่โรงน้ำชาอาเม่ยยามเปิดไฟก็จะดูสุกปลั่งเปล่งประกายตัดกับแสงสุดท้ายของท้องฟ้ายามเย็นดูงดงามน่าประทับใจที่สายถ่ายรูปไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของ Jiufen Old Street ถนนสายเก่าสุดคลาสสิก ที่หากใครมาเที่ยวเมืองจิ่วเฟิ่นแล้วไม่ได้มาเดินที่ถนนสายเก่าก็เปรียบเหมือนกับว่ายังมาไม่ถึงจิ่วเฟิ่น และใครที่มาเดิน Jiufen Old Street แล้วไม่ได้ไปเที่ยวชมโรงน้ำชาอาเม่ยก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึงจิ่วเฟิ่นโดยสมบูรณ์
#############################
หมูบ้านจิ่วเฟิ่น ตั้งอยู่ที่ ต.รุ่ยฟัง เมืองนิวไทเป การเดินทางสู่จิ่วเฟิ่น
รถไฟ
นั่งรถไฟความเร็วสูงไต้หวัน (THSR) หรือ รถไฟธรรมดา (TRA) มาลงสถานี Taipei จากนั้นต่อรถไฟฟ้า MRT มาลงสถานี Zhongxiao Fuxing และต่อรถบัส Keelung Bus หมายเลข 1062 (ปลายทาง Jinguashi) มาลงป้าย Jiufen Old Street
หรือนั่งรถไฟธรรมดา (TRA) มาลงสถานี Ruifang จากนั้นต่อรถบัส Taiwan Tourist Shuttle – Gold Fulong Shuttle Bus มาลงป้าย Jiufen