“จีหลง” ชวนหลงใหลใน “ไต้หวัน” ปั่น Rail Bike ลอดอุโมงค์แห่งแสง-เช็กอินอาคารสีรุ้ง “บูราโนไต้หวัน”

ชวนเที่ยวเมืองจีหลง อีกหนึ่งเมืองท่าสำคัญของไต้หวัน สนุกเพลิดเพลินไปกับการปั่นจักรยานรถทาง “Rail Bike” ที่มีไฮไลท์ช่วงลอดอุโมงค์แห่งแสงสีอันน่าตื่นตาตื่นใจ และถ่ายรูปเช็กอินที่ “บ้านสีรุ้ง” ท่าเรือเจิ้งปิน สถานที่ท่องเที่ยวน้องใหม่มาแรงขอไต้หวัน

หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ผู้คนทั่วโลกกลับมาเดินทางท่องเที่ยวกันอีกครั้ง หลายประเทศจึงงัดกลยุทธ์ แคมเปญต่าง ๆ มาเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว ดังเช่น “ไต้หวัน” ที่ออกแคมเปญ “Taiwan the Lucky Land” ให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเหยียบแผ่นดินแบบไม่ใช่กรุ๊ปทัวร์ ได้ลุ้นรับเงินรางวัล 5,000 NTD (ดอลลาร์ไต้หวัน) ฟรี! จาก “การท่องเที่ยวไต้หวัน” ซึ่งก็ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวในไต้หวันทวีความคึกคักมากยิ่งขึ้น


สำหรับไต้หวันหลังเปิดฟรีวีซ่าให้คนไทย ก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายฮอตฮิตที่คนไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ทาง “เคทีซี เวิลด์” (KTC World) จึงจับมือกับ “การท่องเที่ยวไต้หวัน” (Taiwan Tourism Board : TTB) และ “สายการบินสตาร์ลักซ์” (STARLUX Airlines) จัดโปรโมชั่นแพกเกจท่องเที่ยวแบบเอ็กซ์คลูซีฟ พาเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวไต้หวันที่แตกต่าง ผ่านมุมมองใหม่ 3 มิติ ได้แก่ อาหาร วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ


โดยหนึ่งในไฮไลท์ของโปรแกรมก็คือเส้นทางสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ใน “เมืองจีหลง” ที่วันนี้คนไทยนิยมไปถ่ายรูปเช็กอินกับ “บ้านสีรุ้ง” ที่เมืองนี้กันไม่น้อยเลย

รู้จักเมืองจีหลง

“จีหลง” (Keelung) เป็นเมืองที่อยู่ทางเหนือสุดของไต้หวัน เมืองนี้เคยใช้ชื่อว่า “Jilong” ที่หมายถึง “สุ่มไก่” แต่ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “Keelung” ที่หมายถึง “มั่งมีที่ดินและเจริญรุ่งเรือง” ซึ่งเป็นชื่อที่ฟังดูเป็นมงคลกว่า


จีหลงแม้เป็นเมืองชนบทเล็ก ๆ แต่ด้วยชัยภูมิที่ดี มีภูเขาล้อมรอบ 3 ด้าน แนวชายฝั่งด้านบนติดทะเลตงไห่ จึงกลายเป็นท่าเรือน้ำลึกธรรมชาติอันกว้างใหญ่ที่ตัดลึกเข้าไปถึงในตัวเมือง

นอกจากนี้เมืองจีหลงยังมี “เกาะโฮปปิ้งไอส์แลนด์” (Hoping Island) ปราการธรรมชาติชั้นเยี่ยม ส่งผลให้จีหลงเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญทั้ง ทางการค้า คมนาคม ประมง ที่ตั้งฐานทัพ เมืองป้อมปราการที่สำคัญก่อนเข้าสู่กรุงไทเป และเป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดของภาคเหนือ จนหลาย ๆ คนยกให้จีหลงเป็นดัง “ลิตเติ้ลฮ่องกง” ของไต้หวันเลยทีเดียว


จีหลงเป็นเมืองที่มีฝนตกชุก ปีหนึ่ง ๆ ตกมากกว่า 200 วัน จนได้รับฉายาว่า “The Rainy Port” ซึ่งยามเมื่อฝนที่นี่ตกปรอย ๆ ริมทะเล มันช่างให้บรรยากาศที่โรแมนติกไม่น้อยเลย

ปั่น Rail Bike

ด้วยความที่เป็นเมืองท่าเล็ก ๆ แต่มากเสน่ห์ วันนี้ทางการท่องเที่ยวไต้หวันจึงได้โปรโมทเมืองนี้ให้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายน่าสนใจของนักท่องเที่ยว โดยได้นำเสนอกิจกรรมที่ถือว่าค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับคนไทย นั่นก็คือ “Rail Bike” หรือกิจกรรมปั่นจักรยานรถรางบนเส้นทางรถไฟสายเก่า ที่ชวนสนุกเพลิดเพลินไม่น้อย


สำหรับเส้นทางรถไฟเก่าสายนี้ ในอดีตเคยเป็นเส้นทางลำเลียงสินค้า อุปกรณ์ น้ำตาล เกลือ และถ่านไปยังท่าเรือ ที่ต่อมาเลิกใช้ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ช่วงเวลาหนึ่ง กระทั่งเมื่อราว 10 ปีที่แล้ว รัฐบาลท้องถิ่นพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในระดับจังหวัด หลังได้รับกระแสตอบรับที่ดีทางการไต้หวันจึงยกระดับขึ้นสู่อินเตอร์ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกทางหนึ่ง


จักรยานรถรางหรือจักรยานรางที่นี่ ปั่นพร้อมกันได้ 2 คนต่อคัน มีหลังคาคุม แม้ฝนจะตกก็สามารถปั่นได้ แถมมันยังปั่นง่ายมาก อารมณ์เหมือนปั่นเรือเป็ด มีแค่ออกแรงปั่น เร่ง-ผ่อน มาจากแรงเท้าเราทั้งนั้น หากปั่นกระชั้นชิดคันหน้าไปก็ให้ดึงคันเบรกมือที่อยู่ข้าง ๆ

สำหรับเส้นทางปั่นที่นิยมคือ จากสถานี “ปาโต๋วจื่อ” (Badouzi) สู่สถานี “เซินเอา” (Shen Ao) ซึ่งเป็นทางปั่นลงเนินบนรางริมเขาระยะทาง 1.3 กม. ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง


จากสถานีปาโต๋วจื่อ เมื่อออกสตาร์ท ระหว่างทางจะมีวิวทิวทัศน์ของท้องทะเลทาง (ซ้ายมือ) ให้ชม นอกจากนี้ในเส้นทางจะผ่านกลุ่มอาคารบ้านเรือน ที่ดูมีสีสัน มีการวาดภาพสตรีทอาร์ตให้ชมกันในบางช่วง

ขณะที่ส่วนที่เป็นไฮไลท์นั้นก็คือช่วงปั่นลอดอุโมงค์ที่มีการจัดแสงสีอันน่าตื่นตาตื่นใจให้เราชมไปตลอด ก่อนที่ช่วงสุดท้ายจะเป็นการปั่นผ่านเส้นทางธรรมชาติที่ 2 ข้างทางร่มรื่นเขียวครึ้มไปด้วยแมกไม้ จากนั้นก็จะถึงยังจุดสิ้นสุดคือสถานีเซินเอา ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่น่าสนุกเพลิดเพลินไม่น้อย


ท่าเรือเจิ้งปิน

มาต่อกันที่ “ท่าเรือเจิ้งปิน” (Zhengbin Fishing Port) สถานที่ท่องเที่ยวน้องใหม่มาแรงที่ตอนนี้คนไทยที่ไปไต้หวันนิยมไปเช็กอินและโพสต์รูปลงโซเชียลกันไม่น้อยเลย

ท่าเรือเจิ้งปินสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1934 ในสมัยที่ญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน ในอดีตเคยเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน ทำให้จีหลงกลายเป็นเมืองท่าสำคัญนับแต่อดีตมาจนถึงทุกวันนี้


ท่าเรือเจิ้งปิ้นมีไฮไลท์จุดถ่ายรูปต้องห้ามพลาดที่เป็นสัญลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้ และเป็นภาพจำใหม่ของเมืองจีหลงคือ “บ้านสีรุ้ง” (Color House) หรือ “อาคารสีรุ้ง” หรือ “ตึกหลากสี” ที่มีอยู่กว่า 15 หลังทาสีที่แตกต่างอาทิ ชมพู ฟ้า น้ำเงิน ส้ม เหลือง เขียว เรียงรายติด ๆ กัน ดูโดดเด่นชวนมอง จนได้รับฉายาว่า “บูราโนแห่งไต้หวัน” (บูราโน : หมู่บ้านชาวประมงหลากสีแห่งอิตาลี)

ในกลุ่มบ้านสีรุ้งและบริเวณใกล้เคียงวันนี้มีร้านกาแฟ คาเฟ่ เปิดใหม่รับกระแสการท่องเที่ยวที่มาแรงอยู่จำนวนหนึ่ง และคาดว่าจะทยอยเปิดขึ้นมาใหม่อีกหลายร้านด้วยกัน รวมถึงเกสต์เฮาส์ ที่พักเล็ก ๆ ในชุมชนที่เริ่มมีการสร้างไว้รองรับนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน


นอกจากระเบียงชมวิว-ถ่ายรูปบ้านสีรุ้งที่ดูโดดเด่นสะดุดตาท่ามกลางเรือประมงน้อย-ใหญ่ ที่จอดเรียงรายแล้ว เรายังสามารถเดินเล่นชิลล์ ชิลล์ รับลมเย็น ๆ บริเวณท่าเรือเจิ้งปินได้อย่างสุดฟิน ดูเรือที่จอดเรียงราย และวิถีชาวประมงไต้หวันที่มีทั้งส่วนที่เหมือนและต่างจากวิถีชาวประมงไทย

เมื่อเดินจากท่าเรือไปทางปากอ่าว จะเห็นสะพานโค้งที่ทอดตัวข้ามแม่น้ำใกล้ปากอ่าวซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองนี้ ส่วนถัดลึกเข้ามาจะเป็นซากอู่ต่อเรือเก่า ที่วันนี้ถูกทิ้งร้างเหลือแต่โครงสร้างคอนกรีต ที่ยังคงทิ้งร่องรอยความยิ่งใหญ่เอาไว้ให้จินตนาการ


ส่วนใกล้ ๆ กับซากอู่ต่อเรือเก่าจะเป็น “Agenna aboriginal culture restaurant” ร้านอาหารของชนเผ่าดั้งเดิมที่อยู่ที่นี่ ซึ่งมีทั้งส่วนจัดแสดงทางวัฒนธรรม และส่วนของร้านอาหารที่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของความอิ่มอร่อย รวมถึงรสชาติที่แปลกใหม่ในหลายเมนู (สำหรับคนไทย) นำโดย อาหารทะเลสดใหม่ และซิกเนเจอร์คือ “หมูป่ากิมจิ” เป็นหมูป่าสไลด์บาง ๆ ผัดมาในซอสหวาน แกล้มด้วยกิมจิสไตล์ไต้หวัน และผักสดตามฤดูกาล ที่ถือเป็นเมนูยอดฮิตของร้านนี้ ซึ่งเมื่อเสิร์ฟขึ้น (โต๊ะ) เรา ปรากฏว่าเมนูนี้หมดก่อนใครเพื่อน


นอกจากท่าเรือเจิ้งปิน และ Rail Bike บนทางรถไฟสายเก่าแล้ว เมืองจีหลวงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอื่น ๆ อาทิ อุทยานเกาะเหอผิง, ตลาดจีหลงเมี่ยวโข่ว, สวนสาธารณะจงเจิ้ง, อ่าวจีหลง, เกาะจีหลง และ ป้อมต้าอู่หลุน เป็นต้น


และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของเมืองจีหลง เมืองท่าสำคัญของไต้หวันที่มีของดีหลากหลาย ซึ่งหลังที่นี่เปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ “ท่าเรือเจิ้งปิน” กับจุดเช็กอิน “บ้านสีรุ้ง” หลากสีสัน ก็ได้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายโดนใจในไต้หวัน ซึ่งหากใครไปเยือนไต้หวันในช่วงนี้แบบไม่ใช่กรุ๊ปทัวร์ก็อย่าลืมไปลงทะเบียนร่วมลุ้นเงินรางวัล 5,000 NTD (ดอลลาร์ไต้หวัน) ฟรี! (ตามเงื่อนไข) จากแคมเปญ “Taiwan the Lucky Land” กันได้ เพราะถ้าหากโชคดีได้รางวัล ก็ยิงทำให้ทริปเที่ยวไต้หวันได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น

ที่สำคัญคือประหยัดเงินในกระเป๋าเราได้มากโขเลยทีเดียว