ก้าวแรกที่ผู้มาเยือนเข้าสู่พื้นที่ “ศาลหลักเมือง หรือศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตราด” ก็สะดุดตาเอกลักษณ์และสีสันของสถาปัตยกรรมที่สร้างในรูปแบบเก๋งจีน มีความประณีตอ่อนช้อยในงานปั้นที่งดงามราวกับเป็นวัดในแดนมังกร
เอกลักษณ์ของศาลหลักในจังหวัดตราด คือ ไม่มีศาลหลักเมืองแบบไทย แต่เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมเก๋งจีน โดยศาลเดิมสร้างไว้ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินครั้งเมื่อยังเป็นพระยาวชิรปราการ และรวบรวมไพร่พลมากู้ชาติที่เมืองตราด เป็นศูนย์รวมจิตใจของทั้งคนไทยและคนไทยเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดตราดมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ด้านในศาลเจ้าตรงกลางเป็นแท่นที่ประทับองค์เจ้าพ่อหลักเมืองเสี่ยอึ่งกง เคียงข้างด้วยเทพเจ้าอีก 2 องค์ ด้านซ้ายคือเทพเจ้าโชคลาภไฉ่ซิ้งเอี๊ย ด้านขวาคือเทพเจ้าปฐพีกำเทียงได้ตี่ ชั้นนอกของศาลหลักเมืองเป็นที่ ประดิษฐานของเสาหลักเมือง 2 หลัก เสาต้นสูงคือเสาหลักเมือง เสาต้นต่ำคือเสาศิวลึงค์
มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า การตั้งเสาหลักเมืองครั้งที่สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงรวบรวมกำลังพลกอบกู้เอกราชที่เมืองตราด พระองค์ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นตามความเชื่อแบบจีน เพื่อให้ปกป้องคุ้มครองเมืองตราดให้รอดพ้นจากภัยอันตราย และชาวเมืองอยู่เย็นเป็นสุข หวังเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ
ศาลหลักเมืองตราดจึงเป็นดั่งศูนย์กลางเชื่อมความสัมพันธ์ไทย - จีน โดยในวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี มีงานฉลองที่เรียกว่า “วันงานพลีเมือง” หรือ“วันเซี่ยกงแซยิด” หมายถึง วันเกิดเจ้าพ่อหลักเมือง มีพิธีทำบุญตักบาตรแบบไทย และมีงานประจำปีศาลปุงเถ้าม้าแบบจีน
นอกจากเรื่องราวของการสร้างแล้ว ยังมีเรื่องเล่าขานกันว่ายุคที่ฝรั่งเศสยึดครองเมืองตราด ชาวฝรั่งเศสสังเกตเห็นคนท้องถิ่นชาวตราด ต่างพากันเดินทางมากราบไหว้ที่หลักเมืองอยู่เป็นประจำ จึงหวังจะทำลายกำลังใจของคนท้องถิ่นสั่งให้ถอนทำลายเสาหลักเมือง แต่ก็ไม่สำเร็จ มิหนำซ้ำยังทำให้ช้างตกหล่ม ต่อมาคนคุมงานก็เสียชีวิต จนไม่มีชาวฝรั่งเศสคนใดกล้ามายุ่งกับศาลแห่งนี้อีก
เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ชาวเมืองตราด ยิ่งศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพ่อหลักเมืองตราด และกลายเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของชาวไทย รวมถึงชาวจีน จึงมีผู้เดินทางมาสักการะตามเชื่อไม่เคยว่างเว้น
ที่ตั้ง: ตำบลบางพระ อำเภอเมือง จังหวัดตราด เปิดทุกวัน 05.00-21.00 น.
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline