วันนี้(5 ธ.ค.)นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทยอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า หลายปีที่ผ่านมาปัญหาการฉ้อโกงประชาชาฝนยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเท่าที่ควร ทั้งที่ได้ประกาศเป็นเรื่องเร่งด่วน 1 ใน 12 เรื่องที่ต้องเร่งทำภายใน 1 ปี
ทั้งนี้ ประชาชนได้รวมตัวกันเพื่อนำเสนอพระราชบัญญัติการป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนในรูปแบบแชร์ลูกโซ่ เพื่อที่จะได้มีกฎหมายปกป้องเงินและทรัพย์สินของพ่อแม่พี่น้องประชาชน โดยตนก็ได้ผลักดันให้ ส.ส เสนอกฏหมายเข้าสู่สภาอีกทางด้วย โดยนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาแล้ว แต่ได้รับการตอบรับจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งไปยังรัฐบาล โดยอ้างว่ากฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายการเงินต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลก่อน ส่งผลให้กฎหมายฉบับดังกล่าวต้องถูกดึงเวลาเนิ่นนานออกไป และฝ่ายบริหารได้ตีความว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการเงิน ต้องส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายกระทรวงพิจารณา ปัจจุบันได้รับการตอบรับจากทั้งหมดแล้ว และมีการบอกว่ามีกฏหมายที่คุ้มครองชาวบ้านอยู่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงไม่ได้ลงนามรับรอง ในร่างกฏหมายดังกล่าว
นายสามารถ กล่าวด้วยว่า 4 ปีที่ผ่านมา ประชาชนคนทั้งประเทศต้องเผชิญปัญหาการหลอกลวง ฉ้อโกง ทั้งในรูปแบบต่าง ชวนลงทุนในรูแบบต่างๆ Callcenter ถือว่าเป็นภัยที่ร้ายแรงจนทำให้ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนสูงเป็นอันดับที่ 2 ของเอเชีย เพราะพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ถูกฉ้อโกงไปนั้น กว่าจะได้เงินคืนใช้เวลายาวนาน ส่งผลกระทบโดยตรงกับเม็ดเงิน ของประชาชนทั้งประเทศ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หลายคนเสียครอบครัว เรียกกันว่าบ้านแตกสาแหรกขาด เด็กหลายคนต้องประสบ ปัญหาทางสภาพจิตใจ ผู้สูงอายุถูกลูกหลานทิ้งไม่มาหา หากรัฐบาลไม่ทำอะไรปัญหาคงเลวร้ายมากกว่านี้หากรัฐบาลไม่ทำอะไร
"หลังการเลือกตั้ง หากตนมีโอกาสได้เป็นรัฐมนตรี การแก้ปัญหาการฉ้อโกงประชาชนจะเป็นสิ่งแรกที่จะผลักดันอีกครั้ง เพื่อทวงคืนชื่อเสียง ทรัพย์สิน กลับมาให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนทั้งประเทศในทันที ไม่ต้องมาถูกลอยคออยู่แบบนี้"
นายสามารถ ยังกล่าวอีกว่า สมัย คสช. ตนได้นำรายชื่อ 3แสนกว่ารายชื่อ เสนอไปแล้วครี้งหนึ่ง และสุดท้าย นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 253/60 ให้เร่งแก้ไขปัญหานี้ แต่คนทำขาดความรู้จึงแก้ปัญหานี้ไม่ได้ จึงขอเป็นกำลังใจให้ผู้เสียหายทุกคน ถึงวันเลือกตั้ง ช่วยสนับสนุนเลือกผมให้เป็นรัฐมนตรี ถ้าแก้ไม่ได้ภายใน 1 ปี จะขอลาออก ไม่อยู่ให้เสียความรู้สึก เปลืองภาษีพี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน
โดยผู้เสียหาย 8 ล้านคน จะต้องไม่ถูกปล่อยให้ลอยคออยู่แบบนี้ ต้องยึดทรัพย์กลับมาคืนทันที ไม่ใช่ปล่อยให้รอเป็น 5 ปี 10 ปี 20 ปี แบบนี้ สู้ไปด้วยกัน วันนั้นมาถึง เราจะได้แสดงพลังกัน พร้อมยังมีคำพูดหนึ่งมาฝาก
"ที่ใดมีการรวมตัวกันที่นั้นจะมีพลัง ทีใดมีพลัง ที่นั้นจะมีกฏหมาย ที่ใดมีกฏหมายที่นั้น จะมีความยุติธรรม ผมพร้อมจะเดินเคียงข้างกับพวกเราทุกคนสงครามครั้งสุดท้าย เหมือนครั้งที่ สมเด็จพระเจ้าตากสิน ทุบหม้อข้าว แล้วเข้าตีเมืองจันท์เพื่อพวกเราจะได้มีกฏหมายดีๆ คุ้มครองพ่อแม่พี่น้องประชาชน ลูกหลานไทยจะได้ไม่ต้องลำบาก แบบที่พวกเราลำบากกันอยู่แบบนี้"