“ท่าอากาศยานอู่ตะเภา” เดินหน้ายกระดับรับการท่องเที่ยวฟื้นตัว ด้วยเทคโนโลยี ACUS จาก Amadeus เพื่อสามารถดำเนินงานได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น ตอบรับการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวสู่ประเทศไทย
ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา หรือ สนามบินอู่ตะเภา ผนึกกำลัง อะมาดิอุส (Amadeus) พันธมิตรด้านเทคโนโลยีชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก นำเทคโนโลยี Airport Cloud Use Service (ACUS) มาประยุกต์ใช้กับระบบดำเนินงานของท่าอากาศยาน ACUS คือแพลตฟอร์มบนคลาวด์ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการใช้งานบริเวณพื้นที่เช็คอินและขึ้นเครื่องของอาคารผู้โดยสารให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ทั่วโลก อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวรวมถึงสนามบินจำเป็นต้องมีความคล่องตัวและยืดหยุ่นในการบริหารจัดการปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางโดยเครื่องบินที่มีความไม่แน่นอนอยู่ตลอดเวลา
เทคโนโลยี ACUS ช่วยให้สนามบินอู่ตะเภาปรับขนาดหรือขยายระบบการดำเนินงานต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายเพื่อตอบสนองความต้องการของนักเดินทาง ผลจากการประกาศล็อกดาวน์และกำหนดข้อจำกัดการเดินทางเพราะสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้จำนวนเที่ยวบินในปี 2564 ลดลงเหลือร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปี 2562 ในขณะที่จำนวนผู้โดยสารลดลงเหลือเพียงร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับจำนวนผู้โดยสารก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19
นอกจากนี้ ผู้โดยสารส่วนใหญ่ที่ใช้สนามบินอู่ตะเภาคือกลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งแปลว่าในช่วงผ่านพ้นฤดูหนาวไปแล้ว พวกเขาจะมีความต้องการท่องเที่ยวลดลง ทำให้จำนวนสายการบินที่ดำเนินการที่สนามบินมีจำนวนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงเวลาดังกล่าว การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ACUS ช่วยให้สนามบินอู่ตะเภาสามารถย้ายจุดบริการของสายการบินไปยังตำแหน่งอื่นได้อย่างง่ายดาย และช่วยให้สนามบินสามารถปิดการใช้งานอาคารผู้โดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งลดต้นทุนการดำเนินงานในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว เมื่อมองกลับมาที่สถานการณ์ปัจจุบันที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและมีการผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางลง คาดว่าประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าประเทศเดือนละ 1.5 ล้านคนในช่วงฤดูท่องเที่ยว โดยสนามบินอู่ตะเภาจะสามารถขยายขนาดการดำเนินงาน พร้อมสร้างเส้นทางบินขึ้นใหม่ เพื่อรองรับความต้องการและจำนวนผู้โดยสารได้อย่างเหมาะสม
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยเทคโนโลยี ACUS สนามบินอู่ตะเภาสามารถใช้แพลตฟอร์มการใช้งานร่วมกันและทำการเชื่อมต่อสายการบินและสนามบินต่าง ๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินเข้าด้วยกันเพื่อเข้าถึงข้อมูลและแอปพลิเคชันการให้บริการผู้โดยสารที่สำคัญได้อย่างปลอดภัยจากทุกที่ ไม่ว่าจะจากสนามบินหนึ่งไปยังหลายสนามบินหรือแม้กระทั่งไปยังสถานที่นอกสนามบิน สนามบินอู่ตะเภาสามารถให้บริการผู้โดยสารทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะเดินทางด้วยสายการบินใด จากโต๊ะเช็คอินหรืออาคารผู้โดยสารใด ๆ ก็ตาม
พลเรือเอก วรพล ทองปรีชา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง–พัทยา กล่าวว่า “ขณะนี้สนามบินอู่ตะเภามีการเตรียมพร้อมยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ เพื่อให้เราสามารถให้บริการผู้โดยสารได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นสภาพการจราจรทางอากาศที่แน่นขนัดหรือสภาพอากาศที่แปรปรวน ในขณะที่ประเทศไทยก้าวนำประเทศอื่น ๆ ในการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้จับมือกับอะมาดิอุส และ บริษัท Ai Terminal ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านการดำเนินงานในท้องถิ่นของเรา เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นและต่อยอดประสบการณ์การเดินทางของพวกเขาด้วยจำนวนคิวผู้โดยสารที่น้อยลง พร้อมตัวเลือกการเช็คอินจากสถานที่ใดก็ได้ด้วยวิธีการที่พวกเขาต้องการและสะดวก"
ซาราห์ ซามูเอล หัวหน้าแผนกไอทีสนามบิน ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของอะมาดิอุส กล่าวว่า "เทคโนโลยี ACUS ได้ช่วยเสริมประสิทธิภาพการใช้งานมากมายให้แก่สนามบิน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการดำเนินงานที่คุ้มค่าต่อต้นทุนค่าใช้จ่าย รวมถึงความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงานที่ดีขึ้น และเหนือสิ่งอื่นใดคือช่วยให้ผู้โดยสารมีการเดินทางที่ราบรื่น บริษัทจึงมีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับสนามบินอู่ตะเภาเพื่อก้าวสู่การเป็นสนามบินแห่งอนาคต ในขณะที่ผู้คนทั่วโลกกลับมาเดินทางอีกครั้ง อะมาดิอุสจะยังคงเดินหน้าเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนการฟื้นตัวของการเดินทางท่องเที่ยวร่วมกับเหล่าพันธมิตรและองค์กรต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อให้นักเดินทางได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นและดียิ่งขึ้นผ่านศักยภาพเทคโนโลยีที่ทันสมัยของบริษัท เพื่อตอบโจทย์ตามความต้องการของนักเดินทาง ตลอดทุกช่วงของการเดินทาง"
ขณะนี้ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง–พัทยา กำลังขยายการใช้เทคโนโลยี ACUS เพิ่มเป็น 35 เคาน์เตอร์ทั่วสนามบิน ตลอดจนขยายบริการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในอาคารผู้โดยสาร