xs
xsm
sm
md
lg

ชวนส่อง "15 จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของโลก" ในยุคโควิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หอไอเฟล แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของปารีส
ชวนมาส่อง "15 จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของโลก" ในยุคที่โควิด-19 ระบาด โดยเป็นการจัดอันดับของบริษัทวิจัยการตลาดในอังกฤษ ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นเมืองท่องเที่ยวจากประเทศฝั่งตะวันตก

ภายหลังจากเกิดการระบาดของโควิด-19 การเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวนิยมไป รวมไปถึงพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน หลายๆ ประเทศยังคงควบคุมการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศอยู่ แต่ในบางประเทศก็เปิดรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกแล้ว

จากการสำรวจของ Euromonitor บริษัทวิจัยการตลาดในอังกฤษ ที่ได้ทำการสำรวจรายชื่อจุดหมายปลายทางยอดนิยมในทุกๆ ปี โดยพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน จำนวนนักท่องเที่ยว และการจัดการด้านอื่นๆ

พบว่า ภายหลังจากเกิดการระบาดของโควิด-19 จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวนั้นเปลี่ยนแปลงไปมาก จากในช่วงปี 2019 อันดับต้นๆ ของเมืองที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่จะเป็นเมืองจากประเทศฝั่งเอเชีย เช่น ฮ่องกง และ กรุงเทพฯ แต่เมื่อมาถึงการสำรวจข้อมูลปี 2021 กลับเป็นเมืองในประเทศฝั่งยุโรป ที่ขึ้นมาเป็นเมืองยอดนิยมในอันดับต้นๆ

สำหรับ 15 อันดับจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของโลก ในปี 2021 ได้แก่

ปารีส จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของปี 2021
1 Paris
เมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดใจที่สุดในโลก ในปี 2021 คือ “Paris” (ปารีส) เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน ทางตอนเหนือของประเทศ หลายๆ คนรู้จักกันดีว่าปารีสเป็นเมืองหลวงของแฟชั่น แต่นอกจากแฟชั่นแล้ว ที่นี่ก็ยังดึงดูดใจนักท่องเที่ยวด้วยสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ความสวยงามของสถาปัตยกรรม รวมไปถึงการเพลิดเพลินกับแหล่งชอปปิ้งต่างๆ นั่นทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกใฝ่ฝันอยากจะมาเยือนปารีสสักครั้ง

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของกรุงปารีสมีหลายแห่ง อาทิ หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ประตูชัย ถนนชองป์เซลิเซ่ มหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส เป็นต้น

Museum of the Future แห่งดูไบ (ภาพ : museumofthefuture.ae/en)
2 Dubai
เมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถูกเลือกให้เป็นอันดับ 2 ในการจัดอันดับครั้งนี้ ดูไบคือเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกและมีอัตราการเจริญเติบโตของเมืองสูงมาก เพราะเมื่อ 50 กว่าปีก่อน ดูไบเป็นเพียงเมืองชาวประมงเล็กๆ ริมอ่าวเปอร์เซีย และล้อมรอบด้วยทะเลทรายที่เวิ้งว้าง แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นศูนย์กลางในหลายๆ ด้านจากทั่วโลก

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่งเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม 2020 และในปี 2021 ก็มีการจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป ที่ต้อนรับผู้คนจากทั่วโลก และล่าสุดเมื่อต้นปี 2022 ก็เพิ่งเปิดตัวMuseum of the Future พิพิธภัณฑ์สุดล้ำสมัยแห่งใหม่ ที่จะกลายเป็นจุดขายอีกแห่งของดูไบ

อัมสเตอร์ดัม (ภาพ : www.schengenvisainfo.com)
3 Amsterdam
“อัมสเตอร์ดัม” เมืองหลวงของเนเธอแลนด์ เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมืองที่แสนงดงามและโรแมนติด แต่เดิมเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ริมคลอง แต่ปัจจุบันกลายเป็นศูนย์กลางหลายๆ อย่างของโลก มีหน่วยงานระดับโลก ธุรกิจระดับโลก และบริษัทข้ามชาติหลายๆ แห่งก็มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นี่

การท่องเที่ยวในเมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์แห่งนี้ มีทั้งการเดินเล่น นั่งเรือ หรือการปั่นจักรยานชมรอบๆ เมือง ชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ในโซนเมืองเก่า เดินเล่นเลียบแม่น้ำ หรือพักผ่อนในสวนสาธารณะ และคาเฟ่สวยๆ ที่มีสไตล์

มาดริด (ภาพ : hotels.com)
4 Madrid
“มาดริด” เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสเปน เป็นเมืองสำคัญในประวัติศาสตร์ยุโรป ทำให้มีสถาปัตยกรรมโบราณ ตึกรามบ้านช่องแบบสมัยเก่า มีพิพิธภัณฑ์ที่มีของสะสมล้ำค่ามากมาย นอกจากนี้ คนที่ชอบศิลปะก็มาเสพงานศิลป์ที่นี่ได้แบบไม่มีเบื่อ ช้อปปิ้งได้สนุกสนาน และที่สำคัญยังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านฟุตบอลระดับโลก

โรม (ภาพ : umultirank.org)
5 Rome

“โรม” เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลัตซีโยและประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ แหล่งท่องเที่ยวสวยๆ ในโรมมีมากมาย บริเวณศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ใจกลางเมืองได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และในพื้นที่ของโรม ยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน ดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก

เบอร์ลิน (ภาพ : ef.com)
6 Berlin
“เบอร์ลิน” เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเยอรมัน อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางสำคัญทางการเมืองและวัฒนธรรมต่างๆ นครแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องเทศกาล สถาปัตยกรรมที่หลากหลาย ศิลปะร่วมสมัย ศิลปะแนวทดลอง (อาวองการ์ด) ชีวิตกลางคืน และคุณภาพชีวิต

นิวยอร์ก (ภาพ : agoda.com)
7 New York
“นิวยอร์ก” เมืองใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่เจริญที่สุดในโลก เป็นมหานครเอกของโลก จัดได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วัฒนธรรม บันเทิงที่สำคัญที่สุดของโลก นิวยอร์กมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเกาะแมนแฮตตัน นักท่องเที่ยวมักจะแวะตามที่สถานที่เที่ยวที่มีชื่อเสียงได้แก่ ตึกเอมไพร์เสตต ตึกไครสเลอร์ ไทม์สแควร์ เทพีเสรีภาพ วอลล์สตรีต สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ โบสถ์เซนต์แพทริก สะพานบรูคลิน เรือบรรทุกเครื่องบินอินทรีพิด เซ็นทรัลปาร์ค เป็นต้น

ลอนดอน (ภาพ : agoda.com)
8 London
“ลอนดอน” เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นอังกฤษ และสหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเทมส์ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชือ่เสียงมากในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้แก่ พระราชวังบักกิงแฮม หอนาฬิกาบิ๊กเบน สะพานลอนดอน ซึ่งเป็นที่คุ้นหูนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเนิ่นนาน

มิวนิค
9 Munich
แม้ว่า “มิวนิค” จะไม่ใช่เมืองหลวงของประเทศเยอรมนี แต่ก็นับว่าเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ อีกทั้งยังเป็นเมืองหลวงของแคว้นบาวาเรีย ทางตอนใต้ของเยอรมนี รวมถึงเป็นจุดหมายในการท่องเที่ยวของผู้คนจากทั่วโลก

ตัวเมืองมิวนิคนั้นตั้งอยู่บนแม่น้ำอิซาร์ เหนือเทือกเขาแอลป์ นอกจากทิวทัศน์สวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย มีความมังคั่งทางศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม มิวนิคก็ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของเบียร์เยอรมัน เห็นได้จากการจัดงาน Oktoberfest เทศกาลเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ที่จะจัดขึ้นในเมืองมิวนิค โดยมีนักดื่มจากทั่วโลกเข้าร่วมงานรื่นเริงนี้

บาร์เซโลนา (ภาพ : www.ihg.com)
10 Barcelona
“บาร์เซโลนา” เป็นเมืองหลักของแคว้นกาตาลุญญา และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองทั้งในด้านขนาดและประชากรของประเทศสเปน บาร์เซโลนาเป็นเมืองท่าสำคัญ และเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวยามราตรีที่รื่นเริงสนุกสนาน มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สำคัญมากมาย

เวียนนา
11 Vienna
“เวียนนา” เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ได้รับสมญานามว่าเป็น “นครแห่งเสียงดนตรี” เพราะนักแต่งเพลงคลาสสิกชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น บีโธเฟ่น, โมสาร์ต, โยฮัน สเตราส ก็ล้วนแต่มีบ้านอยู่ที่นี่ ซึ่งนอกจากเสียงดนตรีคลาสสิกที่อวลอายอยู่ในเมืองแห่งนี้แล้ว บรรยากาศตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็ยังทำให้เรารู้สึกได้ถึงความโรแมนติก ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม ดอกไม้ ต้นไม้ หรือแม้แต่ผู้คน

มิลาน (ภาพ : wikipedia.org)
12 Milan
“มิลาน” เป็นเมืองเอกของแคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี ถือเป็นนครที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองจากกรุงโรม เมืองมิลานมีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับนิวยอร์ก ปารีสลอนดอน และโรม นอกจากนั้นยังมีภาพวาดเฟรสโก้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และโรงละครโอเปร่าอันลือชื่อ

ปราก
13 Prague
“ปราก” เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐเช็ก ที่มีความงดงามของสถาปัตยกรรมหลายยุคสมัย ตั้งแต่โรมาเนสก์ โกธิก เรอเนสซองส์ บาโรค และอาร์ตนูโว โดยเฉพาะย่างเมืองเก่าที่มีแต่อาคารบ้านเรือนในยุคเก่า ความงดงามนี้ทำให้กรุงปรากถูกประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลกด้านวัฒนธรรมในปี ค.ศ.1992

ลอสแอนเจลิส (ภาพ : wikipedia.org)
14 Los Angeles
“ลอสแอนเจลิส” เป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรมากที่สุดอันดับ 2 ในสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง ทางด้าน เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการบันเทิง ลอสแอนเจลิสได้เป็นที่รู้จักในฐานะเป็นที่ตั้งของฮอลลีวูด และปลายทางของถนนสายประวัติศาสตร์ ทางหลวงสหรัฐหมายเลข 66

โตเกียว
15 Tokyo
“โตเกียว” เป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณภูมิภาคคันโตของญี่ปุ่น คำว่า "โตเกียว" หมายถึง "นครหลวงตะวันออก" ในโตเกียวยังเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวงของสมเด็จพระจักรพรรดิ แหล่งท่องเที่ยวเด่นๆ ของโตเกียวที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดคือ โตเกียวทาวเวอร์ วัดเซนโซจิ (หรือ วัดอาซากุสะ) ตลาดปลาสึกิจิ ชินจูกุ เป็นต้น

#########################################

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline




กำลังโหลดความคิดเห็น