ชาวโซเชียลแห่แชร์ ร้านอาหารแถวหาดไตรตรัง จ.ภูเก็ต ขายข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวจานละ 200 บาท ผัดหมี่ 450-500 ด้านเจ้าของร้านออกมาแจงอาหารที่ร้านราคาไม่แพง เพราะใช้วัตถุดิบอย่างดี และมีราคาคนไทยและต่างชาติ
ถือเป็นอีกหนึ่งดราม่าในโลกโซเชียลช่วงหยุดยาววันสงกรานต์ หลังเพจ โหดจัง จังหวัดภูเก็ต ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงราคาอาหารของร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต โดยระบุว่า
“ขายโหดเกิน #ข้าวกะเพราไก่+ไข่ดาว ทางไปหาดไตรตรัง จานละ 200฿ พิกัดก่อนถึงโรงแรม...ทางที่ไปดูต้นปอเทือง ฝากหน่วยงานภาครัฐภูเก็ตตรวจสอบหน่อยครับ นักท่องเที่ยวร้องเรียนมา อย่าปล่อยให้เรื่องแบบนี้มาทำลายการท่องเที่ยวภูเก็ตเลย”
เรื่องนี้ทำให้มีคนแชร์และเข้ามาแสดงความคิดเป็นจำนวนมาก โดยเพจ ปชส. ภูเก็ต ได้ระบุว่า หนึ่งในนั้นมีนักท่องเที่ยวสาวคนหนึ่งโพสต์ภาพอาหารพร้อมกับระบุว่า “โดนมากับตัววันนี้เลยค่ะ ผัดหมี่ถ้วยนี้ 450 บาทค่ะ ราคานักท่องเที่ยว 500 บาท”
นอกจากนี้เพจ ปชส. ภูเก็ต ยังเผยว่า เมื่อช่วงบ่าย ของวันที่ 13 เม.ย.65 ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามเจ้าของร้านอาหารดังกล่าวที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าผาริมหาดไตรตรัง ถ.หมื่นเงิน ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ตเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยได้รับการเปิดเผยจากคนดูแลร้านว่า อาหารที่ร้านไม่ได้แพง เพราะใช้วัตถุดิบอย่างดี กุ้งก็ใช้กุ้งตัวใหญ่ ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับราคาขายมาก่อน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา มีลูกค้าสั่งข้าวผัดไก่ ซึ่งปกติราคาจานละ 100 บาท แต่ไม่เข้าใจทำไมลูกค้าไปโพสต์ว่าจานละ 200 บาท อาจเป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่า ส่วนข้าวราดกระเพราไก่ไข่ดาว ปกติขายในราคาคนไทยจานละ 150 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาทอยู่แล้ว ก๋วยเตี๋ยวเป็ดชามละ 80 บาท ขนมจีนจานละ 50 บาท ซึ่งลูกค้าที่มีปัญหาหรือเข้าใจราคาผิดนั้น คาดว่าอาจสั่งอาหารแบบชุดของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น ผัดหมี่ชามละ 500 บาท คนไทย 450 บาท ซึ่งทางร้านจะใช้วัตถุดิบอย่างดี กุ้งอย่างดี เป็นต้น ขณะเดียวกันช่วงนี้วัตถุดิบในท้องตลาดมีราคาที่สูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการทำอาหารสูงขึ้นตามไปด้วย
ขณะที่สำนักข่าวเดลินิวส์ ได้รายงานถึงเรื่องนี้ว่า (13 เมษายน 2565) เจ้าของร้านดังกล่าวเปิดขายอาหารมาตั้งแต่ก่อนสึนามิก่อนปิดตัวลง แล้วมาเปิดร้านอีกครั้งช่วงปลายปี 64 ถึง ปัจจุบัน โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ และมีคนไทยบ้างแต่ไม่มาก แต่คนไทยจะมีเยอะในช่วงเทศกาล
สำหรับเหตุการณ์ที่เป็นประเด็นดราม่าดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 65 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยประมาณ 6-7 คน มารับประทานอาหารที่ร้านแห่งนี้ โดยทางเจ้าของร้านได้แจ้งว่า
เมนูอาหารไทยจะเป็นแบบนี้ ส่วนเมนูอาหารต่างชาติจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวได้เลือกสั่งเมนูชาวต่างชาติ แต่ทางร้านเห็ฯเป็นคนไทย จึงคิดราคาอาหารคนละ 100 บาท ซึ่งราคานี้บวกกับการเที่ยวชมในสวนดอกไม้ ดอกปอเทืองของทางร้านด้วย
นอกจากนี้ข้าวของร้านอาหารดังกล่าวยังเปิดเผยว่า ตนเองก็แปลกใจว่าทำไมนักท่องเที่ยวกลุ่มนั้นถึงบอกว่าร้านของตนขายอาหารให้จานละ 200 บาท ทั้งที่ขายให้จานละ 100 บาท โดยทางร้านระบุว่ามีหลักฐานยืนยัน อีกทั้งก่อนจะสั่งอาหารทางร้านก็แจ้งกับนักท่องเที่ยวแล้วแต่พวกเขาไม่ฟัง กระทั่งกลับไปก็ไปโพสต์ทำให้ร้านเสียหาย ตนจึงบอกให้เขาลบโพสต์เพราะไม่เป็นความจริง แต่ลูกค้าก็ไม่ลบ ตนจึงปรึกษากับครอบครัวว่าถ้าลูกค้าไม่ยอมลบโพสต์ ตนจะไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรป่าตอง แต่ถ้าลูกค้าคุยกันรู้เรื่องก็จะไม่ถือสาอะไรเปลี่ยนให้ขอโทษเพียงอย่างเดียวและลบโพสต์เท่านั้นก็พอ
สำหรับเรื่องนี้คงต้องติดตามกันต่อไป อย่างไรก็ดีเรื่องอาหารแพง ค่ารถแท็กซี่แพงที่ภูเก็ต และพฤติกรรมไม่ง้อคนไทย รวมถึงเอาเปรียบนักท่องเที่ยวของผู้ประกอบการส่วนหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยว ก็ยังคงเป็นประเด็นที่มีคนพูดถึงและปรากฏเป็นข่าวกันอยู่บ่อยครั้ง