xs
xsm
sm
md
lg

ดรามาสนั่น! หลังโซลาร์เซลล์ลอยน้ำใหญ่ที่สุดในโลก เขื่อนสิรินธร เปิดใช้ สื่อนอกตีข่าวดัง-แต่ไทยบางคนด้อยค่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


โรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด เขื่อนสิรินธร  จ.อุบลราชธานี (ภาพ :  เพจ กฟผ. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย)
ดรามาอีกแล้ว หลัง กฟผ. เปิดใช้โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดใหญ่ที่สุดในโลก เขื่อนสิรินธร ซึ่งในขณะที่สื่อต่างชาติลงข่าวให้ชาวโลกรับรู้ แต่ชาวโซเชียลไทยส่วนหนึ่งกลับพยายามด้อยค่า จนมีผู้เห็นต่างเข้าไปแสดงความเห็นโต้แย้งเป็นอย่างมาก

“การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)” เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำ ร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี (Hydro-floating Solar Hybrid) หรือ โรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด เขื่อนสิรินธร ขนาดกำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ได้เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์แล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

โรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธร  จ.อุบลราชธานี (ภาพ : กฟผ.)
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าแห่งนี้ เป็นโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดประมาณสนามฟุตบอล 70 สนาม มีแผงโซลาร์เซลล์มากถึง 145,000 แผง แบ่งออกเป็น 7 ชุด บนพื้นที่ผิวน้ำในเขื่อนไม่ถึง 1% ของพื้นที่อ่างเก็บน้ำทั้งหมด โดยเลือกใช้แผงโซลาร์เซลล์ และทุ่นลอยน้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งหมด ไม่ส่งผลกระทบกับระบบนิเวศใต้น้ำ

โรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ เขื่อนสิรินธร สามารถผลิตไฟฟ้าจากทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ ในเวลากลางวัน และพลังน้ำจากเขื่อนที่มีอยู่เดิม มาผลิตไฟฟ้าในช่วงที่ไม่มีแสง หรือเสริมความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในช่วงค่ำ

อีกทั้งยังใช้ระบบส่งไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ รวมถึงพื้นที่ผิวน้ำในเขื่อนสิรินธร ที่มีอยู่เดิม ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเต็มประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายลงได้ ทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้ามีราคาต่ำ โดยวางแผงโซลาร์เซลล์ให้มีมุมเอียง มีช่องว่างระหว่างแผงและทุ่นลอยน้ำ แสงแดดสามารถลอดผ่านลงในน้ำได้ จึงไม่กระทบกับระบบนิเวศใต้น้ำ

โรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธร  จ.อุบลราชธานี (ภาพ : ซินหัว)
ทั้งนี้ การนำแผงโซลาร์เซลล์วางบนผิวน้ำ จะช่วยลดความร้อนของแผงโซลาร์เซลล์ ทำให้มีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าดีกว่าการติดตั้งบนบกถึง 10-15% ทั้งยังช่วยลดการระเหยของน้ำในเขื่อนได้ประมาณ 460,000 ลูกบาศก์เมตร/ปี

นอกจากนี้ กฟผ. ยังได้พัฒนาพื้นที่บริเวณโรงไฟฟ้าโซลาเซลล์ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของ จ.อุบลราชธานี โดยคาดว่าจะสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ในต้นปี 2565

พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในอุบลฯ
ทั้งนี้ หลังการเปิดจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ดังกล่าว ได้มีสื่อต่างชาติ คือ สำนักข่าวซินหัว ของประเทศจีน และสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ของประเทศเยอรมนี ได้ลงข่าวเผยแพร่เพื่อให้ชาวโลกรับรู้เป็นที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี หลังข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้มีคนไทยบางกลุ่มได้พยามออกมาด้อยค่า ดิสเครดิตโจมตีโครงการดังกล่าว อาทิ โครงการอาจจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ปลา สัตว์ พืช ในน้ำที่อยู่ใต้แผงโซลาร์เซลล์ แสงสะท้อนจากโซลาร์เซลล์จะกระทบต่อการบินของนก กลัวนกจะทิ้งมูลใส่แผง จะทำให้ค่าไฟราคาแพงขึ้น รวมไปถึงนี่เป็นโครงการที่ผูกขาดโดยรัฐ ทำไมไม่เปิดให้เอกชน ชาวบ้าน ทำบ้าง เป็นต้น

สื่อนอกบลูมเบิร์กรายงานข่าว (ภาพจาก : เพจ Street Hero V3)
เรื่องนี้ทำให้เกิดเป็นกระแสดรามาขึ้นในโลกโซเชียล โดยเพจข่าวต่างประเทศสำนักหนึ่ง ซึ่งได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็น ข้อโต้แย้ง เห็นด้วย-เห็นต่าง กันเป็นจำนวนมาก

รวมไปถึงมีการมาแลกเปลี่ยนแสดงทัศนะกันแบบเชิงความรู้ อย่าง “นายจอม เพ็ชรประดับ” อดีตผู้ประกาศข่าว ที่มาตั้งคำถามถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในเพจของ “ดร.วรัชญ์ ครุจิต” แล้ว “ดร.ธรณ์ ธํารงนาวาสวัสดิ์” มาตอบคอมเมนต์ให้ข้อมูลความรู้ เป็นต้น

สื่อนอกซินหัวรายงานข่าว

การแสดงทัศนะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงความรู้ระหว่างนายจอม กับ ดร.ธรณ์
นานาทัศนะ






















กำลังโหลดความคิดเห็น