อช.แม่วงก์ เผยปีนี้ “โมโกจู” สุดฮิต เปิดรับผู้พิชิตยอดเพียง 24 ทีม 288 คน แต่มีนักท่องเที่ยวแห่สมัคร 10,063 ทีม เป็นจำนวนมากถึง 120,756 คน
นายกิติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ เปิดเผยข้อมูลผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระบุว่า
ในฤดูกาลท่องเที่ยวนี้ (63 ต่อ 64) อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ได้เปิดรับสมัครทีมนักท่องเที่ยวผู้สนใจเดินป่าระยะไกลพิชิตยอดเขาโมโกจู โดยเปิดให้จองทางอีเมลของอุทยานฯ แม่วงก์ ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2563 (เวลา 12.00-18.00 น.) ที่ผ่านมา สำหรับกิจกรรมเดินป่าในระหว่างวันที่ 7 พฤศจิกายน 2563 ถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สามารถมองเห็นทางช้างเผือก ที่สวยงามยิ่ง ประกอบกับเป็นช่วงฤดูหนาว ที่จะได้สัมผัสอากาศหนาวบนยอดเขาโมโกจูสักครั้งหนึ่งในชีวิต
ทั้งนี้ทาง อช.แม่วงก์ ได้กำหนดจำนวนทีมนักท่องเที่ยวที่จะเดินป่าระยะไกลขึ้นเขาไปพิชิตยอดโมโกจู ทีมละ 12 คน สัปดาห์ละ 2 ทีม และเปิดเพียง 12 สัปดาห์ รวมทั้งหมดเป็น 24 ทีม โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งสิ้นเพียง 288 คนเท่านั้น
อย่างไรก็ดีหลังจากการรับสมัครในวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งทาง อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ได้ถ่ายทอดสดผ่านทาง Facebook: อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ได้เปิดรายชื่อทีมที่สมัครเข้ามาก่อนหลังตามลำดับอีเมลที่มาถึงอีเมลของอุทยาน พร้อมตรวจความครบถ้วนสมบูรณ์ของใบสมัคร
ปรากฏว่าฤดูกาลนี้ มีนักท่องเที่ยวสนใจแห่สมัครกิจกรรมเดินป่าระยะไกลพิชิตยอดโมโกจูกันเป็นจำนวนมากถึง 10,063 ทีม รวมผู้สนใจสมัครเดินป่ามากถึง 120,756 คน
นั่นจึงเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่า จะเดินป่าระยะไกลพิชิตยอดเขาโมโกจู ต้องใช้เวลารอคิวจองนานมากที่สุด ในโลก
นอกจากนี้ยังมีคำพูดที่นักท่องเที่ยวนิยมพูดต่อ ๆ กันว่า “เราไม่ได้เป็นคนเลือกโมโกจู แต่โมโกจู ต่างหากที่เป็นคนเลือกเรา” นั่นเอง
สำหรับ “ยอดเขาโมโกจู” เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของผืนป่าตะวันตก และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ฝั่งจังหวัดกำแพงเพชร (พื้นที่ครอบคลุม 2 จังหวัดคือนครสวรรค์และกำแพงเพชร) มีความสูง 1,964 เมตร มีสภาพเส้นทางค่อนข้างยากลำบากติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย การเดินทางพิชิตยอดโมโกจู มีระยะทางรวมไป-กลับกว่า 62 กิโลเมตร
บนยอดเขาโมโกจูที่เป็นไฮไลท์และจุดสูงสุดของเส้นทางมี “หินเรือใบ” เป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของยอดเขาโมโกจูที่นักท่องเที่ยวขาลุยใฝ่ฝันอยากขึ้นไปพิชิต ซึ่งทางอุทยานฯแม่วงก์ ได้กำหนดเป็นเส้นทาง “เดินป่าระยะไกล” ที่เหมาะสำหรับผู้นิยมไพรเฉพาะกลุ่ม ที่รักการเดินป่า นอนในป่า และต้องมีสุขภาพแข็งแรง
อนึ่งการขึ้นไปพิชิตยอดโมโกจูนั้นเป็นการพิชิตใจตัวเองอย่างหนึ่งในการต่อสู้กับความยากลำบาก และหากขึ้นไปพิชิตยอดในวันที่ดินฟ้าอากาศเป็นใจ บนนั้นไม่ต่างอะไรกับแดนสวรรค์เลยทีเดียว
สำหรับในปีนี้อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 โดยการลดนักท่องเที่ยวลง จากเดินได้ปีละ 400 คน เหลือ 288 คน อีกทั้งยังลดระยะเวลาเดินป่าจาก 5 วัน 4 คืน มาเป็น 4 วัน 3 คืน โดยมีรถไถรับ-ส่ง ร่วมกับเส้นทางเดินเท้ารวม 64 ก.ม.
ขณะที่ค่าใช้จ่ายของการเดินป่านั้นกำหนดไว้ที่ กลุ่มละ 16,000 บาท (ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติฯ ,ค่าพักแรมในอุทยานฯ, ค่าประกันชีวิต, ค่าประกันอุบัติเหตุ, ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง, ค่ารถไถรับ-ส่ง ค่าประกาศนียบัตร, ของที่ระลึก)
โดยค่าใช้จ่ายนี้ไม่รวมค่าลูกหาบ 600 บาท/วัน/คน โดยลูกหาบ 1 คน แบกสัมภาระไม่เกิน 20 กิโลกรัม/คน/วัน และอนุญาตให้ใช้ลูกหาบได้ไม่เกิน 3 คนต่อกลุ่ม และไม่รวมค่าพักแรมในคืนวันก่อนเดินทาง ไม่รวมค่าเสบียงที่ใช้ในการเดินป่า นักท่องเที่ยวต้องเตรียมเสบียง อุปกรณ์การประกอบอาหารมาเอง และให้มีจำนวนเพียงพอต่อสมาชิกในทีม, เจ้าหน้าที่กลุ่มละ 2 คน และลูกหาบ
สำหรับผู้ที่พลาดการเดินป่าพิชิตยอดโมโกจูในปีนี้ คงต้องไปรอลุ้นอีกทีในฤดูกาลหน้า ว่าเราจะได้รับเลือกจากโมโกจู หรือเปล่า