“เบตง” (อ.เบตง จ.ยะลา) เมืองเล็กๆ ใต้สุดแดนสยาม บริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย เมืองที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางขุนเขาที่ล้อมรอบ พร้อมด้วยการผสมผสานสามวัฒนธรรม ไทยพุทธ ไทยมุสลิม และไทยเชื้อสายจีน ทำให้เมืองเล็กๆ เมืองนี้มีเสน่ห์น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
จากคำขวัญของเบตง ที่ว่า “เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน” ที่ทำให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ด้วยการโอบล้อมของเทือกเขาสันกาลาคีรี ความสดชื่นเขียวขจีของต้นไม้ดอกไม้ และแม่น้ำลำธารที่ไหลผ่าน ก่อให้เกิดสายหมอกที่โอบกอดเมืองเล็กๆ แห่งนี้ไว้
หากใครที่ชื่นชอบกับการเสาะหาทะเลหมอกแสนสวยยามเช้า ที่เบตงแห่งนี้ก็มีทะเลหมอกสวยๆ ให้ได้ชมกันตลอดทั้งปี
ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง
หนึ่งในจุดชมวิวทะเลหมอกยามเช้าที่มาแรงมากๆ แห่งหนึ่งของไทยก็คือ “ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง” ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเบตงโดยใช้เวลาขับรถราว 40 นาที ใครที่นอนพักในตัวเมืองเบตง หากอยากจะมาชมทะเลหมอกยามเช้าที่อัยเยอร์เวงก็แนะนำให้เดินทางออกมาจากเบตงเวลาประมาณตีห้า ก็จะสามารถมารอชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าได้ด้วย
จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง หรือ “จุดชมทะเลหมอกเขาไมโครเวฟฯ” เดิมทีชาวบ้านเรียกว่า “บูเก๊ะเฉง” หรือ “ภูเขาเจ๊ง” เพราะกว่าจะเดินขึ้นไปถึงด้านบนก็หมดแรงแล้ว ต้องทิ้งข้าวของไว้รายทางถึงจะมีแรงเดินขึ้นเขาต่อไปได้
หลังจากมีการพัฒนาพื้นที่เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางมายลความสวยงามของทะเลหมอกยามเช้าเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันนี้ มีการจัดการรถให้จอดอยู่ด้านล่าง ส่วนนักท่องเที่ยวก็เดินเท้าขึ้นไปด้านบนจุดชมทะเลหมอก หรือจะใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างขึ้น-ลงจากจุดชมวิวก็ได้
จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง มีความสูง 2038 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ขึ้นชื่อในเรื่องของการชมพระอาทิตย์ขึ้นรับแสงแรกของวัน ควบคู่ไปกับการชมทะเลหมอกอันงดงาม ซึ่งสามารถเห็นทะเลหมอกได้ตลอดทั้งปี ในมุมมอง 360 องศา นอกจากนี้ก็ยังมีวิวทิวทัศน์ของผืนป่าฮาลา-บาลา ทะเลสาบเขื่อนบางลาง รวมถึงสามารถมองไปไกลได้ถึงประเทศมาเลเซียเลยทีเดียว
และล่าสุดนี้ บริเวณจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ก็กำลังก่อสร้าง “สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง” ที่ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเบตง โดยจะเปิดให้ท่องเที่ยวได้ในช่วงปลายปี 2563 นี้
สำหรับสกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง มีความสูง 45 เมตร สามารถชมทิวทัศน์ได้ 360 องศา มีพื้นกระจกใสอยู่บริเวณช่วงปลายให้ได้ชมผืนป่าด้านล่าง และนับว่าเป็นสกายวอล์คที่มีความยาวที่สุดในอาเซียน สามารถเดินออกไปชมทะเลหมอกได้กว้างไกลและใกล้ชิด
ยอดเขาฆูนุงซีลีปัต
หากว่าใครอยากสัมผัสทะเลหมอกแบบใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ ที่เบตงก็ยังมีจุดชมทะเลหมอกสวยๆ อีกแห่ง นั่นคือ “ยอดเขาฆูนุงซีลีปัต” หรือที่ชาวบ้านเรียก “ฆูนุงซาลี”
ที่นี่ก็สามารถชมวิวทะเลหมอกได้ 360 องศาเช่นเดียวกัน โดยสามารถมาชมทะเลหมอกได้ทั้งปี แต่ช่วงที่จะสวยที่สุดก็อยู่ราวๆ เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน เนื่องจากท้องฟ้าจะเปิดเต็มที่ มองเห็นท้องฟ้าสีฟ้า ตัดกับทะเลหมอกสีขาวหนานุ่มเป็นปุยนุ่น
การขึ้นไปชมทะเลหมอกบนยอดเขาฆูนุงซีลีปัตนั้นต้องใช้แรงใจและแรงขาพอสมควร เนื่องจากเส้นทางการเดินขึ้นบนยอดเขานั้นมีความลาดชัน แม้จะมีระยะทางไม่ไกลมากนัก ราว 500-700 เมตร (แล้วแต่เส้นทางที่เดินขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 3 เส้นทาง เป็นเส้นทางที่เดินขึ้นจากทางรีสอร์ท และเส้นทางโดยการท่องเที่ยวชุมชน) ยิ่งในช่วงที่มีฝนตกทางเดินขึ้นจะลื่น และต้องปีนป่ายในบางช่วง แต่ก็จะมีเชือกติดตั้งไว้ตามรายทางเพื่อช่วยในการเดินขึ้นลง
สำหรับยอดเขาฆูนุงซีลีปัต มีความสูง 607 เมตร จากระดับน้ำทะเล ด้านบนยอดเขาเป็นลานหินขนาดไม่กว้างมากนัก จึงต้องมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินขึ้นด้านบนคราวละประมาณ 70-80 คน นักท่องเที่ยวที่จะเดินขึ้นเขา สามารถพักในตัวเมืองเบตงแล้วเดินทางมาในช่วงเช้ามืด หรือจะพักกางเต็นท์ค้างคืนบริเวณด้านล่างเขาก็ได้
ยืนอยู่บนยอดเขาฆูนุงซีลีปัต ก็สามารถชมวิวทะเลหมอกได้อย่างใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนแล้วก็ต้องไปถ่ายรูปกับป้ายผู้พิชิตเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก พร้อมกับโบกธงชาติไทย และอีกมุมภาพที่นิยมถ่ายกันก็คือ รูปกระโดดบนยอดเขาให้ตัวลอยอยู่เหนือทะเลหมอก นับว่าเป็นอันซีนทะเลหมอกที่สวยสุดฟินอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย
ใครที่จะเดินขึ้นไปบนยอดเขาฆูนุงซีลีปัตแนะนำให้เตรียมความพร้อมทั้งแรงกายและแรงใจ ที่สำคัญก็คือรองเท้าสวมสบาย (แนะนำเป็นรองเท้ากีฬา) ส่วนการเดินขึ้นลงนั้นต้องใช้ความระมัดระวังจากทางที่ลื่น ต้องปีนป่ายเป็นบางช่วง รวมทั้งหินและต้นไม้ที่ใช้เป็นหลักในการทรงตัวต้องสังเกตให้ดีก่อน
สำหรับคนที่อยากเดินทางมาชมทะเลหมอกที่เบตง ปัจจุบันนี้ยังต้องใช้เส้นทางรถยนต์เพียงอย่างเดียว โดยสามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่หาดใหญ่หรือนราธิวาส แล้วนั่งรถต่อมาที่อำเภอเบตง บนเส้นทางคดเคี้ยวสลับสูงชันไปตามภูเขา ซึ่งใช้เวลาราวๆ 4 ชั่วโมง แต่อีกไม่นานนี้ “ท่าอากาศยานเบตง” สนามบินน้องใหม่กำลังจะเปิดให้บริการแล้ว (คาดว่าจะเปิดให้บริการราวปลายปี 2563) ก็จะช่วยร่นระยะเวลาในการเดินทางได้เป็นอย่างมาก และสะดวกสบายอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากมาสัมผัสทะเลหมอกแสนสวยอย่างใกล้ชิด
* * * * * * * * * * * * * *
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการท่องเที่ยวในเบตง และ จ.ยะลา ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนราธิวาส (ดูแลพื้นที่ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา) โทร. 0-7354-2343 Facebook : TAT Narathiwat ททท.สำนักงานนราธิวาส
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่Youtube :Travel MGR