หลังจากมีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ในระยะที่ 3 สถานที่ท่องเที่ยวหลายๆ แห่งก็เริ่มเปิดให้เข้าไปท่องเที่ยวได้ แต่ส่วนใหญ่ก็ยังเที่ยวอยู่ภายในจังหวัดของตัวเอง หรือเดินทางไปยังจังหวัดใกล้ๆ อย่างถ้าอยู่ใน กทม. ถ้าไม่เลือกเดินทางไปยังชายทะเลใกล้ๆ ก็ไปนอนพักผ่อนที่รีสอร์ทต่างๆ หรือบางคนก็เลือกทริปไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคล
ซึ่งทริปไหว้พระใกล้ๆ ในหนึ่งวัน หลายคนก็เลือกเดินทางมาที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากที่นี่มีวัดสวยๆ และพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์หลากหลายวัด แถมยังเดินทางสะดวกสบาย มีของอร่อยๆ ให้ชิมและแวะซื้อกลับบ้านกันด้วย
แต่สำหรับการท่องเที่ยวในช่วงนี้ ทุกๆ แห่งก็จะต้องมีมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เรียกว่าไปเที่ยวได้อย่างปลอดภัย ถ้าทุกคนร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค
เริ่มทริปการทำบุญที่อยุธยากันที่ “วัดใหญ่ชัยมงคล” วัดชื่อดังอีกแห่งของอยุธยา ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะเวียนมาสักการะเพื่อความเป็นมงคล ซึ่งเมื่อก้าวเข้ามาในวัด อย่างแรกที่ต้องทำก็คือการเช็กอินแอพลิเคชั่นไทยชนะ ใครไม่สะดวกเช็คอินก็มีจุดให้ลงทะเบียน ทุกคนต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา เน้นการเว้นระยะห่าง โดยมีสัญลักษณ์แปะไว้ตามจุดต่างๆ และมีเจลแอลกอฮอล์บริการ
สำหรับที่วัดใหญ่ชัยมงคล สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น พอมาถึงสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ก็ได้มีการสร้าง “พระเจดีย์ชัยมงคล” ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติยศที่ได้ชัยในการทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาแห่งกรุงหงสาวดี พร้อมกับพระราชทานนามว่าวัดชัยมงคล แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดใหญ่ชัยมงคล เพราะมีเจดีย์ขนาดใหญ่ที่สูงที่สุดในอยุธยามองเห็นโดดเด่นแต่ไกล
ภายในวัดมีพระอุโบสถหลังเก่า เป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธชัยมงคล” พระประธานของวัดที่สร้างจากหินทรายตลอดทั้งองค์เป็นปางมารวิชัย แล้วก็ยังมี “พระพุทธไสยาสน์” หรือพระนอน ที่ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารหลังเก่า ปัจจุบันเหลือเพียงผนังและเสาบัว
เดินทางต่อมาที่ “วัดพนัญเชิง” ซึ่งอยู่ไม่ไกล วัดแห่งนี้คาดว่าก่อสร้างมาตั้งแต่ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ภายในวัดมีพระพุทธรูปองค์สำคัญได้แก่ “หลวงพ่อโต” หรือ “พระพุทธไตรรัตนนายก” หรือ “ซำปอกง” โดยเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาตั้งแต่แรกสร้างกรุง เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางมารวิชัยที่มีขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 20.17 เมตร สูง 19 เมตร พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ โปรดให้บูรณะใหม่ทั้งองค์ พร้อมถวายพระนามว่า "พระพุทธไตรรัตนายก" หลวงพ่อโตประดิษฐานในวิหารทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสภายในมีเสากลมขนาดใหญ่ ที่หัวเสาปั้นปูนเป็นกลีบบัว เรียกว่า บัวกลุ่ม
ภายในวัดยังมีพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ 3 องค์ ได้แก่ พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปปูน และพระพุทธรูปนาค และด้านเหนือของวิหารหลวงพ่อโต ด้านที่ติดกับแม่น้ำป่าสัก มี “ตำหนักเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก”
สำหรับมาตรการป้องกันโรคระบาดของทางวัด จะให้ผู้ที่เข้ามาภายในวัดสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์หรือล้างมือให้สะอาด มีจุดคัดกรองอุณหภูมิ รักษาระยะห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร งดกราบที่พื้น ยกเว้นมีผ้ารองกราบส่วนตัว และมีการจัดเส้นทางเดินภายในวิหารให้เข้าออกคนละทาง
จากวัดพนัญเชิง เดินทางเข้ามายังเกาะเมืองอยุธยา ซึ่งด้านในเกาะเมืองนั้นมีวัดสวยหลายแห่งเลยทีเดียว อย่างเช่นที่ “วิหารพระมงคลบพิตร” ภายในประดิษฐาน “พระมงคลบพิตร” พระพุทธรูปโบราณองค์ใหญ่ สันนิษฐานว่าเดิมประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ต่อมาได้มีการอัญเชิญมาไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ (จุดที่ประดิษฐานอยู่ในปัจจุบัน) และมีการสร้างมณฑปครอบไว้ ต่อมาได้รับความเสียหายเมื่อช่วงเสียกรุงครั้งที่ 2 แล้วจึงมีการบูรณะขึ้นมาใหม่ทั้งหมดจนกลายเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีทองอร่ามแบบที่เห็นในปัจจุบัน
ก่อนจะเข้าไปสักการะพระมงคลบพิตรด้านในวิหาร ทุกคนจะต้องล้างมือให้สะอาด โดยจัดจุดล้างมือไว้ให้ จากนั้นมาผ่านจุดคัดกรองอุณหภูมิ เช็คอินไทยชนะหรือลงทะเบียน สวมหน้ากากอนามัย การเข้าไปด้านในวิหารจะจำกัดจำนวนคน รอบละไม่เกิน 30 คน โดยมีเก้าอี้ให้นั่งรอด้านนอกแบบเว้นระยะห่าง เมื่อเข้าไปด้านในวิหารแล้วให้ยืนพนมมือไหว้ งดการนั่งลงกราบ และใช้เวลาอยู่ภายในวิหารได้รอบละไม่เกิน 20 นาที เพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นๆ เข้าไปด้านในด้วย
วิหารพระมงคลบพิตรนี้ตั้งอยู่ติดกับ “วัดพระศรีสรรเพชญ์” วัดหลวงประจำพระราชวังในอดีตสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา และเป็นต้นแบบของวัดพระศรีรัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวัง ในกรุงเทพมหานคร
ในวัดพระศรีสรรเพชญ์มีเจดีย์ทรงลังกาจำนวน 3 องค์ วางตัวเรียงยาวตลอดทิศตะวันออกและทิศตะวันตก สร้างขึ้นเป็นองค์แรกทางฝั่งตะวันออก โดยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พระราชบิดา) ต่อมาก็ทรงให้สร้างเจดีย์องค์ต่อมา (องค์กลาง) เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 (พระเชษฐาต่างพระมารดาของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2) และเจดีย์ฝั่งตะวันตก สร้างในรัชสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 (สมเด็จพระหน่อพุทธางกูร) เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 พระราชบิดา รวมเป็นสามองค์ตามที่เห็นในปัจจุบัน
ก่อนเข้าวัดพระศรีสรรเพชญ์ จะมีจุดตรวจคัดกรองอุณหภูมิ ถ้าอุณหภูมิร่างกายผ่าน เจ้าหน้าที่จะติดสติ๊กเกอร์ให้ มีเจลแอลกอฮอล์ให้บริการ มีจุดให้เช็คอิน และให้นักท่องเที่ยวทุกคนสวมหน้ากากอนามัย
อีกวัดในเขตเกาะเมืองที่น่าสนใจก็คือ “วัดมหาธาตุ” ก่อนเข้ามายังวัดมหาธาตุก็จะผ่านมาตรการเดียวกันกับที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ เข้ามาด้านในแล้วก็มาเดินชมวัดที่มีความสำคัญยิ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากเป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร และเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสีอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงได้รับการก่อสร้างและดูแลตลอดเวลาจนกระทั่งเสียกรุง
จุดหนึ่งในวัดมหาธาตุที่โดงดังมากๆ ก็คือ “เศียรพระพุทธรูปหินทราย” ที่มีรากไม้ต้นโพธิ์ปกคลุมอยู่ โดยเศียรพระพุทธรูปนี้ เป็นพระพุทธรูปหินทรายเหลือแค่ส่วนเศียร สำหรับองค์พระนั้นหายไป และเป็นเศียรพระพุทธรูปศิลปะอยุธยา วางอยู่ในรากโพธิ์ข้างวิหาร คาดว่าเศียรพระพุทธรูปนี้จะหล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ ในสมัยเสียกรุง จนรากไม้ขึ้นปกคลุมทำให้มีความงดงามแปลกตา จนนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ โดยในจุดนี้มีคำแนะนำการถ่ายภาพคือไม่ให้ยืนขึ้นเหนือเศียรพระ และมีการทำสัญลักษณ์เป็นจุดถ่ายรูปแบบเว้นระยะห่างด้วย
ออกจากเกาะเมืองอยุธยาชั้นใน ข้ามแม่น้ำมาอีกฝั่ง มายังวัดที่งดงามและมีชื่อเสียงไม่แพ้ที่อื่นๆ นั่นคือ “วัดไชยวัฒนาราม” เป็นอีกวัดโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โดยมีการนำรูปแบบแผนผังของวัดมาจากนครวัด มีปรางค์ประธานอยู่ตรงกลางตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส และมีปรางค์บริวารอยู่รายล้อม แล้วก็มีระเบียงคดภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยจำนวน 120 องค์
มุมยอดฮิตในการถ่ายรูปที่วัดไชยวัฒนาราม อยู่ที่หน้าวัด บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา หันหน้ากลับเข้ามาทางวัด จะเห็นปรางค์ประธานองค์ใหญ่เด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลาง มีปรางค์บริวารอยู่รอบๆ พร้อมกับสิ่งก่อสร้างอื่นๆ
หลังจากละครบุพเพสันนิวาสที่โด่งดังเมื่อสองปีก่อน และเกิดกระแสการแต่งชุดไทยมาถ่ายภาพตามรอยละครตามโบราณสถานต่างๆ จนถึงทุกวันนี้ ที่วัดไชยวัฒนารามก็ยังมีนักท่องเที่ยวที่แต่งกายด้วยชุดไทยมาถ่ายภาพสวยๆ กันอยู่เสมอ โดยรอบๆ วัดนั้นมีร้านเช่าชุดไทยให้เลือกหลายร้าน มาช่วงสร้างบรรยากาศไทยๆ ให้แก่ภาพถ่ายสวยๆ ซึ่งก่อนที่จะเข้ามาภายในวัด ไม่ว่าจะแต่งชุดไทยสวยๆ หรือแต่งชุดธรรมดา ก็ต้องผ่านจุดคัดกรอง และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เช่นกัน
สถานที่ท่องเที่ยวหลายๆ แห่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดให้เข้าชมกันได้ตามปกติแล้ว โดยเฉพาะวัด โบราณสถาน และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งแต่ละแห่งก็มีมาตรการคัดกรอง และมาตรการป้องกันโรคหลายขั้นตอน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวทุกคน
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR