xs
xsm
sm
md
lg

กษัตริย์ตัดนิ้วพระองค์เองเพราะทำขัดรับสั่ง! ห้ามคนอื่นไว้ ตัวเองเผลอทำก็ต้องลงโทษ!!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค


สมเด็จหน่อพุทธางกูร ในหนัง สุริโยทัย แสดงโดย สุเชาว์ พงษ์วิไล
ในจำนวนฝรั่งผู้บันทึกสยาม “วันวลิต” ชื่อที่คนไทยเรียก เยเรเมียส ฟาน ฟลิต ชาวฮอลันดาที่เข้ามาเป็นผู้จัดการสถานีการค้าของฮอลันดาในกรุงศรีอยุธยาถึง ๙ ปี ในระหว่าง พ.ศ.๒๑๗๖-พ.ศ.๒๑๘๕ ในรัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง และได้เขียนหนังสือไว้ ๓ เล่ม กล่าวถึงพระเจ้าแผ่นดินหลายพระองค์ตั้งแต่พระเจ้าอู่ทองเป็นต้นมา มากรัชกาลกว่าฝรั่งหลายคนที่เข้ามา นับว่าเป็นประโยชน์แก่การศึกษาประวัติศาสตร์ไทยอย่างมาก

ในรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๔ หน่อพุทธางกูร) พระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ ๑๒ ของกรุงศรีอยุธยา วันวลิตเล่าว่า พระองค์สืบราชสมบัติต่อจากพระราชบิดาเมื่อพระชนมายุได้ ๒๗ พรรษา และไม่ประสงค์จะใช้คำว่า “พระ” นำหน้าพระนาม ทรงกล่าวว่าเทพยดาเท่านั้นที่มีสิทธิ์ใช้คำนี้ ดังนั้นพระองค์จึงทรงพระนามว่า “หน่อพุทธางกูร”
เมื่อต้นรัชกาล พระองค์ทรงไว้ซึ่งความเมตตา แต่คุณงามความดีของพระองค์ก็มีผู้ล่วงระเมิด สาเหตุเนื่องมาจากขุนนางทั้งหลายคิดว่าเมื่อพระราชบิดาของพระองค์สิ้นพระชนม์ พวกตนก็เป็นอิสระไม่เป็นขี้ข้าใคร ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังหรือเทิดทูนพระเกียรติพระราชโอรส แต่เมื่อพระองค์สังเกตเห็นจึงทรงเปลี่ยนท่าทีเป็นเข้มแข็งเด็ดขาด

พระองค์เป็นกษัตริย์ที่รักการรบ มีพระปรีชาสามารถ กระตือรือร้น และรักความก้าวหน้า พระองค์ทรงแต่งตั้งผู้ที่ใจบุญและซื่อสัตย์ให้ดำรงตำแหน่งทางศาล และพระองค์ทรงเป็นศัตรูอย่างร้ายแรงกับผู้พิพากษาที่เลวๆ ทรงกำหนดโทษพวกเขาถึงตาย พระองค์ทรงหนักแน่น ไม่มีใครทำให้พระองค์หลงระเริงได้ ไม่ทรงโปรดใครเป็นพิเศษ ทรงแสดงความรู้สึกเท่าเทียมกันหมดทั้งต่อชนชั้นสูงและชนชั้นต่ำ ต่อพระและคฤหัสถ์ กระแสรับสั่งของพระองค์ถือว่าเด็ดขาด ใครก็ตามไม่ปฏิบัติตาม แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ หากขัดกระแสรับสั่งจะถูกลงโทษเยี่ยงอาชญากร และพระองค์ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรมในการพิพากษา

ครั้งหนึ่งพระองค์สังเกตเห็นฝาผนังในพระบรมมหาราชวังมีรอยปูนแดงเป็นจุดๆ จึงรับสั่งถามสมุหราชมณเฑียรว่า
“ใครเอาปูนแดงมาป้ายกำแพง”
สมุหราชมณเฑียรกราบทูลว่า
“พวกมหาดเล็กได้สลัดปูนที่ป้ายบนใบพลูจนมากเกินไปออกไปติดกำแพงพ่ะย่ะค่ะ”
พระองค์จึงมีรับสั่งว่า
“บุคคลที่สลัดปูนออกจากใบพลูไปถูกกำแพง จะต้องตัดนิ้วชี้ออก”

สองสามวันต่อจากนั้น ขณะที่พระองค์ประทับอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ต้องการเสวยพระศรี หรือหมาก และทอดพระเนตรเห็นว่ามีปูนบนใบพลูมากเกินไป จึงทรงปาดออกด้วยนิ้วชี้ และเผลอป้ายไปที่กำแพงห้อง แต่พอตระหนักว่าได้ทำสิ่งที่พระองค์ห้ามไว้ ก็ทรงชักกริชออกมาตัดนิ้วชี้ทิ้งไป พร้อมกับรับสั่งว่า

“เจ้าทำความร้าย ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรา ดังนั้นเราจึงไม่ต้องการเจ้า เพราะเจ้าไม่มีค่าอีกแล้ว”
(รัฐมนตรีหรือ ส.ส.เลวๆในพรรค ตัดออกแบบนี้บ้างก็ดีนะครับลุง)

หน่อพุทธางกูร ทรงทำสงครามกับล้านช้างและพะโคเสมอๆ ในบั้นปลายพระชนม์ชีพ พระองค์ยกทัพไปประชิดพะโคและยึดเมืองแถวนั้นได้ แต่ขณะยกทัพกลับ ก็สิ้นพระชนม์ด้วยไข้ทรพิษ รวมเวลาครองราชย์เพียง ๔ ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น