โรคระบาดโควิด-19 ที่ประเทศไทยเผชิญกันอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ ยังคงส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาในหลายๆ ด้าน อย่างเช่นเรื่องการดำรงชีวิตของผู้คน มีผู้คนตกงาน ไม่มีรายได้ และทำให้ต้องใช้ชีวิตความเป็นอยู่อย่างลำบากยากแค้น
แต่ถึงแม้ในยามวิกฤตเช่นนี้ คนไทยก็ยังมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมชาติด้วยกันเสมอ อย่างที่เมื่อมีการจัดทำโครงการ "ตู้ปันสุข" ขึ้นมาก จากแนวความคิดของนายสุภกฤษ กุลชาติวิจิตร ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและเจ้าของเพจ รู้รอบตอบโจทย์ธุรกิจ ได้ผุดไอเดียโครงการ "ตู้ปันสุข" ซึ่งเป็นโครงการดีๆ ที่นำมาจากโครงการ Pantry of Sharing จากประเทศฝรั่งเศส โดยไอเดีย “ตู้ปันสุข” ให้ชาวบ้านนำอาหารมาแบ่งปันใส่ตู้กับข้าว เพื่อแบ่งปันสำหรับบุคคลที่ยากไร้และขาดแคลนในช่วงโควิด-19 ที่กำลังระบาด โดยได้ทำตู้ปันสุขทั้งหมด 5 ตู้ แล้วนำไปตั้งไว้ตามจุดต่างๆ ได้แก่ ตู้ที่ 1 สุขุมวิท 71 ตู้ที่ 2 ภายในตลาดบางคอแหลม ตู้ที่ 3 เพชรเกษม 54 ตู้ที่ 4 วิภาวดี 60 และตู้สุดท้าย บ้านแลง จังหวัดระยอง
เมื่อได้มีการทำโครงการ “ตู้ปันสุข” นี้แล้วนำไปตั้งตามจุดต่างๆ โดยเริ่มแรกการตั้งตู้นี้ โดนดูถูก ปรามาส จากชาวเน็ตหลาย ๆ คน ว่าทำแบบนี้ของหายหมดยกตู้แน่นอน คนต้องกวาดของเกลี้ยงตู้ หรือจะโดนกวาดเอาไปขาย หรืออาจถูกคนยกไปทั้งของทั้งตู้ แต่เมื่อมีการนำตู้ไปจัดตั้งตามจุดต่างๆ กลับไดรับบทพิสูจน์ที่ว่าคนไทยยังมีน้ำใจต่อกัน และได้รับคำชื่นชมจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก มีผู้ใจบุญร่วมนำสิ่งของมาใส่ในตู้ปันสุขกันเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ผู้ยากไร้และขาดแคลนสิ่งของต่างๆ ได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนผู้ที่มาหยิบสิ่งของจาก “ตู้ปันสุข” ไปใช้นั้นต่างก็หยิบไปใช้ตามความต้องการอย่างรู้จักพอเพียง และกล่าวขอบคุณถึงผู้ที่มีน้ำใจบริจาคสิ่งของต่างๆ มาให้
ด้านจังหวัดกระบี่นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พ.ต.ท.ม.ล.กิติบดี ประวิตร ได้ร่วมระดมสมองคณะผู้บริหาร ผู้ปกครอง ผู้นำท้องถิ่น ภาคเอกชน เพื่อช่วยเหลือชาวกระบี่ที่เดือดร้อนจากมาตรการ Lockdown จึวเกิดเป็นโครงการ “ตู้กับข้าวชาวกระบี่” สะพานบุญระหว่างผู้ให้และผู้รับ เริ่มครั้งแรกวันที่ 16 เมษายน 63 จำนวน 8 อำเภอ 211 จุด จนถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 30 วัน และเตรียมเพิ่มตู้กับข้าวชาวกระบี่ทุกหมู่บ้าน 389 แห่ง โดยให้เงินตั้งต้นค่าอาหาร 1,000 บาททุกหมู่บ้าน ผ่านผู้จัดการตู้กับข้าว ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ที่เดือดร้อน ตกงานให้อิ่มท้อง เนื่องจากไม่มีใครตอบได้ว่า การระบาดของโควิด-19 จะสิ้นสุดเมื่อไหร่
จากการทำโครงการ “ตู้ปันสุข” นี้ขึ้นมาแล้วได้รับกระแสตอบรับที่ดี จึงทำให้มีผู้คนที่มีน้ำใจอีกเป็นจำนวนมากได้ร่วมกันจัดทำตู้ใส่สิ่งของเพื่อแบ่งปันให้กับผู้ยากไร้ในอีกหลายๆ ที่ อย่างเช่นที่ คณะสงฆ์วัดศรีคุณเมือง (บ้านเหล่า) เมืองอุดรธานี ได้จัดทำ “ตู้แบ่งสุข” โดยได้มีการยกตู้กับข้าวไปตั้งไว้ด้านหน้าทางเข้าวัด ตรงข้ามตลาด ซึ่งสิ่งของที่นำมาใส่ในตู้ก็ได้มาจากการที่พระสงฆ์เมื่อออกบิณฑบาตแล้วมีสิ่งของที่เหลือ ก็จะนำสิ่งของจากการบิณฑบาตมาใส่ตู้ เพื่อส่งต่อให้กลุ่มคนที่ยากลำบากช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้กินอิ่ม
ครั้นเมื่อมีการประชาสัมพันธ์ลงสื่อออนไลน์และมีการแชร์ต่อกันเป็นวงกว้าง ชาวบ้านรู้ข่าวต่างก็นำอาหาร ผลไม้ น้ำดื่ม สิ่งของต่างๆ มากมายมาเติมใส่ตู้ เพื่อแบ่งปันให้แก่ผู้ที่ขาดแคลน ซึ่งได้มีการเขียนข้อความว่า ตู้แบ่งสุข คณะสงฆ์วัดศรีคุณเมือง หยิบแต่พอดี หากมีก็แบ่งปั่น
ทางด้านเฟซบุ๊กเพจ Army times Thailand ก็ได้เผยแพร่เรื่องราวที่ทางโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ได้จัดทำ “ตู้เติมใจให้กัน” แล้วนำไปตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงเรียนฯ ถนนพระราม 5 เพื่อแบ่งปันอาหารให้ผู้ยากไร้ระหว่างวิกฤตโควิด-19 ให้ประชาชนที่ขาดแคลนสามารถนำไปบริโภคได้ โดยได้เขียนข้อความไว้ว่า “หยิบแต่พอดี ถ้าท่านมีใส่ตู้แบ่งปัน”
อีกทั้งทางเฟซบุ๊กเพจเหยี่ยวข่าว ภูเก็ต Newshawk Phuket โดยคุณสุชาติ คงเมือง ได้ลงภาพข้อมูลเรื่องราวของการทำตู้แบ่งปันเช่นเดียวกัน โดยได้มีการทำเอาตู้แบ่งปันสิ่งของที่จัดทำขึ้น ไปตั้งอยู่ที่สี่แยกหยี่เต้ง จังหวัดภูเก็ต โดยหวังให้ตู้แบ่งปันนี้เป็นส่วนช่วยเติมพอได้หายหิว โดยที่ตู้มีการเขียนข้อความไว้ว่า เชิญหยิบฟรี หยิบแต่พอดี ถ้าท่านมีใส่ตู้แบ่งปัน
ด้านอาจารย์วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย ได้นำ “ตู้แบ่งปัน เชิญเติม” ไปตั้งเอาไว้ที่บริเวณประตูทางเข้าวิทยาลัยฯ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีจิตศรัทธานำอาหารแห้งและของใช้ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตมาใส่ให้ผู้ยากไร้-คนได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 เปิดหยิบใช้ตามสะดวก โดยมีการเขียนข้อความเอาไว้ด้วยว่า ให้เลือกนำไปใช้แต่พอดี เพื่อแบ่งปันให้คนอื่นๆ ที่ประสบกับความลำบากในช่วงนี้ด้วย
เมื่อนำตู้เปล่าซึ่งเป็นตู้อะลูมิเนียมติดกระจกใสมาตั้งก็มีผู้ใจบุญนำอาหารแห้ง น้ำดื่ม ของใช้ต่างๆ เช่น เจลแอลกอฮอล์ ข้าวสาร อาหาร ขนม นม น้ำดื่ม รวมถึงผลไม้ ฯลฯ มาใส่ไว้ในตู้เป็นจำนวนมากจนเต็มตู้ต่อเนื่อง และผู้ที่เดินทางสัญจรผ่านไปมารวมถึงแรงงานที่ทำงานก่อสร้างแล้วเสร็จ และผู้ยากไร้ที่ทราบข่าว ต่างพากันไปเปิดตู้หยิบเอาอาหารและของใช้ต่างๆ ภายในตู้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน บางรายพากันมาแบบครอบครัวพ่อแม่ลูกเพราะขาดแคลนข้าวปลาอาหาร ซึ่งตู้แบ่งปัน เชิญเติม ดังกล่าวไม่มีคนเฝ้าเพื่อรับของหรือแจกจ่าย แต่เป็นการบริจาคและรับโดยสมัครใจ แต่ได้เลือกสถานที่ตั้งเป็นประตูทางเข้าวิทยาลัยที่มียามรักษาการณ์อยู่ที่ตู้ยามคอยดูแลให้อยู่ห่างๆ เท่านั้น
ทางด้านคนจังหวัดเพชรบุรีอย่าง นายธีรวัฒน์ รัตนสิงห์ นายวสันต์ อาทร (หมูแผ่นดินไทย) นายธีพงศ์ ครึกครื้น และกลุ่มเพื่อนๆ ได้นำตู้แช่เก่าที่ไม่ได้ใช้งานมาปรับเปลี่ยน ตั้งที่แยกต้นมะม่วง ต.ต้นมะม่วง อ.เมือง จ.เพชรบุรี
ภายในมีสิ่งของเครื่องใช้ เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน น้ำดื่ม ข้าวสาร แป้งกระป๋อง ปลากระป๋อง มาม่า และขนมสำหรับเด็กๆ ที่มีผู้ใจบุญร่วมบริจาคจำนวนมากมาใส่ไว้เต็มตู้ เพื่อให้ผู้ที่เดือดร้อนมาเปิดหยิบของในตู้ไปใช้กินและใช้ในครอบครัวได้เลย โดยขอให้หยิบไปแต่พอดี เผื่อแผ่คนข้างหลังด้วย
ด้านนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ก็ได้นำตู้กับข้าวออกมาตั้งไว้บริเวณด้านหน้าจวน พร้อมกับเอาสิ่งของอุปโภค เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำเปล่า มะม่วง และข้าวสาร ใส่ไว้จนเต็ม เตรียมไว้รอให้ประชาชนที่เดือดร้อนจากทุกสถานการณ์มาหยิบไปเพื่อใช้ประโยชน์ในการประทังชีวิตในช่วงนี้ และจะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
สำหรับตู้ปันสุข ตู้แบ่งสุข หรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ ขณะนี้ในพื้นที่อุดรธานีพบว่าประชาชนผู้มีจิตเป็นกุศลได้นำออกมาตั้งไว้แล้วหลายจุดเช่น หน้าวัดบ้านเหล่า หน้าร้านอาหารเช้าราชาไข่กระทะ หน้า บ.เอ็งจุ่งฮวด (ข้างทุ่งศรีเมือง) และหน้าโรงเรียนอุดรคริสเตียน ซึ่งถือได้ว่าเป็นไวรัลดีๆ ที่ชาวอุดรธานีกำลังทำตามต่อๆ กัน
ส่วนชาวพิษณุโลกหลายรายก็ได้ตระเวนนำเครื่องอุปโภค-บริโภค มาเติมเต็มตู้ส่งต่อ ตู้ปันน้ำใจ ที่เริ่มติดตั้งหลายจุดในตัวเมือง เพื่อแบ่งเป็นอาหารและน้ำใจให้ผู้ขัดสนขดแคลน ขณะที่ผู้รับก็ทยอยมารับไม่ขาดสาย ต่างขอบคุณน้ำใจที่มีให้กัน พร้อมกับเขียนป้ายให้ผู้รับ “หยิบไปแต่พอดี เหลือมาแบ่งปัน” เพื่อเหลือเผื่อให้บุคคลอื่นที่ขัดสนสามารถมารับของได้ตลอดโดยจังหวัดพิษณุโลกได้นำร่องตั้ง 12 ตู้ทั่วตัวเมืองพิษณุโลก ดังนี้ 1. ตู้หน้าร้านดอกไม้พฤกษชาติ1 ลังวัดใหญ่ 2. ตู้หน้าโรงพยาบาลสัตว์กิตติคุณ บึงพระจันทร์ 3. ตู้หน้าร้านรังนกน้อยในไร่ส้ม ตรงข้ามโรงแรมไพลิน 4. ตู้หน้าร้านคานาอัน 5. ตู้หน้าบ้าน สส.อ๋อง ตรงข้าม รร. อู่ทอง 6. ตู้หน้าบ้านท่านรอง ผวจ.ไพบูลย์ 7. ตู้หน้าร้านสวยบิวตี้ วัดอรัญญิก 8. ตู้หน้าสำนักงานป้องกันควบคุมโรค( หัวรอ ) 9. ตู้หลังวัดคูหาสวรรค์ 10. ตู้ตลาดร่วมใจ 11. ตู้ชุมชนเทพารักษ์ 12. ตู้ย่านศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก และตู้ปันน้ำใจหน้าสภ.เมืองพิษณุโลก และจะมีการเพิ่มจุดตู้ส่งต่อพิษณุโลกขึ้นมาอีกอย่างต่อเนื่อง
แต่เมื่อมีตู้แบ่งปันสิ่งของออกมาตั้งในหลากหลายที่แล้ว แม้ว่าในหลายที่ผู้คนจะมีความเข้าใจในเจตนาการแบ่งปันที่ดี คือให้หยิบแต่พอใช้ และเหลือแบ่งปันให้แก่ผู้อื่นบ้าง ถึงกระนั้นก็ยังมีบางพื้นที่ที่เมื่อมีการนำตู้ไปตั้งแล้วกลับโดยผู้คนมาหยิบจนหมดเกลี้ยง โดยไม่ได้อ่านข้อความที่เขียนไว้ อย่างเช่นที่ จังหวัดพิษณุโลก เมื่อมีการนำตู้กับข้าวมาวางไว้ พร้อมจัดชุดข้าวสารอาหารแห้งมาวางไว้ให้ พร้อมเขียนข้อความเอาไว้ว่า “โครงการแบ่งปัน ตู้กับข้าว กรุณาหยิบพอประมาณ ฟรีครับ” ซึ่งชาวบ้านที่รู้ข่าวต่างพากันมาหยิบของกันคนจะเป็นจำนวนมากต่อคน ทำให้ของที่เตรียมมาไว้ให้หมดจากตู้เพียงในระยะเวลาไม่ถึง 1 นาที ทำให้คนที่มาทีหลังไม่ได้ของ ไม่ได้รับการแบ่งปันนี้ เรียกว่าก็คงต้องขอความร่วมมือผู้มาหยิบของ โปรดเข้าใจเจตนาที่ดีของโครงการ และมีจิตคิดแบ่งปันผู้อื่นด้วยเหมือนกัน