ลุ้น! ภารกิจส่งลูกช้างป่าหลงแม่ กลับคืนผืนป่าห้วยขาแข้ง

อส. เผยภารกิจส่งลูกช้างป่าหลงแม่ กลับคืนผืนป่าที่ห้วยขาแข้ง ลูกช้างมีสุขภาพแข็งแรงดี พร้อมมีสัญญาณดี ช้างป่ากับลูกช้างส่งเสียงร้องโต้ตอบกัน

กรมอุทยานแห่งชาติแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) เผยภารกิจส่งลูกช้างป่าหลงแม่ กลับคืนผืนป่าที่ห้วยขาแข้ง ผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ “ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช” โดยมีการโพสต์ความคืบหน้า (1 พ.ค.63) ระบุว่า

คืบหน้าภารกิจส่งลูกช้างป่า กลับคืนแม่ช้างป่าที่ห้วยขาแข้ง

1 พ.ค.63 นายธนิตย์ หนูยิ้ม ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 รายงานเข้ามาว่า วานนี้ (30 เมษายน 2563) เวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่นำลูกช้างเข้าพื้นที่จุดสกัดที่ 3 เพื่อดำเนินการสำรวจพื้นที่และสร้างคอกชั่วคราว และในเวลา 14.00 น. สัตวแพทย์ ดำเนินการเจาะตรวจเลือดเพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจ พร้อมกับป้อนนม 1.8 ลิตร เวลา 18.00 น. ป้อนนมลูกช้าง 2 ลิตร และเวลา 22.00 น. ป้อนนมลูกช้าง กินไป 3 ลิตร

และเมื่อเวลา 03.00 น. ของช่วงเช้าที่ผ่านมาป้อนนมลูกช้างกินไป 3.5 ลิตร ต่อมาเวลา 05.00 น. มีเสียงช้างป่าและลูกช้าง ส่งเสียงร้องตอบโต้กัน เสียงตอบจากช้างตัวอื่นในป่า คำนวณระยะทางจากเสียงที่ร้อง คาดว่าอยู่ห่างประมาณ 1 กิโลเมตร เวลา 06.00 น ป้อนนมลูกช้างกินไป 3 ลิตร เวลา 07.00 น.ดำเนินการส่งตัวอย่างเลือดไปตรวจที่สถาบันสุขภาพสัตว์ โดยส่งไปทางรถตู้ และจนถึงขณะนี้ ลูกช้างยังอยู่ในคอกที่เตรียมปล่อยคืนป่า เพื่อรอแม่ช้างมารับกลับเข้าป่าต่อไป

ข้อมูล/ภาพ :
นางสาวอังสนา มองทรัพย์ หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
นายธานี วงศ์นาค หัวหน้า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง


ทั้งนี้ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 63 อส. ได้โพสต์ความคืบหน้าภารกิจส่งลูกช้างป่าหลงแม่กลับคืนผืนป่า ในเพจเดียวกันนี้ว่า

เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ เตรียมความพร้อมปล่อยลูกช้างป่ากลับเข้าป่า เพื่อให้อยู่กับแม่อีกครั้ง

นายธนิตย์ หนูยิ้ม ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 เปิดเผยความคืบหน้าในการดูแล และเตรียมความพร้อมจะปล่อยลูกช้างคืนป่า ว่า ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ลูกช้างมีสุขภาพแข็งแรงดีมาก ขับถ่ายปกติ กินนมและน้ำได้ดี ลูกช้างชอบเล่นกับคนเลี้ยง ดูแล้วอารมณ์ดีมาก มีส่งเสียงร้องบ้างบางเวลา ขณะนี้ถูกขังไว้ในกรงขนาดใหญ่ พื้นที่กว้าง

สำหรับการเตรียมความพร้อมที่จะปล่อยลูกช้างป่า คืนสู่ป่าให้ได้อยู่กับแม่นั้น เมื่อเช้าวันที่ 30 เมษายน 2563 ได้เชิญผู้เกี่ยวข้อง อาทิเช่น หัวหน้าหน่วยงานด้านสัตว์ป่าในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า หน.กลุ่มงานวิชาการ ผู้แทนมูลนิธิสืบนาคเสถียร นายสัตวแพทย์ ทั้งนายสัตวแพทย์ ของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 (นครสวรรค์) และนายสัตวแพทย์ ที่มาจากสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และเจ้าหน้าที่ทีมงานคชสาร มาหารือ พร้อมระดมสมองเพื่อหาทางดำเนินการที่จะปล่อยลูกช้างป่า คืนสู่อ้อมอกแม่ให้ได้อย่างปลอดภัย ที่ประชุมได้แสดงความคิดเห็น ดังนี้ เบื้องต้นให้เพิ่มเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลและผู้ให้นมลูกช้าง จาก 2 คน เป็น 4 คน สลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาดูแล ทั้งนี้เพื่อป้องกันลูกช้างใกล้ชิดและสนิทสนมที่เรียกว่าติดคนเลี้ยง ที่อาจเป็นสาเหตุทำให้อนาคตลูกช้างไม่อยากกลับเข้าป่า หรือถ้าสามารถให้น้ำ ให้อาหารแบบที่ลูกช้างกินด้วยตนเองได้ให้ลองทำดู ในส่วนของอาหารที่ให้ลูกช้างกิน ให้ใช้นมยี่ห้อเดิม เพราะอาหารการกินเดิมที่ผ่านมานั้น ลูกช้างมีสุขภาพดี และแข็งแรงดีมาก ขับถ่ายปกติ และให้รีบหาทางปล่อยลูกช้างคืนป่าได้อย่างปลอดภัยให้เร็วที่สุด แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกช้างเป็นที่ตั้ง

ในการจะปล่อยคืนป่า ผอ. สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 (นครสวรรค์) ให้เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยของลูกช้างเป็นหัวใจสำคัญ ทั้งนี้เพราะในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง มีสัตว์ผู้ล่า โดยเฉพาะเสือโคร่งอยู่หลายตัว การปล่อยลูกช้างคืนป่าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จะมีปัจจัยเรื่องเสือมาเกี่ยวข้องซึ่งจะต่างจากที่อื่น ดังนั้นจุดที่จะปล่อยจะต้องออกแบบเป็นกรงหรือคอก ที่สามารถกันเสือได้ และต้องมีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอดเวลา

ทั้งนี้ที่ประชุมได้มอบหมายให้นายธานี วงศ์นาค หัวหน้า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และนายยงยุทธ มีแสงพราว หัวหน้าศูนย์ศึกษาการพัฒนาการจัดการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่ 1 (ภาคกลาง) ไปเลือกหาจุดปล่อยลูกช้าง และให้ช่วยกันนางสาวอังสนา มองทรัพย์ หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เตรียมคอกเตรียมปล่อยโดยด่วนต่อไป


สำหรับลูกช้างป่าหลงแม่ตัวนี้ มีอายุประมาณ 2-3 เดือน มีรายงานการพบเจอว่า พลัดหลงแม่จากโขลง เดินเข้าไปในหมู่บ้าน บ้านไผ่งาม ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ตั้งแต่ช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 27 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้หลังจากพบลูกช้างป่าหลงโขลงดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยของลูกช้าง เจ้าหน้าที่จึงนำลูกช้างไปพักไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้งไว้ก่อน ก่อนที่จะมีภารกิจส่งลูกช้างป่าหลงแม่กลับคืนผืนป่าที่ห้วยขาแข้งตามที่กล่าวมาในข้างต้น