xs
xsm
sm
md
lg

"สายมู" สู้โควิด ที่พึ่งทางใจในยามโรคร้ายระบาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Youtube :Travel MGR

นอกจากดูแลร่างกายให้แข็งแรงปลอดภัยแล้วอย่าลืมดูแลจิตใจให้แข็งแกร่ง
ในช่วงนี้หลายๆ คนเก็บตัวอยู่กับบ้าน หลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน Work from Home พยายามออกนอกบ้านให้น้อยที่สุด หากจำเป็นต้องออกไปก็จะใส่หน้ากากอนามัย ระมัดระวังในการหยิบจับสิ่งของนอกบ้าน พกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ พกแอลกอฮอล์ใส่ขวดไว้ฉีดพ่นเวลาต้องจับหรือสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ล้างมือตลอดวัน ถูบ้านด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ทั้งยังพยายามดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อรักษาตัวให้รอดจาก “โรคโควิด-19” โรคอุบัติใหม่ที่ระบาดไปทั่วโลกจนทำให้มีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากในเวลานี้

แต่แม้จะดูแลตัวเองและทำทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว บางคนก็ยังนอนก่ายหน้าผากด้วยความกังวลทุกคืนว่า “ฉันติดหรือยัง?" "ฉันจะติดหรือเปล่า?” หรือบางคนอาจกังวลแทนพ่อแม่ผู้สูงอายุ รวมไปถึงมีความเครียดจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ และเครียดสะสมจากรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป

ดังนั้นวันนี้เราจะขอแนะนำที่พึ่งทางจิตใจสำหรับคนที่ต้องการที่ยึดเหนี่ยวทางใจ เป็นตัวช่วยเสริมความแข็งแกร่งเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคร้ายและความเครียดในแต่ละวัน จึงขอแนะนำสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจสำหรับ “สายมู” ดังนี้

การสวดมนต์บางครั้งก็ช่วยให้จิตใจสงบ
สวดมนต์วนไป

การสวดมนต์เป็นการสร้างสมาธิได้ทางหนึ่ง เมื่อจิตใจว้าวุ่น ลองหาเวลานั่งนิ่งๆ เปิดหนังสือสวดมนต์แล้วสวดตามสัก 1-2 บท ก็น่าจะทำให้ใจนิ่งขึ้นได้บ้าง หรือจะลองสวด “บทสวดรัตนสูตร” ที่คณะสงฆ์ในประเทศไทยนำโดยสมเด็จพระสังฆราชได้สวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสวัสดิมงคล เป็นขวัญและกำลังใจแก่ประเทศชาติและประชาชน ในสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

สำหรับบทสวดรัตนสูตรนั้น เล่ากันว่า เป็นบทสวดที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศเพื่อขจัดปัดเป่าภัยความอดอยาก ภัยจากโรคระบาด และภัยจากอมนุษย์เบียดเบียน ชาวพุทธจึงถือเป็นธรรมเนียมสวดพระสูตรนี้เพื่อขจัดโรคภัยเช่นโรคห่า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อว่า การสาธยายรัตนสูตร หรือรัตนปริตรจะทำให้ได้รับความสวัสดี และพ้นจากอุปสรรคอันตรายทั้งหลาย

เนื้อหาของบทสวดรัตนสูตรนี้ โดยหลักเป็นการกล่าวถึงคุณแห่งพระรัตนตรัยคือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ โดยส่วนแรกเป็นการประกาศให้เหล่าภูตคุ้มครองรักษาพวกมนุษย์ที่นำเครื่องพลีกรรมมาบวงสรวงทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ซึ่งพลีกรรมนี้หมายถึงการทำบุญตามหลักพุทธศาสนา ส่วนที่ 2 เป็นการบรรยายคุณพระรัตนตรัยว่าเป็นรัตนะอันประเสริฐสุด และส่วนที่ 3 เป็นการประกาศให้ภูตทั้งหลายจงนมัสการพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ และอำนวยพรให้สรรพสัตว์เหล่านี้มีความสวัสดี

ถ้ามีเวลา ลองนั่งนิ่งๆ สวดบทสวดรัตนสูตรนี้ให้จิตใจสงบ หรือจะเป็นบทสวดอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน

พระรอดหลวง ต้นแบบพระรอดหนึ่งในพระเบญจภาคึ
ไหว้พระรอด เพราะเราต้องรอด!

“พระรอด” เป็นหนึ่งในพระเบญจภาคีที่เชื่อกันว่าหากผู้ใดมีไว้บูชาจะรอดพ้นแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง จึงมีคนไม่น้อยอยากได้พระรอดมาไว้บูชาคู่กาย

ส่วนในยุคนี้ที่หลายๆ คนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ฉันต้องรอดจากโควิด!” งานนี้เราจึงขอพาไปกราบพระรอดเอาเคล็ดให้รอดพ้นจากโรคภัยกัน

ถิ่นกำเนิดของ “พระรอด” อยู่ที่วัดมหาวัน อ.เมือง จ.ลำพูน โดยมีการขุดพบพระเครื่องที่เรียกกันสืบมาว่าพระรอดนี้เป็นครั้งแรกราวต้นรัชกาลที่ 5 เมื่อพระเจดีย์ในวัดมหาวันชำรุดและพังทลายลงบางส่วน จึงพบพระพิมพ์ภายในกรุเจดีย์เป็นจำนวนมาก ผู้พบในครั้งนั้นเรียกชื่อพระพิมพ์เหล่านั้นว่า “พระรอด” เพราะมีลักษณะคล้ายกับ “พระรอดหลวง” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปโบราณคู่วัดมาแต่ดั้งเดิม

สำหรับ “พระรอดหลวง” นั้น มีตำนานเล่าว่า เป็นพระพุทธรูป 1 ใน 2 องค์ที่พระนางจามเทวีอัญเชิญมาที่เมืองหริภุญชัย คือพระเสตังคมณี (พระแก้วขาว) และพระพุทธสิกขิ (พระศิลาดำ) พระองค์ทรงสร้างวัดมหาวันขึ้นและประดิษฐานพระศิลาดำไว้ที่นี่

ต่อมาหริภุญชัยเกิดสงครามกับขุนลัวะวิลังขะ พระฤๅษีจึงใช้พระศิลาดำเป็นต้นแบบสร้างพระเครื่องแจกจ่ายชาวเมืองเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการออกศึก พระเครื่องส่วนที่เหลือบรรจุไว้ในเจดีย์ที่วัดมหาวัน ต่อมาเมื่อเจดีย์หักพังลง ชาวบ้านจึงนำพระเครื่องเหล่านี้ไปบูชาและพบอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆ จนพระรอดกลายเป็นพระเครื่องยอดนิยมหนึ่งในพระเบญจภาคีนั่นเอง

สำหรับคนที่อยากกราบพระรอดหลวงตอนนี้ก็แนะนำว่าขอให้กราบออนไลน์อยู่ที่บ้าน ตั้งจิตให้มั่นแล้วกราบสักการะผ่านหน้าจอได้เลย

รูปหล่อหมอชีวกโกมารภัจจ์ ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
บูชา "หมอชีวกโกมารภัจจ์" แพทย์ประจำพระองค์พระพุทธเจ้า

"หมอชีวกโกมารภัจจ์" ถือเป็นแพทย์ประจำพระองค์พระโคตมพุทธเจ้าและพระเจ้าพิมพิสารแห่งแคว้นมคธ มีชื่อเสียงในเรื่องของแพทย์แผนโบราณในหลายประเทศแถบเอเชีย คนไทยเองก็นับถือท่านและมักขอพรจากท่านให้หายจากโรคภัยและการเจ็บป่วย

ประวัติของหมอชีวกโกมารภัจจ์ เล่ากันว่าเป็นเด็กที่ถูกนำมาทิ้งเมื่อยังเป็นทารก ต่อมาเจ้าฟ้าอภัยโอรสของพระเจ้าพิมพิสารได้รับไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม โดยชื่อ "ชีวก" แปลว่าผู้ยังมีชีวิต และ "โกมารภัจจ์" หมายถึงเด็กซึ่งทรงนำมาเลี้ยง โดยเมื่อเติบใหญ่ชีวกได้ไปศึกษาวิชาแพทย์ที่เมืองตักกศิลา สำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ เรียนอยู่นานถึง 7 ปีจนรอบรู้สรรพวิชาทางการแพทย์

และเมื่อเดินทางกลับสู่บ้านเกิดก็ได้ใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมารักษาผู้คนที่พบเจอระหว่างการเดินทาง อาทิ ภรรยาเศรษฐีในเมืองสาเกตที่เป็นโรคปวดศรีษะมานานถึง 7 ปี พระเจ้าพิมพิสารที่เป็นโรคภคันทลาพาธ (ริดสีดวงทวาร) จนกระทั่งพระองค์ทรงแต่งตั้งให้เป็นแพทย์ประจำราชสำนัก โดยในขณะนั้นพระพุทธเจ้าได้ประทับอยู่ที่วัดเวฬุวัน ซึ่งพระเจ้าพิมพิสารสร้างถวาย หมอชีวกจึงได้ถวายตัวเป็นแพทย์ประจำองค์พระพุทธเจ้าด้วย

เรื่องราวของท่านถูกเล่าสืบเนื่องมาจนปัจจุบันว่าเป็น "บรมครูแห่งการแพทย์แผนโบราณ" เป็นที่สักการะบูชาของผู้ที่มีอาชีพเป็นหมอ หมอนวดแผนโบราณ หรือผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ มีรูปเคารพของท่านอยู่หลายแห่ง อาทิ ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ภายในโรงพยาบาลเด็ก เป็นต้น ซึ่งหากใครอยากกราบบูชาท่านในตอนนี้ ก็สามารถตั้งจิตระลึกถึงท่านและกราบทางออนไลน์ได้เลย

หัวนะโม เชื่อว่าป้องกันโรคระบาดได้
“หัวนะโม" ของขลังสุดอินเทรนด์

ในส่วนของเครื่องรางของขลังเพื่อกันโรคภัยนั้น ต้องยกตำแหน่งให้ “หัวนะโม” ของดีสุดฮิตเมืองนครศรีธรรมราช ที่มีตำนานเล่ากันว่า ในราวก่อนพุทธศตวรรษที่ 18 หัวนะโมคือเม็ดโลหะที่เป็นเบี้ยใช้แทนเงินตราไว้แลกเปลี่ยนสินค้าในอาณาจักรตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราชในปัจจุบัน) ที่เรียกว่าหัวนะโมเนื่องจากมีลักษณะเป็นเม็ดกลม มีอักษรปัลลวะหรืออักษรอินเดียโบราณจารึกไว้

ต่อมาเมื่อเกิดโรคห่า (อหิวาตกโรค) ระบาดในอาณาจักร พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช กษัตริย์แห่งอาณาจักรตามพรลิงค์ได้ทรงทำพิธีปลุกเสกหัวนะโมขึ้นด้วยพิธีกรรมแบบพราหมณ์ โดยอัญเชิญเทพเจ้าทั้งสามคือ พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม มาสถิตในหัวนะโม เป็นอักขระแทนองค์เทพเจ้าทั้งสามองค์ แล้วเอาไปหว่านไว้รอบๆ เมืองและในสถานที่เกิดโรคระบาด ปรากฏว่าโรคห่าได้หายไปจากอาณาจักรนครศรีธรรมราช และอีกครั้งหนึ่งในรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้เกิดโรคห่าระบาดขึ้นในเมืองนครศรีธรรมราช ก็มีการทำคล้ายเดิมโดยนำหัวนะโมไปหว่านโปรยลงรอบเมืองนครศรีธรรมราช จากนั้นโรคห่าก็สงบลง

ดังนั้นคนนครศรีธรรมราชจึงเชื่อกันว่า “หัวนะโม” คือของมงคลมีความศักดิ์สิทธิ์ คนนครฯ ต่างก็รู้จักและมีไว้เป็นของมงคลประจำตัว แต่เดิมรูปแบบของหัวนะโมจะเป็นเม็ดเงินกลม แต่ภายหลังได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นแหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู ให้สวมใส่ง่ายและสวยงาม

ในช่วงที่โรคโควิด-19 กำลังระบาดอยู่นี้ก็ปรากฏว่าประชาชนจำนวนมากต่างมาหาเช่าบูชาหัวนะโมตามร้านต่างๆ ในจังหวัดนครศรีธรรมราชกันจนเต็มแน่นแทบผลิตไม่ทัน บางวัดถึงกับต้องแจกบัตรคิวให้ผู้ที่มารอเช่ากันเลยทีเดียว

สร้อยข้อมือหินนำโชคที่เคยฮิตเมื่อ 4-5 ปีก่อน
ค้นลิ้นชักหยิบ "หินสีนำโชค" มาใส่ใหม่

เมื่อ 4-5 ปีก่อน กระแสสร้อยข้อมือหินสีนำโชคฮอตฮิตมาก ไม่ว่าเซเลปดาราหรือคนธรรมดาทั่วไปต่างก็มีสร้อยหินสีใส่ติดข้อมือกันแทบทั้งนั้น ด้วยความเชื่อว่าหินสีจะนำโชคส่งดวงให้เจริญรุ่งเรืองในด้านต่างๆ ตามแต่ละสีหรือชนิดของหิน ทั้งตัวของสร้อยหินเองก็มีความสวยงามหลากสีสันน่าสวมใส่ ในช่วงนั้นเดินไปทางไหนก็จะเห็นคนใส่และร้านขายสร้อยคอมือหินสีเต็มไปหมด แต่พอกระแสเงียบ คนเลิกฮิต ตอนนี้ก็เลยไม่ค่อยได้เห็นใครใส่หินสีกันเท่าไรแล้ว

แต่ขณะนี้น่าจะได้เวลาที่ขุดสร้อยหินสีนำโชคออกมาใส่อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น "อาเกต" หรือหินโมราที่มีสีที่หลากหลาย เชื่อว่าใส่แล้วจะทำจิตใจให้เยือกเย็น บำบัดอาการรักษานอนไม่หลับ ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายแข็งแรงมีสุขภาพดี ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค "อเมทิสต์" หินสีม่วงอ่อน ทำให้จิตใจสงบและอ่อนโยน รักษาอาการนอนไม่หลับ หรือ "อะพาไทต์" สีฟ้าจะช่วยทำให้จิตใจสงบในคนที่มีความคิดวุ่นวาย ส่วน "บลูคอรัล" ก็จะทำให้จิตใจสงบ มั่นคง ลดความกลัวและความกังวลต่างๆ ได้

ทั้งนี้นอกจากการระมัดระวังรักษาสุขภาพและสุขอนามัยส่วนตน และมาตรการของภาครัฐที่ออกมาเพื่อป้องกันการระบาดของโรคแล้ว จะเห็นได้ว่าหลายๆ ประเทศก็ทำพิธีทางศาสนาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์บทรัตนสูตรในเมืองไทย การขึ้นโปรยน้ำมนต์บนเฮลิคอปเตอร์ของพระเกจิประเทศเมียนมา หรือสมเด็จพระสันตะปาปาเองก็ทรงเรียกร้องให้ชุมชนคาทอลิกร่วมสวดภาวนาพร้อมกันเพื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชนให้มีแรงดำเนินชีวิตต่อสู้โรคระบาดกันต่อไป

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR




กำลังโหลดความคิดเห็น