Youtube :Travel MGR
อช.ขุนขาน เปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ถ้ำหลวงแม่สาบ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ภายในถ้ำพบกุมภลักษณ์กลับหัวจำนวนมาก ส่วนผนัง-เพดานถ้ำบางจุดดูเป็นม่านสีรุ้งสวยงามสุดอันซีน นอกจากนี้ก็ยังพบหินย้อยสีดำที่ถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าทึ่งไม่น้อย
ถ้ำหลวงแม่สาบ ตั้งอยู่ในพื้นที่ บ้านแม่สาบ ต.สะเมิงใต้ อ.สะเมือง จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันอยู่ในการดูแลของ “อุทยานแห่งชาติขุนขาน” ตัวถ้ำตั้งอยู่ห่างจากถนนสายสะเมือง-กัลยานิวัฒนาเพียง 100 เมตร และห่างจากเทศบาล อ.สะเมิง เพียง 5 กม.
ถ้ำหลวงแม่สาบอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยพิทักษ์ ที่ 1 อุทยานแห่งชาติขุนขาน(ถ้ำหลวงแม่สาบ) มีลักษณะเป็นถ้ำในภูเขาหินปูที่อยู่สูงจากพื้นราบหน้าถ้ำประมาณ 2 เมตร
ถ้ำหลวงแม่สาบเป็นถ้ำที่มีสองระดับ คือถ้ำด้านบนเป็นโถงถ้ำกว้าง มีหน้าต่างถ้ำขนาดใหญ่ด้านบนและมีหลืบถ้ำเข้าไปลึกราว 10 เมตร แล้วตัน ส่วนถ้ำด้านล่าง ปากถ้ำกว้างราว 2 เมตร
สำหรับนักท่องเที่ยวเมื่อเข้าไปในถ้ำจะพบกับอุโมงค์ทางเดินแคบ ๆ มีความยาวประมาณ 30 เมตร ต่อจากนั้นจะเป็นห้องโถงกว้างที่มีลักษณะแตกต่างจากถ้ำทั่ว ๆ ไป ในบรยากาศสุดอันซีน
เนื่องจากถ้ำปกติทั่ว ๆ ไป มักจะมีหินงอกหินย้อย แต่โถงถ้ำแห่งนี้กลับเต็มไปด้วย “กุมภลักษณ์กลับหัว” มีลักษณะคล้ายโดมหรือหลุมซ้อนทับและต่อเนื่องกันไป ทั้งในส่วนของผนังและบนเพดานถ้ำ
กุมภลักษณ์กลับหัว มีลักษณะการเกิดเหมือนหลุม “กุมภลักษณ์” หรือ “โบก” ในภาษาอีสาน ซึ่งพบเห็นตามลานน้ำตก ลานหิน หรือในแม่น้ำทั่วไป (ที่มีชื่อเสียงคือสามพันโบกที่จังหวัดอุบลราชธานี) แต่ต่างกันตรงที่กุมภลักษณ์กลับหัวแทนที่จะเป็นหลุมในแนวราบเหมือนหลุม กุมภลักษณ์ตามพื้นหิน แต่นี่กลับเป็นหลุมร่องลึกเว้าเขาไปตามผนังหรือเพดานถ้ำ
ส่วนที่ดูน่ามหัศจรรย์ไม่น้อยก็คือหินกุมภลักษณ์กลับหัวที่นี่ เต็มไปด้วยสีสันต่าง ๆ ทั้ง เหลือง ส้ม แดง น้ำตาล ฟ้า ขาว เทา ดำ เป็นแนวสีสลับกันไปอย่างสวยงาม
ถ้ำหลวงแม่สาบมีห้องโถงที่ปรากฏแนวม่านสีแบบนี้มีอยู่หลายโถงด้วยกันทั้งขนาดเล็ก-ใหญ่ โดยสีที่ปรากฏก็มีตั้งแต่สีจาง มีสีที่ต่างกันไม่มาก ไปจนถึงสีที่มีความหลากหลาย มีความเข้มชัด เป็นแนวเรียง ๆ กันเหมือนสีรุ้ง ประดุจดัง “ม่านสีรุ้ง” ผืนใหญ่อันสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ อีกทั้งยังดูน่าพิศวงสำหรับผู้ที่พบเจอไม่น้อย จนถ้ำให้ถ้ำแห่งนี้ได้รับการเรียกขานอีกชื่อหนึ่งว่า “ถ้ำสีรุ้ง”
ดร.ชัยพร สิริพรไพบูลย์ ที่ปรึกษาของกรมทรัพยากรธรณีและผู้เชี่ยวชาญเรื่องถ้ำของประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดกุมภลักษณ์กลับหัวและม่านสีรุ้งที่ถ้ำหลวงแม่สาบ ว่า
“กุมภลักษณ์ หรือ โบก ในภาษาอีสาน ก็คือ หลุมที่พบบริเวณพื้นท้องน้ำหรือน้ำตกที่เป็นหิน และบริเวณที่มีทางน้ำไหลเชี่ยว จะเห็นเป็นรูขนาดต่าง ๆ กัน ซึ่งเกิดจากการขัดสีของก้อนกรวดหรือเม็ดทราย ที่อยู่ในแอ่งหรือร่องบนพื้นหิน เมื่อมีน้ำเชี่ยวไหลผ่านมาจนพาให้ก้อนกรวดเกิดการหมุนวน กรวดเหล่านี้ก็จะเกิดการขัดสีกับหินที่มันไปขังอยู่
“เมื่อเวลาผ่านไปนานมากขึ้น หินที่พื้นท้องน้ำจะถูกกัดกร่อนจนเป็นหลุมในแนวดิ่ง ผนังของหลุมก็กร่อนไปโดยรอบทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีความลึกมากกว่าเดิม ซึ่งที่เห็นได้โดยทั่วไปมักจะพบว่าที่ก้นหลุมจะมีขนาดกว้างกว่าปากหลุม รูปร่างมีทั้งทรงกลม ทรงรี และบางแห่งดูคล้ายรอยเท้าขนาดใหญ่ ทำให้ประชาชนในบางท้องถิ่นเชื่อว่าเป็นรอยพระพุทธบาท”
สำหรับในส่วนของการเกิดกุมภลักษณ์กลับหัวภายในถ้ำ ดร.ชัยพร อธิบายว่า
“ภายในถ้ำ ไม่ว่าจะเป็นถ้ำหินปูน หรือถ้ำหินทราย ก็อาจจะมีกุมภลักษณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณเพดานถ้ำ และผนังถ้ำ ทำให้เห็นเป็นรูกลวงในแนวดิ่งบนเพดานถ้ำ กลายเป็นกุมภลักษณ์กลับหัว ซึ่งในบางถ้ำจะดูคล้ายรูปโดม หรือเป็นร่องยาวหลายร่องที่เพดานถ้ำ”
“การเกิดกุมภลักษณ์กลับหัวนั้น มีทฤษฎีการเกิดที่เรียกว่า Anastomosis(อนาสโตโมซิส) ซึ่งเป็นกระบวนการเกิดถ้ำที่เป็นถ้ำธารลอด โดยจะเกิดขึ้นในระยะแรก ๆ ของการพัฒนาโถงถ้ำ เรียกว่า อะนาสโตโมสิส (Anastomosis พหูพจน์ anastomoses) คือเมื่อมีน้ำไหลผ่านช่องว่างของชั้นหิน (bedding plane) หรือรอยแตกของหิน จะเกิดการละลาย และการกร่อนในโพรงที่มีน้ำ บางทีจะเห็นเป็นร่องที่เชื่อมกันเป็นร่างแหที่เพดานถ้ำ ซึ่งต้องแหงนหน้าขึ้นไปจึงจะเห็น”
นอกจากนี้ ดร.ชัยพร ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า ร่อง หรือ โครงข่ายร่องบริเวณเพดานถ้ำนี้จะเกิดจากการละลาย(dissolution) และ การกร่อนสลายตัว(corrosion) ของทางน้ำบาดาลที่ไหลไปตามช่องว่างระหว่างชั้นหิน(bedding plane) และ รอยแตกของหินที่อยู่ในแนวระนาบหรือแนวเอียงก็ได้
สำหรับในช่องว่างของชั้นหินที่มีน้ำเต็ม(phreatic condition) นั้น ในบริเวณผิวหน้าส่วนล่างของชั้นหินที่อยู่เหนือ bedding plane ขึ้นไปก็จะสลายตัวกลายเป็นร่อง มีขนาดตั้งแต่ระดับเซนติเมตร จนกระทั่งมีขนาดใหญ่หลายเมตร และมักพบเป็นร่องยาว แต่ก็มีไม่น้อยจะมีรูปร่างเป็นหลุม หรือรอยเว้ารูปทรงกลมคล้ายรูปโดม จึงทำให้เป็นกุมภลักษณ์กลับหัว หรือกุมลักษณ์หงายท้องไป
บางถ้ำจะพบอยู่แทบติดพื้นถ้ำ ต้องก้มหรือคลานผ่านเข้าไป แต่บางถ้ำที่มีวิวัฒนาการมานาน ประกอบกับมีการกัดเซาะที่พื้นถ้ำและเป็นการกัดเซาะในแนวดิ่งของลำธารในถ้ำ ซึ่งมักจะสัมพันธ์กับการยกตัวของแผ่นดิน จึงทำให้ร่องที่เพดานถ้ำ หรือโพรงรูปโดมนี้ปรากฏตัวอยู่ที่เพดานถ้ำในระดับสูงขึ้นไปหลายเมตร
ส่วนสีสันต่าง ๆ ที่ปรากฏเป็นม่านสีรุ้งนั้น ดร.ชัยพร อธิบาย ว่า เป็นสีของแร่ธาตุต่าง ๆ ที่สะสมกันโดยใช้เวลานานจนเป็นก้อนหินและปรากฏเป็นสีที่เรียงกันเป็นชั้นต่าง ๆ
แม้ลักษณะของสีสันจะคล้ายกับที่อุทยานธรณีจางเย่ ที่มลฑลกานซู่ของจีน แต่ ดร.ชัยพรได้อธิบายว่า ทั้งสองแห่งมีความแตกต่างกันคือที่จางเย่นั้น เกิดจากสภาพสิ่งแวดล้อมในช่วงที่เกิดหินชั้นต่าง ๆ หลายล้านปีมาแล้ว
แต่ที่ปรากฏในถ้ำ เกิดในช่วงเป็นแค่ หมื่น-แสนปี และการต่างกันนั้นมาจากการเพิ่มออกซิเจนด้วย คือเวลาที่น้ำหินปูนที่มีสารละลายเหล็กและแมงกานีส (เดิมไม่มีสี) พอผสมกับ ออกซิเจน จะกลายเป็น สีแดง และสีดำภายหลัง
ส่วนที่เห็นเป็นชั้นเป็นลายของสีเป็นชั้น ๆ ในถ้ำ นั้นเป็นลักษณะของหินน้ำไหล (flowstone) เกิดจากการพอกของสารหินปูนในช่วงเวลาต่าง ๆ สีแดงและน้ำตาลเป็นแร่เหล็ก สีขาวเป็นแร่แคลไซต์ ส่วน สีเทา-ดำเป็นแร่แมงกานีสออกไซด์
นอกจากนี้ภายในถ้ำหลวงแม่สาบยังมีอีกหนึ่งสิ่งชวนพิศวงนั่นก็คือ “หินย้อยสีดำ” ที่แตกต่างจากหินย้อยทั่ว ๆ ไปที่มักจะเป็นหินปูนสีขาว หรือไม่ก็มีหยดใส ๆ เกาะพราวอยู่ตรงปลายยอด
หินย้อยสีดำของที่นี่ ไม่ใช่หินย้อยที่มีฝุ่นสีดำเข้าเกาะ ซึ่งนั่นหมายถึงหินย้อยที่ไม่มีน้ำหินปูนหยดลงมาสะสม เป็นหินตายที่ไม่มีโอกาสย้อยเติบโตต่อไปได้อีก แต่หินย้อยสีดำที่ถ้ำหลวงแม่สาบแห่งนี้ ปรากฏว่ายังคงมีน้ำหยดลงมาอยู่ตลอดเวลา แสดงว่าถ้ำแห่งนี้บรรดาหินงอกหินย้อยยัคงมีชีวิตอยู่ (ถ้ำเป็น) แต่น่าแปลกตรงที่หินย้อยที่นี่กลับเป็นสีน้ำตาลเข้มจนดำ แทนที่จะเป็นสีขาวเหมือนถ้ำหินปูนทั่วไป นับเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ชวนทึ่งไม่น้อย
สำหรับถ้ำหลวงแม่สาบวันนี้ทางอุทยานแห่งชาติขุนขาน ได้พัฒนาและเปิดตัวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวถ้ำแห่งนี้ต้องปฏิบัติตามกฎการเที่ยวถ้ำอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยให้ถ้ำแห่งนี้คงความสวยงามไปตราบนานเท่านาน
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR
อช.ขุนขาน เปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ถ้ำหลวงแม่สาบ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ภายในถ้ำพบกุมภลักษณ์กลับหัวจำนวนมาก ส่วนผนัง-เพดานถ้ำบางจุดดูเป็นม่านสีรุ้งสวยงามสุดอันซีน นอกจากนี้ก็ยังพบหินย้อยสีดำที่ถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าทึ่งไม่น้อย
ถ้ำหลวงแม่สาบ ตั้งอยู่ในพื้นที่ บ้านแม่สาบ ต.สะเมิงใต้ อ.สะเมือง จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันอยู่ในการดูแลของ “อุทยานแห่งชาติขุนขาน” ตัวถ้ำตั้งอยู่ห่างจากถนนสายสะเมือง-กัลยานิวัฒนาเพียง 100 เมตร และห่างจากเทศบาล อ.สะเมิง เพียง 5 กม.
ถ้ำหลวงแม่สาบอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยพิทักษ์ ที่ 1 อุทยานแห่งชาติขุนขาน(ถ้ำหลวงแม่สาบ) มีลักษณะเป็นถ้ำในภูเขาหินปูที่อยู่สูงจากพื้นราบหน้าถ้ำประมาณ 2 เมตร
ถ้ำหลวงแม่สาบเป็นถ้ำที่มีสองระดับ คือถ้ำด้านบนเป็นโถงถ้ำกว้าง มีหน้าต่างถ้ำขนาดใหญ่ด้านบนและมีหลืบถ้ำเข้าไปลึกราว 10 เมตร แล้วตัน ส่วนถ้ำด้านล่าง ปากถ้ำกว้างราว 2 เมตร
สำหรับนักท่องเที่ยวเมื่อเข้าไปในถ้ำจะพบกับอุโมงค์ทางเดินแคบ ๆ มีความยาวประมาณ 30 เมตร ต่อจากนั้นจะเป็นห้องโถงกว้างที่มีลักษณะแตกต่างจากถ้ำทั่ว ๆ ไป ในบรยากาศสุดอันซีน
เนื่องจากถ้ำปกติทั่ว ๆ ไป มักจะมีหินงอกหินย้อย แต่โถงถ้ำแห่งนี้กลับเต็มไปด้วย “กุมภลักษณ์กลับหัว” มีลักษณะคล้ายโดมหรือหลุมซ้อนทับและต่อเนื่องกันไป ทั้งในส่วนของผนังและบนเพดานถ้ำ
กุมภลักษณ์กลับหัว มีลักษณะการเกิดเหมือนหลุม “กุมภลักษณ์” หรือ “โบก” ในภาษาอีสาน ซึ่งพบเห็นตามลานน้ำตก ลานหิน หรือในแม่น้ำทั่วไป (ที่มีชื่อเสียงคือสามพันโบกที่จังหวัดอุบลราชธานี) แต่ต่างกันตรงที่กุมภลักษณ์กลับหัวแทนที่จะเป็นหลุมในแนวราบเหมือนหลุม กุมภลักษณ์ตามพื้นหิน แต่นี่กลับเป็นหลุมร่องลึกเว้าเขาไปตามผนังหรือเพดานถ้ำ
ส่วนที่ดูน่ามหัศจรรย์ไม่น้อยก็คือหินกุมภลักษณ์กลับหัวที่นี่ เต็มไปด้วยสีสันต่าง ๆ ทั้ง เหลือง ส้ม แดง น้ำตาล ฟ้า ขาว เทา ดำ เป็นแนวสีสลับกันไปอย่างสวยงาม
ถ้ำหลวงแม่สาบมีห้องโถงที่ปรากฏแนวม่านสีแบบนี้มีอยู่หลายโถงด้วยกันทั้งขนาดเล็ก-ใหญ่ โดยสีที่ปรากฏก็มีตั้งแต่สีจาง มีสีที่ต่างกันไม่มาก ไปจนถึงสีที่มีความหลากหลาย มีความเข้มชัด เป็นแนวเรียง ๆ กันเหมือนสีรุ้ง ประดุจดัง “ม่านสีรุ้ง” ผืนใหญ่อันสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ อีกทั้งยังดูน่าพิศวงสำหรับผู้ที่พบเจอไม่น้อย จนถ้ำให้ถ้ำแห่งนี้ได้รับการเรียกขานอีกชื่อหนึ่งว่า “ถ้ำสีรุ้ง”
ดร.ชัยพร สิริพรไพบูลย์ ที่ปรึกษาของกรมทรัพยากรธรณีและผู้เชี่ยวชาญเรื่องถ้ำของประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดกุมภลักษณ์กลับหัวและม่านสีรุ้งที่ถ้ำหลวงแม่สาบ ว่า
“กุมภลักษณ์ หรือ โบก ในภาษาอีสาน ก็คือ หลุมที่พบบริเวณพื้นท้องน้ำหรือน้ำตกที่เป็นหิน และบริเวณที่มีทางน้ำไหลเชี่ยว จะเห็นเป็นรูขนาดต่าง ๆ กัน ซึ่งเกิดจากการขัดสีของก้อนกรวดหรือเม็ดทราย ที่อยู่ในแอ่งหรือร่องบนพื้นหิน เมื่อมีน้ำเชี่ยวไหลผ่านมาจนพาให้ก้อนกรวดเกิดการหมุนวน กรวดเหล่านี้ก็จะเกิดการขัดสีกับหินที่มันไปขังอยู่
“เมื่อเวลาผ่านไปนานมากขึ้น หินที่พื้นท้องน้ำจะถูกกัดกร่อนจนเป็นหลุมในแนวดิ่ง ผนังของหลุมก็กร่อนไปโดยรอบทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีความลึกมากกว่าเดิม ซึ่งที่เห็นได้โดยทั่วไปมักจะพบว่าที่ก้นหลุมจะมีขนาดกว้างกว่าปากหลุม รูปร่างมีทั้งทรงกลม ทรงรี และบางแห่งดูคล้ายรอยเท้าขนาดใหญ่ ทำให้ประชาชนในบางท้องถิ่นเชื่อว่าเป็นรอยพระพุทธบาท”
สำหรับในส่วนของการเกิดกุมภลักษณ์กลับหัวภายในถ้ำ ดร.ชัยพร อธิบายว่า
“ภายในถ้ำ ไม่ว่าจะเป็นถ้ำหินปูน หรือถ้ำหินทราย ก็อาจจะมีกุมภลักษณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณเพดานถ้ำ และผนังถ้ำ ทำให้เห็นเป็นรูกลวงในแนวดิ่งบนเพดานถ้ำ กลายเป็นกุมภลักษณ์กลับหัว ซึ่งในบางถ้ำจะดูคล้ายรูปโดม หรือเป็นร่องยาวหลายร่องที่เพดานถ้ำ”
“การเกิดกุมภลักษณ์กลับหัวนั้น มีทฤษฎีการเกิดที่เรียกว่า Anastomosis(อนาสโตโมซิส) ซึ่งเป็นกระบวนการเกิดถ้ำที่เป็นถ้ำธารลอด โดยจะเกิดขึ้นในระยะแรก ๆ ของการพัฒนาโถงถ้ำ เรียกว่า อะนาสโตโมสิส (Anastomosis พหูพจน์ anastomoses) คือเมื่อมีน้ำไหลผ่านช่องว่างของชั้นหิน (bedding plane) หรือรอยแตกของหิน จะเกิดการละลาย และการกร่อนในโพรงที่มีน้ำ บางทีจะเห็นเป็นร่องที่เชื่อมกันเป็นร่างแหที่เพดานถ้ำ ซึ่งต้องแหงนหน้าขึ้นไปจึงจะเห็น”
นอกจากนี้ ดร.ชัยพร ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า ร่อง หรือ โครงข่ายร่องบริเวณเพดานถ้ำนี้จะเกิดจากการละลาย(dissolution) และ การกร่อนสลายตัว(corrosion) ของทางน้ำบาดาลที่ไหลไปตามช่องว่างระหว่างชั้นหิน(bedding plane) และ รอยแตกของหินที่อยู่ในแนวระนาบหรือแนวเอียงก็ได้
สำหรับในช่องว่างของชั้นหินที่มีน้ำเต็ม(phreatic condition) นั้น ในบริเวณผิวหน้าส่วนล่างของชั้นหินที่อยู่เหนือ bedding plane ขึ้นไปก็จะสลายตัวกลายเป็นร่อง มีขนาดตั้งแต่ระดับเซนติเมตร จนกระทั่งมีขนาดใหญ่หลายเมตร และมักพบเป็นร่องยาว แต่ก็มีไม่น้อยจะมีรูปร่างเป็นหลุม หรือรอยเว้ารูปทรงกลมคล้ายรูปโดม จึงทำให้เป็นกุมภลักษณ์กลับหัว หรือกุมลักษณ์หงายท้องไป
บางถ้ำจะพบอยู่แทบติดพื้นถ้ำ ต้องก้มหรือคลานผ่านเข้าไป แต่บางถ้ำที่มีวิวัฒนาการมานาน ประกอบกับมีการกัดเซาะที่พื้นถ้ำและเป็นการกัดเซาะในแนวดิ่งของลำธารในถ้ำ ซึ่งมักจะสัมพันธ์กับการยกตัวของแผ่นดิน จึงทำให้ร่องที่เพดานถ้ำ หรือโพรงรูปโดมนี้ปรากฏตัวอยู่ที่เพดานถ้ำในระดับสูงขึ้นไปหลายเมตร
ส่วนสีสันต่าง ๆ ที่ปรากฏเป็นม่านสีรุ้งนั้น ดร.ชัยพร อธิบาย ว่า เป็นสีของแร่ธาตุต่าง ๆ ที่สะสมกันโดยใช้เวลานานจนเป็นก้อนหินและปรากฏเป็นสีที่เรียงกันเป็นชั้นต่าง ๆ
แม้ลักษณะของสีสันจะคล้ายกับที่อุทยานธรณีจางเย่ ที่มลฑลกานซู่ของจีน แต่ ดร.ชัยพรได้อธิบายว่า ทั้งสองแห่งมีความแตกต่างกันคือที่จางเย่นั้น เกิดจากสภาพสิ่งแวดล้อมในช่วงที่เกิดหินชั้นต่าง ๆ หลายล้านปีมาแล้ว
แต่ที่ปรากฏในถ้ำ เกิดในช่วงเป็นแค่ หมื่น-แสนปี และการต่างกันนั้นมาจากการเพิ่มออกซิเจนด้วย คือเวลาที่น้ำหินปูนที่มีสารละลายเหล็กและแมงกานีส (เดิมไม่มีสี) พอผสมกับ ออกซิเจน จะกลายเป็น สีแดง และสีดำภายหลัง
ส่วนที่เห็นเป็นชั้นเป็นลายของสีเป็นชั้น ๆ ในถ้ำ นั้นเป็นลักษณะของหินน้ำไหล (flowstone) เกิดจากการพอกของสารหินปูนในช่วงเวลาต่าง ๆ สีแดงและน้ำตาลเป็นแร่เหล็ก สีขาวเป็นแร่แคลไซต์ ส่วน สีเทา-ดำเป็นแร่แมงกานีสออกไซด์
นอกจากนี้ภายในถ้ำหลวงแม่สาบยังมีอีกหนึ่งสิ่งชวนพิศวงนั่นก็คือ “หินย้อยสีดำ” ที่แตกต่างจากหินย้อยทั่ว ๆ ไปที่มักจะเป็นหินปูนสีขาว หรือไม่ก็มีหยดใส ๆ เกาะพราวอยู่ตรงปลายยอด
หินย้อยสีดำของที่นี่ ไม่ใช่หินย้อยที่มีฝุ่นสีดำเข้าเกาะ ซึ่งนั่นหมายถึงหินย้อยที่ไม่มีน้ำหินปูนหยดลงมาสะสม เป็นหินตายที่ไม่มีโอกาสย้อยเติบโตต่อไปได้อีก แต่หินย้อยสีดำที่ถ้ำหลวงแม่สาบแห่งนี้ ปรากฏว่ายังคงมีน้ำหยดลงมาอยู่ตลอดเวลา แสดงว่าถ้ำแห่งนี้บรรดาหินงอกหินย้อยยัคงมีชีวิตอยู่ (ถ้ำเป็น) แต่น่าแปลกตรงที่หินย้อยที่นี่กลับเป็นสีน้ำตาลเข้มจนดำ แทนที่จะเป็นสีขาวเหมือนถ้ำหินปูนทั่วไป นับเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ชวนทึ่งไม่น้อย
สำหรับถ้ำหลวงแม่สาบวันนี้ทางอุทยานแห่งชาติขุนขาน ได้พัฒนาและเปิดตัวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวถ้ำแห่งนี้ต้องปฏิบัติตามกฎการเที่ยวถ้ำอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยให้ถ้ำแห่งนี้คงความสวยงามไปตราบนานเท่านาน
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR