xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยว “หนานโถว” 3 สไตล์ “ตะลุยฟาร์มแกะ-ใกล้ชิดธรรมชาติ-ชมวัดสุดทันสมัย” ประทับใจทั้งครอบครัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Facebook :Travel @ Manager
บรรยากาศในฟาร์มแกะชิงจิ้ง
ที่ “ไต้หวัน” ยังมีอีกหลากหลายเมืองนอกจากเมืองไทเปที่น่าเที่ยว อย่างที่ “เมืองหนานโถว” ทางภาคกลางของไต้หวัน ที่เรียกว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งแบบใกล้ชิดธรรมชาติ แบบที่สามารถทำกิจกรรมกันทั้งครอบครัวได้ ซึ่งล้วนแต่น่าสนใจและมีความโดดเด่นอยู่ไม่น้อย
ให้อาหารแกะน้อย
ครั้งนี้ “ตะลอนเที่ยว” ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวได้ เริ่มแรกกันที่ “ฟาร์มแกะชิงจิ้ง” (Qingjing Farm) ซึ่งเป็นฟาร์มที่เก่าแก่ที่สุดในไต้หวัน เปิดกันมาตั้งแต่ปี 1961 ภายใต้การดูแลของสภาทหารผ่านศึกไต้หวัน ด้วยสภาพพื้นที่ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูง อากาศเย็นสบายน่าเที่ยวตลอดทั้งปี ทำให้ที่นี่ถูกขนานนามว่า “สวิตเซอร์แลนด์ไต้หวัน”

โดยที่นี่จะแบ่งออกเป็นหลายโซน อย่างโซน “Green Green Grasslands” ที่เป็นจุดเด่นของที่นี่เพราะเป็นโซนที่มีแกะขนฟูฟ่องมากมายเดินกินหญ้าอย่างอิสระ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถซื้อหญ้าอัดเม็ดที่ทางฟาร์มมีจำหน่ายแล้วนำมาให้อาหารแกะได้
สามารถลองขี่ม้าได้ในฟาร์ม
สำหรับแกะในฟาร์มที่นี่นั้นมี 2 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์คอร์ริเดล และ พันธุ์บาร์บาโดส และนอกจากแกะแล้วที่ฟาร์มยังมีวัวเฮียร์ฟอร์ด, วัวอเบอร์ดีนออกัส, ม้าอาหรับ และ ม้าแคระโพนี่ ซึ่งจะมีการแบ่งพื้นที่เพื่อการเลี้ยงสัตว์ออกเป็นคอกๆ แยกตามสายพันธุ์ 

และในโซนนี้ยังสามารถทำมีกิจกรรมอีกมากมาย เช่น การตัดขนแกะสไตล์นิวซีแลนด์ ชมการแสดงขี่ม้าโลดโผน หรืออยากจะขี่ม้าด้วยเองนั่นก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
เส้นทาง Qingjing Skywalk
นอกจากนั้น ยังมีเส้นทางเดินป่าชมธรรมชาติ ที่จะสามารถสัมผัสกับบรรยากาศและแต่ละพื้นที่ของฟาร์มได้อย่างทั่วถึง ซึ่งแต่ละเส้นทางจะมีความพิเศษน่าสนใจแตกต่างกันไป อย่างเช่น เส้นทาง Sakura Trail ความยาวประมาณ 500 เมตร เป็นเส้นทางเดินชมดอกซากุระของฟาร์ม หรือเส้นทาง Qingjing Skywalk ที่เพิ่งเปิดได้ใหม่เมื่อปีที่แล้ว มีความยาวประมาณ 1,200 เมตร ที่สามารถเดินชมความสวยงามของยอดเขารอบๆ ได้
สวนดอกไม้นานาพันธุ์
และยังมีสวนดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ให้เดินชมชวนให้สดชื่น สำหรับใครที่เลือกเข้าพักที่ฟาร์มนี้ในช่วงกลางคืนสามารถมาชมการแสดงแสงสีเสียงของน้ำพุเต้นระบำได้อีกด้วย
น้ำพุเต้นระบำ
เดินสูดอากาศบริสุทธิ์ในอุทยายซีโถว
หากยังสนใจกับการชมธรรมชาติไม่จุใจ “ตะลอนเที่ยว” ขอแนะนำให้มาที่ “Sitou Nature Education Area” หรือก็คืออุทยานซีโถวที่เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการศึกษาธรรมชาติ เดินเล่นพักผ่อนสูดอากาศบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก
ป่าไผ่สูงลิ่วลู่ลม
ภายในอุทยานแห่งนี้มีหลากหลายจุดที่น่าเดินไปชมความอัศจรรย์ของธรรมชาติมากๆ อย่างที่ “ป่าต้นไผ่” (Bamboo Arboretum) ที่เมื่อเดินเข้าไปแล้วจะรู้สึกเย็นสบาย มองแหงนมองต้นไผ่ที่สูงลิ่วลู่ลมเพลินตามากๆ
จุดแลนด์มาร์กชวนถ่วยรูป
และอีกจุดที่น่าสนใจ ก็คือ “สะพานไม้ไผ่” ที่สร้างข้ามผ่านบ่อน้ำ (University Pond) ถือเป็นอีกแลนด์มาร์กของที่นี่ ที่หลายคนชอบมาถ่ายรูปเป็นอย่างมาก พอเวลาถ่ายรูปจะเห็นเงาสะท้อนของตัวสะพานกับบ่อน้ำด้านหลังเป็นวิวภูเขาเขียวขจี สวยประทับใจทุกคนแน่นอน
หมู่บ้านปีศาจ
หากใครมาเที่ยวที่นี่กันทั้งครอบครัวก็ไม่ต้องกลัวเด็กๆ จะเบื่อ เพราะด้านหน้าของอุทยานจะมี “หมู่บ้านปีศาจ” ที่เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กให้บรรยากาศแบบหมู่บ้านญี่ปุ่น สร้างความตื่นเต้นให้เด็กๆ ได้เป็นอย่างดี  โดยตัวหมู่บ้านจะตกแต่งด้วยตัวปีศาจมากมายตามอาคารและทางเดินที่ดูแล้วอาจจะน่ารักมากกว่าน่ากลัว
ของที่ระลึกสุดน่ารัก
รวมถึงยังมีตลาดโบราณและร้านขายของต่างๆ ที่เกี่ยวกับเจ้าตัวปีศาจมากมาย เช่น พวงกุญแจตุ๊กตาปีศาจ หมวก หน้ากาก สมุดบันทึก เหมาะที่จะซื้อเป็นของที่ระลึกเมื่อมาเยือนที่นี่มากๆ 

สำหรับชื่อหมู่บ้านปีศาจนั้นว่ากันว่าก่อนหน้านี้บริเวณอุทยานป่าไม้ซีโถวมีการตัดไม้ขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก  จึงมีการรณรงค์ไม่ให้มีการตัดไม้ทำลายป่า  โดยการสร้างรูปปั้น “ปีศาจเท็นโก” ซึ่งเป็นปีศาจจากผืนป่าขึ้นมาเพื่อคุ้มครองป่าและเตือนสติคนที่จะเข้ามาตัดไม้ทำลายป่าไว้ตามที่ต่างๆจนกระทั่งในปัจจุบันไม่มีการตัดไม้ในบริเวณป่าอุทยานซีโถวแล้ว  
วัดจงไถฉานซื่อ
ปิดท้ายสถานที่ที่ “ตะลอนเที่ยว” จะแนะนำในวันนี้ที่ “วัดจงไถฉานซื่อ” (Chung Tai Chan Monastery) ที่จัดเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ติด 1 ใน 4 ของโลก และได้รับการขนานนามว่าเป็นวัดที่มีการออกแบบทันสมัยที่สุดและใหญ่ที่สุดในไต้หวันอีกด้วย

โดยวัดนี้เป็นวัดพุทธนิกายมหายานสร้างมาแล้ว 16 ปี มีพระภิกษุและภิกษุณีอยู่ที่วัดประมาณ 1,200 รูป ซึ่งนอกจากจะเป็นสถานที่สำหรับแสวงบุญของประชาชนแล้ว ยังเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่มีห้องเรียนหลายพันห้อง ตัวอาคารด้านนอกเป็นหินอ่อน มีความสูงอยู่ที่ 150 เมตร ออกแบบโดยวิศวกรคนเดียวกันกับที่ออกแบบตึกไทเป 101
องค์พระพุทธเจ้าและอัครสาวกทั้งสองข้าง
ซึ่งตัวอาคารวัดมีโครงสร้างที่แข็งแกร่งมาก ในปี ค.ศ. 1999 เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในเขตไถจง  ทำให้หมู่บ้านและอาคารโดยรอบวัดได้รับความเสียหายอย่างหนัก   แต่ตัววัดกลับไม่ได้รับความเสียหายเลย   ทำให้ผู้คนต่างพากันเลื่อมใส่ศรัทธาวัดนี้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

ภายในวัดมีทั้งหมด 37 ชั้น แต่เปิดให้ชมเพียงบางชั้นเท่านั้น เริ่มที่ชั้น 1 และชั้น 2 ที่มีกฎอยู่ว่าห้ามคุยหรือส่งเสียงดัง สองชั้นนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปหลายองค์ อย่าง “พระสังกัจจายน์” และ “องค์เทพเจ้าสี่ทิศ” ในชั้น 1 และเมื่อเดินขึ้นบันไดหินอ่อนมาจะพบกับ “องค์พระพุทธเจ้า” องค์ตรงกลาง ส่วนทางด้านข้างจะมี “พระอานนท์” และ “พระมหากัสสปะ” อยู่ด้วย ส่วนโถงด้านข้างทั้งสองฝั่งจะมี “ปรมาจารย์ตั๊กม้อ” และ “องค์เทพเจ้ากวนอู” อยู่
เจดีย์ 7 ชั้นในชั้น 16
ชั้นต่อไปที่ปิดให้เข้าชม คือ ชั้น 5 ที่เป็นห้องสวดมนต์ที่จุคนได้ประมาณ 400 คน และที่ชั้น 16 จะเป็นที่ตั้งของเจดีย์ใหญ่ 7 ชั้น สูงประมาณ 21 เมตร ทำจากไม้สักของพม่าที่นำไม้แต่ละชิ้นมาประกอบกันเข้าด้วยกันโดยเทคนิคการเข้าลิ่ม ถือเป็นไฮไลต์ในชั้นสุดท้ายที่เปิดให้เข้าชม
ห้องสมุดของท่ีวัด
นอกจากที่กล่าวมาแล้วทางวัดยังมีพิพิธภัณฑ์เก็บพระพุทธรูปที่แกะสลักจากไม้เก่ามากมาย มีห้องสมุดที่เปิดให้ประชาชนเข้ามาศึกษาหาความรู้ได้ และยังมีโซนห้องอาหารที่มีอาหารเจรสชาติดีให้กินอีกด้วย
อาหารเจน่าลิ้มลอง
และนี่คือสถานที่ท่องเที่ยวในหนานโถวที่ “ตะลอนเที่ยว” อยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัสความสวยงามของที่ภาคกลางของไต้หวันกัน รับรองว่าได้เติมพลังความสดชื่น อิ่มบุญ อิ่มใจ กันทั้งครอบครัวอย่างแน่นอน
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


กำลังโหลดความคิดเห็น