“ยุทธจักรความอร่อย”
เป็นสโลแกนของ“จังหวัดตรัง” จากโครงการ“เมืองต้องห้าม...พลาด” ของ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย”(ททท.) ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นเมืองแห่งอาหารการกินของเมืองตรังอย่างเด่นชัด
นอกจากจะมีอาหารการกินสารพัด สารพัน ให้เลือกอิ่มอร่อยแล้ว ตรังยังเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลาย ทั้งธรรมชาติ ป่าเขา น้ำตก ศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ประเพณี และ“ทะเลตรัง”อันสงบสวยงาม เชิญชวนผู้สนใจไปสัมผัสกับเส้นทางกินอร่อย เที่ยวสนุก และมากไปด้วยสถานที่น่าสนใจ
น่าปักหมุดหยุดเวลาไปกับมนต์เสน่ห์ของจังหวัดตรัง เมืองต้องห้าม...พลาด ที่ครบเครื่องทั้งเรื่องกินและเที่ยว
งานตรังยุทธจักรความอร่อย
“ตรัง เมืองคนช่างกิน”
คือฉายาที่บ่งบอกถึงความเป็นคนช่างกินของชาวตรัง แต่ละวันคนตรังจะกินกันมากถึง 5-6 มื้อเลยทีเดียว
ขณะที่ผู้ไปเยือนตรังก็สามารถเลือกอิ่มอร่อยกับอาหารอันหลากหลาย นำโดย“หมูย่างเมืองตรัง” อันลือลั่น นอกจากนี้ก็ยังมี ติ่มซำ กาแฟ โกปี๊ ซีฟู้ด ขนมจีน ผัดหมี่ อาหารจีน อาหารปักษ์ใต้รสจัดจ้าน อาหารพื้นบ้านรสเด็ด ฯลฯ รวมถึงเค้กเมืองตรังอันขึ้นชื่อกับเค้กมีรูที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
ด้วยมนต์ขลังแห่งเมืองยุทธจักรความอร่อย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) จึงกำหนดจัดงาน “ตรัง ยุทธจักรความอร่อย” ขึ้นในระหว่างวันที่ 25 - 29 พฤษภาคม 2561 บริเวณห้างสรรพสินค้าโรบินสัน อำเภอเมือง จังหวัดตรัง
ภายในงานมีกิจกรรมน่าสนใจ ได้แก่
-หรอย เด็ด โดน ได้.. ตังค์ เป็นกิจกรรมการแข่งขันทำอาหารพื้นเมืองของชาวตรัง โดยผู้ชนะในวันที่ 25 – 28 พฤษภาคม จะได้เข้าไปชิงชนะเลิศ ในวันที่ 29 พฤษภาคม งานนี้นอกจากจะได้แสดงออกถึงรสมืออาหารใต้ของชาวตรังที่ผู้เข้าแข่งขัน สามารถเอาสูตรประจำบ้านมาแข่งขันกัน ส่วนผู้เข้าร่วมงานก็จะได้รับสิทธิ์ ได้ชิมอาหารของผู้เข้าแข่งขันได้ฟรีอีกด้วย....
-กิจกรรมเชฟชุมชน.... อาหารสร้างสรรค์ใหม่ จากวัตถุดิบพื้นถิ่น ความร่วมมือของชุมชนท่องเที่ยวเมืองตรัง กับเชฟชื่อดัง...
-ชม ชิม สินค้าและกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน
-ร่วมกิจกรรม แต่งชุดพื้นเมือง รับสิทธิ์พิเศษมากมาย อาทิ บัตรฟินกินฟรี ถ่ายภาพสวยด้วยช่างภาพมืออาชีพ ในบรรยากาศห้องรับแขกเมืองตรัง และลุ้นรับของขวัญของที่ระลึกมากมายในงาน
-ชมการแสดง และฟังดนตรีเพราะๆ ได้ตลอดการจัดงาน ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2561
-นอกจากนี้ยังมีอาหาร และสินค้าดี เด็ด โดน ของจังหวัดตรัง และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายให้ผู้เข้าร่วมงาน
นอกจากนี้ในช่วงวันที่ 25 - 26 พฤษภาคม นี้ ททท. ยังมีกิจกรรม “เที่ยวรถไฟสุดปลายทางอันดามัน @กันตัง กับ กัน นภัทร”
หรอยมื้อเช้า แบบชาวตรัง
หนึ่งในการสัมผัสเข้าถึงวิถีคนตรังอย่างลึกซึ้ง นั่นก็คือการกิน“มื้อเช้าแบบตรัง”หรือ“หรอยมื้อเช้า แบบชาวตรัง”อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ กับการกิน“กาแฟ”หรือ“โกปี๊” พร้อมด้วย“ติ่มซำ” ที่จัดเสิร์ฟมาเต็มโต๊ะ มีทั้ง ขนมจีบ ซาลาเปา ฮะเก๋า เต้าฮู้ปลา มะระยัดไส้ บะจ่าง ปูอัดยัดไส้ ฯลฯ รวมไปถึง“หมูย่าง”อาหารถิ่นขึ้นชื่อของเมืองตรัง ซึ่งว่ากันว่า ใครที่มาเยือนเมืองตรังแล้ว ถ้าไม่(ลอง)กินหมูย่างก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึงเมืองตรังโดยสมบูรณ์
หมูย่างเมืองตรัง เป็นอีกตำนานความอร่อยที่สืบทอดกันมากว่า 100 ปี แต่ละเจ้าต่างก็มีสูตรลับเฉพาะในการทำหมูย่างของตัวเอง แต่หลักๆนั้นจะหมักด้วยเครื่องเทศยาจีนและน้ำผึ้ง ทิ้งไว้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง แล้วจึงนำไปย่างอย่างพิถีพิถัน จนหมูย่างสุกทั่วถึงกันทั้งตัว ให้หนังกรอบ เนื้อในนุ่มแน่น มีรสหวานนำ สามารถกินเปล่าๆ หรือจิ้มกับน้ำจิ้มก็ให้รสอร่อยเด็ดกันไปคนละแบบ
นอกจากหมูย่างแล้ว ตรังยังมีอาหารท้องถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่ชวนลิ้มลอง อีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
-“เค้กเมืองตรัง” หรือ “เค้กมีรู” ที่มีการเจาะรูไว้ตรงกลางเพื่อให้เนื้อเค้กสุกทั่วถึง มีเนื้อนุ่มละเอียด กลิ่นหอม รสชาติละมุมหวานกำลังดี ซึ่งต้นตำรับเจ้าแรกของเค้กเมืองตรังนั้นก็คือ “เค้กขุกมิ่ง” ที่ ต.ลำภูรา อ.ห้วยยอด
-“ขนมเปี๊ยะซอย 9” ในซอยห้วยยอด 9 ต.นาตาล่วง อ.เมือง ขนมเปี๊ยะเจ้าดัง สูตรหอมนุ่ม แป้งบางกรอบ มีหลากหลายไส้ให้เลือกชิม เช่น ไส้เผือกหอมไข่เค็ม ไส้ทุเรียนไข่เค็ม ไส้ถั่วแดงไข่เค็ม ไส้พุทราจีนไข่เค็ม เป็นต้น
-“ขนมจีบสังขยา” ที่มีหน้าตาคล้ายกะหรี่ปั๊บ เพราะมีการใช้มือจับจีนในกระบวนการทำ โดยร้านขนมจีบสังขยาเจ้าดังของตรังนั้นอยู่ที่ “ขนมจีบป้าพิณ ลำภูรา” ต.ลำภูรา อ.ห้วยยอด
-“หมี่หนำเหลี่ยว” หรือ “หลอหมี่” อาหารถิ่นมาแรงของเมืองตรัง เพราะทาง ททท.ยกให้เป็นอาหารถิ่นต้องห้ามพลาดประจำจังหวัดตรังในโครงการ “อาหารถิ่น ตะลุยกินทั่วไทย”
หมี่หนำเหลี่ยว เป็นอาหารจีนฮกเกี้ยนมีรสอร่อยกลมกล่อม หน้าตาคล้ายราดหน้า มีวัตถุดิบใส่ผสมรวมกันมากว่า 20 ชนิด นำโดย เส้นหมี่เหลือง(คล้ายโกยซีหมี่)เนื้อปู เนื้อหมู ตับหมู ไข่ไก่ กะหล่ำปลี เห็ดหอม เป็นต้น
เดิมชาวตรังจะนิยมกินหมี่หนำเหลี่ยวกันเฉพาะในวันพิธีสำคัญและวันงานส่งศพของชาวจีน ซึ่งเปรียบดังการส่งผู้ตายสู่สวรรค์ เนื่องจากหมี่หนำเหลี่ยวนั้นต้องปรุงกันนานและพิถีพิถันในการทำมาก แต่ในปัจจุบันได้มีร้านอาหารบางร้านทำหมี่หนำเหลี่ยวขายเป็นเมนูเด็ด ดังเช่น ร้านสีฟ้า ไลฟ์สไตล์ฟู๊ด ร้านยำป้าหลุย เป็นต้น
ตามรอยมังกร เมืองตรัง
ใครที่ไปท่องยุทธจักรความอร่อยตามรอยของกินกันจนจุใจแล้ว ก็อยากจะเชิญชวนมาเที่ยวตรังกันต่อกับการเที่ยว“ตามรอยมังกร”เริ่มจากการไปลอดท้องมังกร(สมมุติ)ตามธรรมชาติกันที่ “ถ้ำเลเขากอบ” ที่ตั้งอยู่ที่ ต.เขากอบ อ.ห้วยยอด
ถ้ำเลเขากอบ เป็นถ้ำน้ำลอดขนาดใหญ่ ภายในมีการแบ่งเป็นถ้ำย่อยห้องต่างๆ แต่ละห้องดูงดงามไปหินงอกหินย้อยอันชวนให้จินตนาการ ไม่ว่าจะเป็น หินหลอดกาแฟ หินรูปไม้เสียบลูกชิ้น หินรูปเป็ดย่าง เป็นต้น
การเข้าไปเที่ยวในถ้ำเลเขากอบต้องนั่งเรือท้องแบนมุดใต้ท้องถ้ำเข้าไป ซึ่งเปรียบดังการลอดท้องมังกรเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยระหว่างทางต้องนอนหงายราบให้ชิดติดกับท้องเรือมากที่สุด และห้ามผงกตัวหรือหัวลุกขึ้นมาเด็ดขาด เพราะใต้ท้องถ้ำนอกจากจะแคบมากแล้ว ในบางช่วงเพดานถ้ำต่ำเตี้ยมากๆ ชนิดเฉียดพุง เฉียดสันจมูก ไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ทำให้ผู้เข้าไปลอดท้องมังกรต้องลุ้นระทึกกันอย่างใจหายใจคว่ำ แต่ว่ามันก็สร้างสีสันความสนุกสนานเพลิดเพลินให้กับผู้ชื่นชอบความท้าทายได้เป็นอย่างดี
จากการลอดท้องมังกรตามธรรมชาติที่ถ้ำเลเขากอบ มาต่อกันด้วยการลอดท้องมังกรประดิษฐ์ งานแมนเมดอันน่าทึ่ง ที่“วังเทพธาโร” ที่ตั้งอยู่ที่บ้านนาเหมร ต.เขากอบ อ.ห้วยยอด(ห่างจากถ้ำเลเขากอบประมาณ 2 กม.)
วังเทพธาโร เกิดจากการที่นาย“จรูญ แก้วละเอียด” หรือ “ครูจรูญ”(ครูวิชาภาษาอังกฤษ โรงเรียนห้วยยอด) ได้ไปกว้านซื้อไม้“เทพธาโร”(ไม้จวงหอม)ไม้มงคลที่เนื้อมีกลิ่มหอม ซึ่งชาวบ้านได้ตัดทิ้งขุดทิ้งจนเหลือแต่ตอเหลือแต่ซากเศษไม้รอเวลาเผาทิ้ง มาสร้างสรรค์เป็นประติมากรรมมังกรอันสวยงามน่าทึ่งมากมายหลายสิบตัว จนเกิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่อันโดดเด่นคู่เมืองตรังขึ้นมา
ปัจจุบันวังเทพธาโรมีประติมากรรมมังกรน้อย-ใหญ่ราว 90 ตัว ในรูปร่างลักษณะท่าทางแตกต่างกันออกไป หนึ่งในนั้นเป็นมังกรตัวสำคัญ มีขนาดใหญ่ ยาว บริเวณส่วนลำตัวหรือท้องของมังกรตัวนี้ ทำเป็นช่องทางให้เดินลอดกับ “9 ช่องประตูท้องมังกร” ซึ่งแต่ละช่องจะมีความเชื่อในด้านเสริมสิริมงคลแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น พลัง อำนาจ มั่งมี บารมี ยิ่งใหญ่ ฯ
ส่งผลให้มังกรตัวนี้กลายเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของวังเทพธาโรที่มีนักท่องเที่ยวมาเดินลอดเสริมสิริมงคล และอธิษฐานขอพรกันเป็นจำนวนมาก
มาถึงอีกหนึ่งแหล่งตามรอยมังกรที่กำลังมาแรงในจังหวัดตรังนั่นก็คือ “สันหลังมังกรตรัง” ใน อ.ปะเหลียน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติของท้องทะเล เมื่อยามน้ำลดจนได้ระดับ แนวสันทรายในช่วงทะเลน้ำตื้นจะผุดโผล่ขึ้นมา เกิดเป็นแนวสันทรายทอดยาวคดโค้งสวยงามอยู่กลางทะเล พร้อมทั้งได้รับฉายาเรียกขานว่า“สันหลังมังกร”เพื่อความเป็นสิริมงคล
สันหลังมังกรตรังมีหลากหลายรูปแบบ ตั้งชื่อตามลักษณะสีสันของแนวสันทราย อาทิ มังกรเหลือง, มังกรเกล็ดทองคำ, มังกรหยก และ มังกรทับทิมสยาม เป็นต้น
แต่ละวันสันหลังมังกรเหล่านี้ จะเปลี่ยนรูปร่างไปตามการพัดพาของกระแสน้ำ เราสามารถลงไปเดินเล่นอย่างแสนเพลิดเพลินตามแนวสันหลังมังกรเหล่านี้ได้ ซึ่งมันจะให้บรรยากาศคล้ายๆกับกำลังเดินอยู่กลางทะเลเลยทีเดียว
ทะเลตรัง สงบสวยงาม
จากสันหลังมังกรตรังกลางท้องทะเล เราไปสัมผัสความงามของ “ท้องทะเลตรัง” ที่ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งไม่ควรพลาดสำหรับผู้มาเยือนเมืองตรัง
ทะเลตรังเป็นทะเลที่ยังคงไว้ซึ่งธรรมชาติอันพิสุทธิ์ มีความเงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน แถมราคาค่าใช้จ่ายต่างๆก็สมเหตุสมผล(ไม่สูงเกิน) นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่มีทะเลในหัวใจให้เดินทางไปสัมผัสดื่มด่ำในความงาม
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่เด่นๆของจังหวัดตรังนั้นก็อย่างเช่น เกาะเหลาเหลียง เกาะสุกร เกาะลิบง หาดเจ้าไหม หาดราชมงคล และ"หาดปากเมง" ที่เป็นดังประตูสู่ท้องทะเลตรัง เป็นต้น
นอกจากนี้ทะเลตรังยังมีกลุ่มเกาะใกล้ชายฝั่งที่สามารถเลือกเที่ยวได้ในแบบวันเดย์ทริป(One Day Trip)ไปเช้า-เย็นกลับ กับกิจกรรม “วันเดียวเที่ยว 4 เกาะ” ซึ่งปัจจุบันเป็นแพกเกจท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างสูง (การเรียงลำดับเที่ยวของเกาะต่างๆในเส้นทางแต่ละวันอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพของน้ำทะเล)
กิจกรรมวันเดียวเที่ยว 4 เกาะ มีไฮไลท์สำคัญคือ “ถ้ำมรกต” และ “เกาะกระดาน” ซึ่งเป็น 2 จุดห้ามพลาดสำหรับผู้มาเที่ยวทะเลตรัง
ถ้ำมรกตเป็นส่วนหนึ่งของ“เกาะมุก”การเข้าไปเที่ยวภายในถ้ำเราต้องลอยคอ(เกาะตัวคนข้างหน้า)ค่อยๆว่ายน้ำฝ่าความมืดมืดเข้าไป ครั้นเมื่อถึงภายในถ้ำก็จะพบกับปล่องถ้ำสูงที่มีชายหาดขนาดย่อมอยู่ภายใน ยามแสงอาทิตย์สาดส่อง น้ำทะเลในนี้จะสะท้อนแสงเกิดสีสันสวยงามดุจดังมรกตดูน่าอัศจรรย์ จนถูกยกให้เป็น“อันซีนไทยแลนด์”อันเลื่องชื่อ
ส่วนเกาะกระดาน เป็นเกาะที่ได้ชื่อว่ามีชายหาดสวยที่สุดแห่งท้องทะเลตรัง กับแนวชายหาดอันสวยงามที่ทอดตัวเป็นแนวยาวหลายร้อยเมตร มีทรายละเอียดยิบดุจแป้ง เดินนุ่มเนียนสบายเท้า
สำหรับ เกาะที่ 3 และ 4 นั้น จะเน้นเรื่องการดำน้ำชมความงามของโลกใต้ทะเลตรัง ได้แก่ “เกาะม้า” หรือ “เกาะแหวน” ซึ่งเป็นส่วนของเกาะอันดับ 3 (การเลือกเกาะขึ้นอยู่กับสภาพความแรงของน้ำทะเลในช่วงนั้นๆ) โดยเกาะม้าจะมีจุดเด่นเป็นกะการังอ่อนหลากสีสัน ส่วนเกาะแหวน จะมีปะการังแข็งและปลาสวยงามหลากสีสัน
ขณะที่เกาะลำดับ 4 คือ “เกาะเชือก” ที่มีกระแสน้ำแรงจึงต้องดำน้ำเกาะเชือก(สมดังชื่อเกาะ)ชมความงามของโลกใต้ทะเล ที่งดงามไปด้วยปะการังอันหลากหลายและฝูงปลาจำนวนมาก ชวนให้ประทับใจเป็นยิ่งนัก
เที่ยวหลากหลาย ในเมืองตรัง
นอกจากท้องทะเลตรังอันสงบสวยงามแล้ว จังหวัดตรังยังมีสถานที่น่าสนใจและกิจกรรมอันหลากหลายชวนให้ไปสัมผัสกัน อาทิ
-“นั่งตุ๊กๆหัวกบทัวร์ตัวเมืองตรัง” ตุ๊กๆหัวกบเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของเมืองตรัง กับรูปลักษณ์เฉพาะตัวอันโดดเด่น นักท่องเที่ยวสามารถเช่าตุ๊กๆหัวกบทัวร์ตัวเมืองตรัง เที่ยวชมสิ่งน่าสนใจถ่ายรูปเซลฟี่ วีฟี่ กับสถานที่เหล่านั้นๆ อาทิ หมู่ตึกชิโนโปรตุกีส,สตรีทอาร์ต,โบสต์คริสต์เก่าแก่อายุกว่า 100 ปี, หอนาฬิกาตรัง,วงเวียนพะยูน และห้ามพลาดการแวะหาของกินอร่อยๆที่มีอยู่ทั่วไปในตัวเมืองตรัง
-“พิชิตเรือนยอดไม้” ที่“สวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้”(ทุ่งค่าย) หรือ“สวนพฤกษศาสตร์ฯทุ่งค่าย” (ต.ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว) สวนแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวางราวๆ 2,600 ไร่ ภายในมีการจัดสรรเป็นส่วนต่างๆ โดยมีไฮไลท์สำคัญคือ“สะพานศึกษาเรือนยอดไม้” ซึ่งสร้างขึ้นเป็นแห่งแรกในเมืองไทย ให้เดินชมวิวทิวทัศน์ของเรือนยอดไม้อันงดงาม เห็นถึงเขียวขจีความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ซึ่งเราต้องช่วยกันดูแลอนุรักษ์ธรรมชาติอันทรงคุณค่าเหล่านี้ไว้
-“ล่องแพ แลป่าโกงกาง ขึ้นเขาจมป่า บ้านน้ำราบ” กิจกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและให้บริการโดยชุมชน ด้วยการล่องแพไปตามลำคลอง เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่สมบูรณ์และสวยงามของป่าโกงกางป่าชุมชนผืนใหญ่ โดยเฉพาะวิวป่าโกงกาง 360 องศา บนเขาจมป่า ซึ่งเป็นเขาที่ซ่อนอยู่กลางผืนโกงกาง หากมองจากภายนอกจะดูไม่เห็นเขา แถมด้วยกิจกรรม CSR ปลูกป่า หรือปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ และการลิ้มลองอาหารทะเลสดๆ จากวัตถุดิบในท้องถิ่น
-“เที่ยวกันตัง” อำเภอที่มีของดีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “ต้นยางพาราต้นแรกของเมืองไทย”ที่ได้มีการอนุรักษ์ไว้, “สถานีรถไฟกันตัง” สถานีรถไฟสถานีสุดท้ายบนเส้นทางรถไฟสายอันดามัน อันเก่าแก่คลาสสิก เป็นอาคารไม้ทรงปั้นหยา ทาสีเหลืองมัสตาร์ดสลับน้ำตาล ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี และ “พิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี” โดยยังคงไว้ซึ่งลักษณะเดิมเหมือนเมื่อครั้งที่พระยารัษฎาฯยังมีชีวิตอยู่
-“ชมทะเลหมอก วังผาเมฆ” วังผาเมฆ จุดชมทะเลหมอก ที่สวยงามแห่งหนึ่งของจังหวัดตรัง เป็นจุดชมวิวที่มีความสูงประมาณ 1,600 เมตรจากระดับน้ำทะเล การชมทะเลหมอกจะต้องเดินขึ้นเขาตั้งแต่ย่ำรุ่ง หรือ ประมาณตีห้า ใช้เวลาในการเดินทางขึ้นเขาประมาณ 1 ชั่วโมง ไปตามทางเดินเป็นดินบ้างหินบ้าง บางช่วงบางตอนที่มีความชันหน่อยก็จะมีเชือกให้จับเพื่อพยุงตัวไต่ขึ้นไปถึงจุดชมทะเลหมอกที่เป็นลานโล่ง เมื่อฟ้าสางก็จะพบกับความอัศจรรย์และตื่นตาตื่นใจกับภาพหมอกขาวปกคลุมไปทั่วผืนป่าเป็นแนวกว้างแบบพาโนรามา นั่งพักให้หายเหนื่อย สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ไปเรื่อยๆ เมื่อท้องฟ้าเริ่มเป็นสีแดง ดวงอาทิตย์ส่องแสงทีละนิด หมอกที่ไหลลอยมากปกคลุมจะค่อยๆ จางหายไป และจะเห็นวิวทิวทัศน์ที่เขียวขจีของผืนป่าเข้ามาทดแทน พร้อมกับมองเห็นทะเลอันดามันและหมู่เกาะต่างๆ ในจังหวัดตรัง
-“เที่ยวถ้ำเมืองตรัง” นอกจากถ้ำเลเขากอบและถ้ำมรกตแล้ว ตรังยังมีถ้ำที่น่าสนใจชวนให้ไปเที่ยวชมกันอีก อาทิ “ถ้ำเจ้าคุณ-ถ้ำเจ้าไหม”ที่มีหลายห้องซับซ้อนภายในงดงามไปด้วยหินงอก-หินย้อย, “ถ้ำเขาปินะ” ภายในแบ่งออกเป็น 8 ถ้ำย่อย ชั้นบนสุดของถ้ำมีลานหินยื่นออกไปชมวิวอันสวยงาม ,“ถ้ำพระพุทธ” มีพระนอนองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ และ“ถ้ำเขาช้างหาย” ที่ภายในมีหินงอกหินย้อยอันสวยงามที่ยังสมบูรณ์อยู่มาก
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของจังหวัดตรัง เมืองรองที่มากไปด้วยมนต์เสน่ห์ และครบเครื่องทั้งเรื่องกิน เที่ยว ซึ่งหากใครไปเยือนก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศของการกินอร่อย เที่ยวสนุก ที่จะทำให้เราได้เพลิดเพลินไปในถิ่นยุทธจักรความอร่อยแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
....................................................................................................
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร ใน จ.ตรัง เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานตรัง โทร. 0 7521 5867, 0 7521 1058 , 0 7521 1085
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager