Facebook :Travel @ Manager
“เมืองซาปา” จ.ลาวไก ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนาม ห่างจากกรุงฮานอยประมาณ 350 กิโลเมตร เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองในสายหมอก เพราะเมืองเล็กๆ กลางหุบเขาแห่งนี้ จะมีอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี
การเดินทางไปยังเมืองซาปานั้นจะเริ่มต้นที่กรุงฮานอย โดยมีเส้นทางให้เลือกทั้งรถไฟและรถบัส บางคนก็แนะนำให้เดินทางด้วยรถไฟ เพื่อความสะดวกสบายและสามารถยืดแข้งยืดขาคลายเมื่อยได้ หากนั่งรถไฟไปนั้นจะต้องลงที่สถานีลาวไก แล้วต่อรถรับจ้างเพื่อมายังซาปา และบางคนก็แนะนำให้เดินทางด้วยรถบัส ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง และไปลงที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวกลางเมืองซาปาได้เลย
หลังจากตัดสินใจเลือกการเดินทางไปยังเมืองซาปาด้วยรถบัสแล้ว ก็ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกหน่อย เพราะมีบริษัทรถบัสให้บริการหลากหลาย และมีตารางเวลาการเดินทางที่แตกต่างกันออกไป ครั้งนี้เลือกจองรถรอบเช้าเพื่อให้เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางในช่วงบ่าย เพื่อจะได้สามารถนำกระเป๋าเข้าไปเช็คอินที่พัก และมีเวลาเดินเที่ยวชมรอบๆ ของเมืองกลางหุบเขาแห่งนี้
เมื่อได้เวลานัดหมายขึ้นรถบัสแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ที่บริการประจำรถ จะแนะนำข้อมูลการท่องเที่ยวให้ฟังคร่าวๆ รวมถึงการแวะจุดจอดรถเพื่อให้มาเติมพลังมื้อเช้า เข้าห้องน้ำ หรือออกมายืดเส้นยืดสายคลายเมื่อยกัน โดยใช้เวลาแวะจอดรถประมาณ 30 นาที จึงออกเดินทางต่อไป
ระหว่างทางก็จะได้ชมวิวทิวทัศน์ของภูเขาสีเขียวขจี มองแล้วสบายตาและสบายใจชวนผ่อนคลายจนเคลิ้มหลับไปโดยไม่รู้ตัว จนได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ประกาศอีกครั้งว่าให้เตรียมตัวเก็บข้าวของ เพราะกำลังจะถึงเมืองซาปาในอีกไม่นาน
ตัวเมืองซาปาจะตั้งอยู่ในอ้อมกอดของขุนเขา ทั้งเทือกเขาใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน ทำให้เมืองเล็กๆแห่งนี้มีฉายาก็คือ “เมืองแห่งขุนเขาและสายหมอก” เพราะนอกจากขุนเขาที่แวดล้อมแล้ว ซาปายังเป็นเมืองที่มีสายหมอกลอยปกคลุมอยู่เสมอ โดยเมืองนี้ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยกว่า 1,500 เมตร(1,650 เมตร) ทำให้มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี
หากใครมาเที่ยวที่ซาปาในช่วงต้นปีก็จะได้สัมผัสกับอากาศหนาวเย็น พร้อมชมสายหมอกที่ไหลเอื่อยๆ ในยามเช้าและยามเย็น ส่วนช่วงเที่ยงหรือบ่ายอากาศก็จะเย็นสบายแบบใส่เสื้อคลุมตัวเดียวก็เอาอยู่ หรือใครที่ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติสีเขียวก็มาช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน เพราะช่วงนั้นเมืองแห่งสายหมอกนี้จะกลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเขียวขจีของนาขั้นบันได
ภูเขาใหญ่ที่โอบล้อมเมืองซาปานั้น เป็นภูเขาได้ชื่อว่าเป็นหลังคาอินโดจีน มียอดสูงสุดคือยอดเขา “ฟาน ซี ปัน” (Fansipan) มีความสูง 3,143 เมตร หากท้องฟ้าเปิดเราจะเห็นยอดฟานซีปันในช่วงเช้าตรู่ จากนั้นเมฆหมอกก็จะลอยเข้ามาปกคลุม “ฟานซีปัน” เป็นหนึ่งในยอดเขาของเหล่าผู้กล้าที่ชื่นชอบปีนเขาหรือชอบการท่องเที่ยวแบบท้าทายสามารถเดินป่าขึ้นไปพิชิตยอดเขาแห่งนี้ได้
ถ้าใครได้มาเที่ยวที่เมืองซาปาแล้วจะพบกับโบสถ์คริสต์ ที่ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญอันโดดเด่นของที่นี่ แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่นักท่องเที่ยวต่างพากันออกไปสัมผัสก็คือ หมู่บ้าน “Cat Cat” อ่านว่า กั๊ตกั๊ต หรือ ก๊าตก๊าต ไม่ได้อ่านว่า แคทแคท อย่างที่หลายคนเข้าใจ หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านชาวม้ง ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปซาปาไปไม่ไกลเท่าไหร่นัก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินไปยังหมู่บ้านนี้ได้
หมู่บ้าน Cat Cat หมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขา อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 1.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 20-30 นาที ขึ้นอยู่กับว่าความสามารถการเดินของแต่ละคน โดยจะเดินเลาะเลียบเส้นทางของถนนลงไป ระหว่างสองข้างทางจะมีร้านค้าขายน้ำ ขายขนม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ อยู่ตลอดเส้นทาง หากใครเหนื่อยก็สามารถแวะพักกันก่อนได้
ก่อนถึงทางเข้าหมู่บ้านจะเริ่มมีเสื้อผ้าชาวม้งแขวนโชว์เอาไว้ให้เช่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการอยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของหมู่บ้านนี้ เมื่อมาถึงด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้านจะมีช่องบริการขายบัตรเข้าชมอยู่ฝั่งตรงข้าม หากใครที่จะเข้าไปจะต้องเสียค่าเข้าราคา 70,000 ดอง คิดเป็นเงินไทยประมาณ 100 บาทเศษ หลังจากซื้อบัตรเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าไปพร้อมยื่นตั๋วให้กับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านหน้าตรวจ
หมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาที่อยู่ลึกลงไป จะต้องเดินเท้าเพื่อเข้าไปยังหมู่บ้าน เป็นทางเดินขั้นบันไดที่ทำจากหินผสมปูน ตลอดเส้นทางมีสินค้าที่ทำจากมือมากมายหลากหลายรูปแบบในราคาไม่แพง สามารถมาอุดหนุนสินค้าของชาวบ้านกันได้ มีทั้ง เสื้อผ้า ชุดชาวเขา ผ้าพันคอ ผ้าปูที่นอน ผ้าคลุมเตียง นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้าข้าวของที่ระลึกอื่นๆ อีกหลากหลาย จะซื้อฝากครอบครัวหรือเพื่อนฝูงก็เลือกซื้อต่อรองราคากัน
บ้านเรือนที่หมู่บ้านกั๊ตกั๊ตส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ชาวเขาแบบดั้งเดิม กับวิถีทำการเกษตร ทำนา ปลูกพืชผัก เลี้ยงสัตว์ หากเดินลึกเข้าไปภายในหมู่บ้านจะมีเส้นทางเดินเที่ยวไปจนถึงจุดไฮไลท์บริเวณ “น้ำตกเตียนซาน” หรือ “น้ำตกนางฟ้า” ที่โดดเด่นไปด้วยสะพานแขวนที่สร้างทอดข้ามลำธารอันสวยงาม โดยน้ำในลำธารได้ไหลไปบรรจบกับสายน้ำของน้ำตกนางฟ้า ที่ทั้งสายน้ำตกและน้ำในลำธารได้ไหลมารวมกันเป็นสายน้ำผืนเดียวกันก่อนจะไหลลงสู่เบื้องล่างต่อไป
ในซาปายังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย อาทิ น้ำตกซิลเวอร์ ชมวิวยอดเขาฟานซีปัน การพิชิตยอดเขาฟานซีปัน การขึ้นเขาฮามรง(หามลง)ชมวิวเมืองซาปา ทะเลสาบซาปา จัตุรัสกลางเมืองและโบสถ์เก่า ตลาดชาวเขาบั๊กฮา ตลาดยามเช้า
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
“เมืองซาปา” จ.ลาวไก ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนาม ห่างจากกรุงฮานอยประมาณ 350 กิโลเมตร เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองในสายหมอก เพราะเมืองเล็กๆ กลางหุบเขาแห่งนี้ จะมีอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี
การเดินทางไปยังเมืองซาปานั้นจะเริ่มต้นที่กรุงฮานอย โดยมีเส้นทางให้เลือกทั้งรถไฟและรถบัส บางคนก็แนะนำให้เดินทางด้วยรถไฟ เพื่อความสะดวกสบายและสามารถยืดแข้งยืดขาคลายเมื่อยได้ หากนั่งรถไฟไปนั้นจะต้องลงที่สถานีลาวไก แล้วต่อรถรับจ้างเพื่อมายังซาปา และบางคนก็แนะนำให้เดินทางด้วยรถบัส ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง และไปลงที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวกลางเมืองซาปาได้เลย
หลังจากตัดสินใจเลือกการเดินทางไปยังเมืองซาปาด้วยรถบัสแล้ว ก็ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกหน่อย เพราะมีบริษัทรถบัสให้บริการหลากหลาย และมีตารางเวลาการเดินทางที่แตกต่างกันออกไป ครั้งนี้เลือกจองรถรอบเช้าเพื่อให้เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางในช่วงบ่าย เพื่อจะได้สามารถนำกระเป๋าเข้าไปเช็คอินที่พัก และมีเวลาเดินเที่ยวชมรอบๆ ของเมืองกลางหุบเขาแห่งนี้
เมื่อได้เวลานัดหมายขึ้นรถบัสแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ที่บริการประจำรถ จะแนะนำข้อมูลการท่องเที่ยวให้ฟังคร่าวๆ รวมถึงการแวะจุดจอดรถเพื่อให้มาเติมพลังมื้อเช้า เข้าห้องน้ำ หรือออกมายืดเส้นยืดสายคลายเมื่อยกัน โดยใช้เวลาแวะจอดรถประมาณ 30 นาที จึงออกเดินทางต่อไป
ระหว่างทางก็จะได้ชมวิวทิวทัศน์ของภูเขาสีเขียวขจี มองแล้วสบายตาและสบายใจชวนผ่อนคลายจนเคลิ้มหลับไปโดยไม่รู้ตัว จนได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ประกาศอีกครั้งว่าให้เตรียมตัวเก็บข้าวของ เพราะกำลังจะถึงเมืองซาปาในอีกไม่นาน
ตัวเมืองซาปาจะตั้งอยู่ในอ้อมกอดของขุนเขา ทั้งเทือกเขาใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน ทำให้เมืองเล็กๆแห่งนี้มีฉายาก็คือ “เมืองแห่งขุนเขาและสายหมอก” เพราะนอกจากขุนเขาที่แวดล้อมแล้ว ซาปายังเป็นเมืองที่มีสายหมอกลอยปกคลุมอยู่เสมอ โดยเมืองนี้ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยกว่า 1,500 เมตร(1,650 เมตร) ทำให้มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี
หากใครมาเที่ยวที่ซาปาในช่วงต้นปีก็จะได้สัมผัสกับอากาศหนาวเย็น พร้อมชมสายหมอกที่ไหลเอื่อยๆ ในยามเช้าและยามเย็น ส่วนช่วงเที่ยงหรือบ่ายอากาศก็จะเย็นสบายแบบใส่เสื้อคลุมตัวเดียวก็เอาอยู่ หรือใครที่ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติสีเขียวก็มาช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน เพราะช่วงนั้นเมืองแห่งสายหมอกนี้จะกลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเขียวขจีของนาขั้นบันได
ภูเขาใหญ่ที่โอบล้อมเมืองซาปานั้น เป็นภูเขาได้ชื่อว่าเป็นหลังคาอินโดจีน มียอดสูงสุดคือยอดเขา “ฟาน ซี ปัน” (Fansipan) มีความสูง 3,143 เมตร หากท้องฟ้าเปิดเราจะเห็นยอดฟานซีปันในช่วงเช้าตรู่ จากนั้นเมฆหมอกก็จะลอยเข้ามาปกคลุม “ฟานซีปัน” เป็นหนึ่งในยอดเขาของเหล่าผู้กล้าที่ชื่นชอบปีนเขาหรือชอบการท่องเที่ยวแบบท้าทายสามารถเดินป่าขึ้นไปพิชิตยอดเขาแห่งนี้ได้
ถ้าใครได้มาเที่ยวที่เมืองซาปาแล้วจะพบกับโบสถ์คริสต์ ที่ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญอันโดดเด่นของที่นี่ แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่นักท่องเที่ยวต่างพากันออกไปสัมผัสก็คือ หมู่บ้าน “Cat Cat” อ่านว่า กั๊ตกั๊ต หรือ ก๊าตก๊าต ไม่ได้อ่านว่า แคทแคท อย่างที่หลายคนเข้าใจ หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านชาวม้ง ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปซาปาไปไม่ไกลเท่าไหร่นัก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินไปยังหมู่บ้านนี้ได้
หมู่บ้าน Cat Cat หมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขา อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 1.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 20-30 นาที ขึ้นอยู่กับว่าความสามารถการเดินของแต่ละคน โดยจะเดินเลาะเลียบเส้นทางของถนนลงไป ระหว่างสองข้างทางจะมีร้านค้าขายน้ำ ขายขนม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ อยู่ตลอดเส้นทาง หากใครเหนื่อยก็สามารถแวะพักกันก่อนได้
ก่อนถึงทางเข้าหมู่บ้านจะเริ่มมีเสื้อผ้าชาวม้งแขวนโชว์เอาไว้ให้เช่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการอยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของหมู่บ้านนี้ เมื่อมาถึงด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้านจะมีช่องบริการขายบัตรเข้าชมอยู่ฝั่งตรงข้าม หากใครที่จะเข้าไปจะต้องเสียค่าเข้าราคา 70,000 ดอง คิดเป็นเงินไทยประมาณ 100 บาทเศษ หลังจากซื้อบัตรเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าไปพร้อมยื่นตั๋วให้กับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านหน้าตรวจ
หมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาที่อยู่ลึกลงไป จะต้องเดินเท้าเพื่อเข้าไปยังหมู่บ้าน เป็นทางเดินขั้นบันไดที่ทำจากหินผสมปูน ตลอดเส้นทางมีสินค้าที่ทำจากมือมากมายหลากหลายรูปแบบในราคาไม่แพง สามารถมาอุดหนุนสินค้าของชาวบ้านกันได้ มีทั้ง เสื้อผ้า ชุดชาวเขา ผ้าพันคอ ผ้าปูที่นอน ผ้าคลุมเตียง นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้าข้าวของที่ระลึกอื่นๆ อีกหลากหลาย จะซื้อฝากครอบครัวหรือเพื่อนฝูงก็เลือกซื้อต่อรองราคากัน
บ้านเรือนที่หมู่บ้านกั๊ตกั๊ตส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ชาวเขาแบบดั้งเดิม กับวิถีทำการเกษตร ทำนา ปลูกพืชผัก เลี้ยงสัตว์ หากเดินลึกเข้าไปภายในหมู่บ้านจะมีเส้นทางเดินเที่ยวไปจนถึงจุดไฮไลท์บริเวณ “น้ำตกเตียนซาน” หรือ “น้ำตกนางฟ้า” ที่โดดเด่นไปด้วยสะพานแขวนที่สร้างทอดข้ามลำธารอันสวยงาม โดยน้ำในลำธารได้ไหลไปบรรจบกับสายน้ำของน้ำตกนางฟ้า ที่ทั้งสายน้ำตกและน้ำในลำธารได้ไหลมารวมกันเป็นสายน้ำผืนเดียวกันก่อนจะไหลลงสู่เบื้องล่างต่อไป
ในซาปายังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย อาทิ น้ำตกซิลเวอร์ ชมวิวยอดเขาฟานซีปัน การพิชิตยอดเขาฟานซีปัน การขึ้นเขาฮามรง(หามลง)ชมวิวเมืองซาปา ทะเลสาบซาปา จัตุรัสกลางเมืองและโบสถ์เก่า ตลาดชาวเขาบั๊กฮา ตลาดยามเช้า
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager