โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
“สะบายดี”
คำทักทาย“สวัสดี”ในภาษาลาว ที่ผมได้ยินจนชินหูรับรู้จนชินใจ ในทุกๆครั้งที่ไปเยือน สปป.ลาว
แต่สำหรับการไปเยือนลาวคราวนี้ นอกจากจะได้สัมผัสกับบรรยากาศการเที่ยวลาวที่แตกต่างผ่านการ“ปั่น 2 ล้อ ตะลุยลาวใต้”แล้ว ในบางช่วง บางเวลา บางโมเมนต์ ผมยังได้สัมผัสกับคำทักทาย “สะบายดี” ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากการเที่ยวลาวในคราวที่ผ่านๆมา
เป็นคำทักทาย “สะบายดี” ที่ฟังดูแล้วช่างมีเสน่ห์กระไรปานนั้น
ช่องเม็ก-บอละเวน
วันที่ 1
เพลาสายแก่ๆ ณ ด่าน“ช่องเม็ก-วังเต่า” พรมแดนไทย-ลาว (ด่านช่องเม็ก : ต.ช่องเม็ก อ.สิริธร จ.อุบลราชธานี ประเทศไทย-วังเต่า : ด่านวังเต่า เมืองโพนทอง แขวงจำปาสัก สปป.ลาว)
ที่ช่องเม็กผมและเพื่อนๆชาวคณะนักปั่นจากเมืองไทยได้พบกับ“คอนสะหวัน ผิวอ่อน” หรือ “โทนี่ หลุยส์”ไกด์ลาวอารมณ์ดี ที่จะมาพาพวกเราจากเมืองไทย(ชั่วคราว)เป็นเวลา 5 วัน 4 คืน ข้ามแดนสู่ สปป.ลาว เพื่อไปปั่นจักรยานตะลุยลาวใต้ กับกิจกรรม “Octo Cycling Trip” ที่ทางบริษัท“Octo Cycling” ได้เชิญชวนผู้รักการปั่นจักรยาน ทั้งมืออาชีพ มือสมัครเล่น และมือใหม่ ให้ไปปั่นจักรยานท่องเที่ยวแบบสโลว์ไล์ฟใกล้ชิดธรรมชาติ สัมผัสวิถีชีวิตวัฒนธรรม เปิดมุมมองใหม่ในบรรยากาศที่แตกต่าง กินอร่อย-นอนสบาย ที่สำคัญคือเน้นในเรื่องความปลอดภัยเป็นยิ่งยวด
หลังเดินลอดอุโมงค์จากด่านช่องเม็ก ข้ามสู่ด่านวังเต่า สปป.ลาว ภารกิจแรกของพวกเรา คือแลกเงินบาทเป็นเงินกีบ(เงินลาว) และนั่นก็ทำให้ทุกคนในทริปกลายเป็นเศรษฐีเงินแสนเงินล้าน(กีบ)กันในพริบตา ส่วนภารกิจต่อมาก็คือการซื้อซิมมือถือลาว ซึ่งเดี๋ยวนี้มีแม่ค้า-พ่อค้าชาวลาว มาเดินเร่ขายซิมลาว พร้อมจัดการทุกอย่างให้เสร็จสรรพตามที่เราต้องการ เปิดมือถือใหม่ปั๊บใช้สัญญาณลาวได้เลย
เสร็จจากภารกิจพื้นฐานของปุถุชนคนยุคนี้ คณะเรานั่งรถตู้จากด่านวังเต่า ผ่านเมืองปากเซ มุ่งหน้าสู่ที่ราบสูง “บอละเวน” เมืองปากซอง ดินแดนแห่งกาแฟและน้ำตก เพื่อยลโฉมความงามของ“น้ำตกตาดเยือง” หรือ “ตาดเยือง”หนึ่งในน้ำตกงามแห่งลาวใต้ เปิดประเดิมทริปปั่นไปเที่ยวไปในครั้งนี้
ตาดเยือง แปลว่า น้ำตกเลียงผา (ตาด ภาษาลาวหมายถึงน้ำตก เยือง ภาษาลาวคือเลียงผา) ตั้งอยู่ในผืนป่าอันร่มรื่นเขียวครึ้ม ซึ่งมีการสัมปทานจัดการพื้นที่คล้ายอุทยานแห่งชาติในบ้านเรา
จากลานจอดรถเดินไปไม่กี่สิบเมตร จะเป็นทางเดินลงสู่ตัวน้ำตก ด้านซ้ายมือเป็นร้านอาหารมีจุดชมวิวงามๆของสายธารน้ำต้นน้ำตกตาดเยือง ส่วนฝั่งข้างขวาเป็นซุ้มขายสินค้าต่างๆที่ดูเหมือนว่าแม่ค้าขายกล้วยสาวลาวผู้น่ารักจะขโมยซีนวิวข้างซ้ายไปไม่น้อย
ถัดจากนั้นจะเป็นทางเดินลงสู่จุดชมวิวตัวน้ำตกตาดเยือง ที่มีลักษณะเป็นสายน้ำตกใหญ่ 2 สาย ไหลโจนทะยานขาวฟูฟ่องลงมาจากโตรกผาสูงประมาณ 40 เมตร(อ้างอิงตัวเลขจากโปสเตอร์ชวนเที่ยวลาว) สู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง
ด้วยความแรงของสายน้ำที่ไหลตกลงมา ทำให้ช่วงบริเวณใกล้ตัวน้ำตกมีละลองน้ำปลิวฟุ้งกระจาย ยามต้องแสงแดดจะเกิดเป็นรุ้งกินน้ำตัวอ้วนๆ ทอดตัวโค้งงามอยู่หน้าน้ำตกตาดเยืองดูสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ
และที่น้ำตกตาดเยืองนี่คือจุดเริ่มต้นของการปั่นเบาๆไหลลงเขา(ไม่ชัน) เชื่อม 2 น้ำตกงาม ตาดเยือง-ตาดฟาน
...แล้วบทบันทึกของการ “ปั่น 2 ล้อ ลุยลาวใต้” ก็ออกสตาร์ทเปิดปฐมบทขึ้นที่น้ำตกเลียงผาแห่งนี้...
ตาดเยืองสู่ตาดฟาน
น้ำตกตาดเยืองอยู่ห่างจากน้ำตกตาดฟานประมาณ 4 กม. เป็นเส้นทางปั่น(ค่อยๆ)ไหลลงเนิน บนระดับความสูงประมาณ 1,000 เมตร ลงมาเรื่อยๆ สำหรับการปั่นในลาว ข้อสำคัญคือต้อง“ปั่นชิดเลนขวา” ซึ่งนักปั่นบ้านเราต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ไม่เผอเรอ เผลอตัว กลับไปปั่นชิดซ้ายตามความเคยชิน
สำหรับเส้นทางปั่นช่วงแรกเมื่อออกจากน้ำตกตาดเยืองเป็นถนนลูกรังผสมหินบด มีทางขึ้นเนินชันพอหอมปากหอมคออยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งใครปั่นขึ้นไม่ไหวก็เดินเข็นจักรยานขึ้นเนินกันตามสะดวก ก่อนจะมาเข้าสู่ทางหลักถนนลาดยาง และทางแยกถนนลูกรังมุ่งหน้าเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวน้ำตกตาดฟาน
จากตาดเยืองใช้เวลาปั่นมาไม่นานก็ถึงยัง“ตาดฟาน” อีกหนึ่งน้ำตกเลืองชื่อของลาวใต้ ที่มีการเปิดให้เอกชนมาสัมปทานบริหารจัดการ ซึ่งที่ตาดฟานนี้ทำการมานานแล้ว แถมในบริเวณใกล้ๆน้ำตกมีที่พักไว้ให้บริการในบรรยากาศแนบอิงชิดใกล้กับธรรมชาติด้วย
ตาดฟาน หรือ“น้ำตกเก้ง”(ฟาน ภาษาลาว คือสัตว์จำพวกเก้ง) ตานฟานเป็นน้ำตกที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในลาว มีความสูงประมาณ 200 เมตร มีลักษณะเด่นเป็นสายน้ำตกเล็กๆ 2 สาย หรือน้ำตกแฝด จากต้นน้ำ 2 สาย ไหลเป็นทางคู่ขนานยาว(เฟื้อย) ทะลุหน้าผาภูเขาเขียว(ดูคล้ายใครมาสร้างท่อเอาไว้) ทิ้งดิ่งลงมาสู่หุบเหวลึกเบื้องล่าง ดูสวยงามน่าทึ่งในผลงานการสร้างสรรค์ของธรรมชาติ
นอกจากความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว วันนี้น้ำตกตาดฟานมีสีสันใหม่ให้ชวนสัมผัสนั่นก็คือ กิจกรรม“ซิป ไลน์”(Zipline) โหนสลิงเหินฟ้าข้ามหน้าผา ผืนป่า ผ่านน้ำตกตาดฟาน พร้อมเซลฟี่ จิบกาแฟ กลางเวหา ท่ามกลางฉากหลังของสายน้ำตกตาดฟานที่ไหลชุ่มฉ่ำ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมมาแรงให้ผู้ชื่นชอบความท้าทายได้มาวัดใจพิสูจน์ความกล้า และความสูง สวย เสียว กัน
หลังชาวคณะนักปั่นกลุ่ม Octo Cycling Trip เดินชมวิว ถ่ายรูป และเซลฟี่คู่กับสายน้ำตกตากฟานกันเป็นที่เพลิดเพลิน ภารกิจสุดท้ายของเราในวันแรกนี้คือ การปั่นจักรยานลงเนินไปเรื่อยๆจากน้ำตกตาดฟานสู่เมือง“ปากเซ” ในระยะทางประมาณ 38 กม.
งานนี้พวกเราค่อยๆปั่นลงเนินกันยาวไป ระหว่างทางบนถนนสายหลักที่มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองปากเซ จัดเป็นประเภท“ถนนลาดยางพิการ” คือ มีผุ ปะ ชำรุด มีหลุมบ่อ ซึ่งต้องปั่นกันด้วยความระมัดระวัง แต่ก็ตื่นเต้นท้าทายไปอีกแบบ
นอกจากนี้เส้นทางช่วงเมืองปากซอง(ที่ราบสูงบอละเวน)สู่เมืองปากเซในช่วงเวลาที่ผมไปปั่น ทางการลาวกำลังทำการปรับปรุงถนนขนานใหญ่ ทั้งขยายทาง เทถนน ลาดยางผิวหน้าถนนใหม่ เข้าใจว่าคงทำทางเตรียมไว้รับ“ปีท่องเที่ยวลาว”ในปีหน้า( ค.ศ.2018)นี้
สำหรับเสน่ห์ระหว่างทางในช่วงนี้ก็คือภาพวิถีชีวิตชนบท สองข้างทางบางช่วงมีแม่ค้ามาตั้งเพิงขายของ เนื้อแดดเดียว มันแกว ผลไม้อื่นๆ และกล้วยที่ผมไม่พลาดการซื้อมากิน เพราะลาวนั้นขึ้นชื่อในเรื่องการปลูกกล้วยแถมแม่ค้ายังมีอัธยาศัยไมตรีน่ารักอีกต่างหาก ขณะที่เด็กๆเพิ่งเลิกเรียนก็จะเดินแถวเริงร่า เฮฮาตามประสาเด็ก พร้อมตะโกนส่งเสียงทักทาย“สะบายดี” ยามเมื่อเห็นขบวนจักรยานเราปั่นผ่าน
ถือเป็นคำทักทายอันทรงเสน่ห์ ก่อนที่พวกเราจะปั่นมาถึงตัวเมืองปากเซที่พักค้างของคณะเราในค่ำคืนแรก
สะบายดีปากเซ
ปากเซ เมืองนี้ตั้งชื่อตามสภาพเมืองที่มีปากแม่น้ำช่วงหนึ่ง ตั้งอยู่ระหว่างจุดบรรจบกันของแม่น้ำโขงกับแม่น้ำเซโดน
ในอดีตปากเซเป็นเพียงเมืองบริวารเล็กๆ(เปรียบได้กับอำเภอเล็กๆอำเภอหนึ่งของจังหวัดในบ้านเรา)แห่งแขวงจำปาสัก ซึ่งเดิมทีนั้นแขวงจำปาสัก(จังหวัด)มี“เมืองจำปาสัก”(อำเภอ)เป็นเมืองเอกหรือเมืองหลวง ซึ่งเทียบเท่าอำเภอเมืองของจังหวัดในบ้านเรา
แต่หลังจากฝรั่งเศสเข้ามาปกครองลาว ในปี พ.ศ. 2448 ได้ตั้งเมืองปากเซขึ้นเป็นเมืองหลวงใหม่แทนเมืองจำปาสัก เนื่องจากเห็นว่าปากเซมีชัยภูมิที่ดี ติดแม่น้ำโขง พร้อมกันนี้ก็ได้ลดบทบาทของเมืองหลวงเก่าอย่างเมืองจำปาสักลงเป็นเพียงเมืองบริวาร
ปัจจุบันปากเซเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งลาวใต้ที่กำลังโตวันโตคืน มีความเจริญเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของสปป.ลาว(รองจากนครหลวงเวียงจันทน์ และเมืองไกสอน พมวิหาน)
ด้วยความที่ปากเซอยู่ห่างจากด่านช่องเม็ก(จ.อุบลฯ) แค่ประมาณ 40 กม. ทำให้ในช่วงวันหยุด โดยเฉพาะวันหยุดยาวจะมีคนไทย เดินทางข้ามประเทศจากอุบลฯไปเที่ยวลาวใต้กันเยอะมาก ทั้งมาเที่ยวแบบไปเช้ากลับเย็น หรือมาแบบค้าง 1 คืน 2 คืน 3 คืน ซึ่งจุดพักหลักๆของคนไทยนั้นก็จะอยู่ที่เมืองปากเซ ที่ถือเป็นศูนย์กลางในการเดินทางไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังต่างๆของลาวใต้ ไม่ว่าจะเป็นที่ราบสูงบอละเวน(ตามที่ผมได้ไปปั่นจักรยานมา) หรือไปเที่ยว“มรดกโลกปราสาทวัดพู”ที่อยู่ในเมืองจำปาสัก และที่มักไม่พลาดก็คือการไปเที่ยวชมน้ำตก“คอนพะเพ็ง” แห่งมหานทีสี่พันดอน ที่ได้รับฉายาว่าเป็น “ไนแองการ่าแห่งเอเชีย”
ซึ่งแน่นอนว่างานนี้ทั้งมรดกโลกวัดพู และน้ำตกคอนพะเพ็งแห่งมหานทีสี่พันดอน ผมย่อมไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง
แต่ที่พิเศษกว่าครั้งไหนๆ(สำหรับผม)ก็คือผมกับคณะ Octo Cycling Trip จะไปปั่นจักรยานเที่ยววัดพู คอนพะเพ็ง และแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจอื่นๆในลาวใต้ ซึ่งหนทางปั่นข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ผมมิอาจรู้ได้
รู้แต่ว่านี่เป็นอีกหนึ่งทริปของการเที่ยวลาวที่แตกต่าง
เป็นการสัมผัสลาวใต้ผ่านมิติของการปั่นจักรยาน เปิดมุมมองใหม่ๆ ที่มากไปด้วยมนต์เสน่ห์อันหลากหลาย ชวนให้ประทับใจเป็นยิ่งนัก...(โปรดติดตามตอนต่อไป)
**************************************************
Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
******************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
“สะบายดี”
คำทักทาย“สวัสดี”ในภาษาลาว ที่ผมได้ยินจนชินหูรับรู้จนชินใจ ในทุกๆครั้งที่ไปเยือน สปป.ลาว
แต่สำหรับการไปเยือนลาวคราวนี้ นอกจากจะได้สัมผัสกับบรรยากาศการเที่ยวลาวที่แตกต่างผ่านการ“ปั่น 2 ล้อ ตะลุยลาวใต้”แล้ว ในบางช่วง บางเวลา บางโมเมนต์ ผมยังได้สัมผัสกับคำทักทาย “สะบายดี” ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากการเที่ยวลาวในคราวที่ผ่านๆมา
เป็นคำทักทาย “สะบายดี” ที่ฟังดูแล้วช่างมีเสน่ห์กระไรปานนั้น
ช่องเม็ก-บอละเวน
วันที่ 1
เพลาสายแก่ๆ ณ ด่าน“ช่องเม็ก-วังเต่า” พรมแดนไทย-ลาว (ด่านช่องเม็ก : ต.ช่องเม็ก อ.สิริธร จ.อุบลราชธานี ประเทศไทย-วังเต่า : ด่านวังเต่า เมืองโพนทอง แขวงจำปาสัก สปป.ลาว)
ที่ช่องเม็กผมและเพื่อนๆชาวคณะนักปั่นจากเมืองไทยได้พบกับ“คอนสะหวัน ผิวอ่อน” หรือ “โทนี่ หลุยส์”ไกด์ลาวอารมณ์ดี ที่จะมาพาพวกเราจากเมืองไทย(ชั่วคราว)เป็นเวลา 5 วัน 4 คืน ข้ามแดนสู่ สปป.ลาว เพื่อไปปั่นจักรยานตะลุยลาวใต้ กับกิจกรรม “Octo Cycling Trip” ที่ทางบริษัท“Octo Cycling” ได้เชิญชวนผู้รักการปั่นจักรยาน ทั้งมืออาชีพ มือสมัครเล่น และมือใหม่ ให้ไปปั่นจักรยานท่องเที่ยวแบบสโลว์ไล์ฟใกล้ชิดธรรมชาติ สัมผัสวิถีชีวิตวัฒนธรรม เปิดมุมมองใหม่ในบรรยากาศที่แตกต่าง กินอร่อย-นอนสบาย ที่สำคัญคือเน้นในเรื่องความปลอดภัยเป็นยิ่งยวด
หลังเดินลอดอุโมงค์จากด่านช่องเม็ก ข้ามสู่ด่านวังเต่า สปป.ลาว ภารกิจแรกของพวกเรา คือแลกเงินบาทเป็นเงินกีบ(เงินลาว) และนั่นก็ทำให้ทุกคนในทริปกลายเป็นเศรษฐีเงินแสนเงินล้าน(กีบ)กันในพริบตา ส่วนภารกิจต่อมาก็คือการซื้อซิมมือถือลาว ซึ่งเดี๋ยวนี้มีแม่ค้า-พ่อค้าชาวลาว มาเดินเร่ขายซิมลาว พร้อมจัดการทุกอย่างให้เสร็จสรรพตามที่เราต้องการ เปิดมือถือใหม่ปั๊บใช้สัญญาณลาวได้เลย
เสร็จจากภารกิจพื้นฐานของปุถุชนคนยุคนี้ คณะเรานั่งรถตู้จากด่านวังเต่า ผ่านเมืองปากเซ มุ่งหน้าสู่ที่ราบสูง “บอละเวน” เมืองปากซอง ดินแดนแห่งกาแฟและน้ำตก เพื่อยลโฉมความงามของ“น้ำตกตาดเยือง” หรือ “ตาดเยือง”หนึ่งในน้ำตกงามแห่งลาวใต้ เปิดประเดิมทริปปั่นไปเที่ยวไปในครั้งนี้
ตาดเยือง แปลว่า น้ำตกเลียงผา (ตาด ภาษาลาวหมายถึงน้ำตก เยือง ภาษาลาวคือเลียงผา) ตั้งอยู่ในผืนป่าอันร่มรื่นเขียวครึ้ม ซึ่งมีการสัมปทานจัดการพื้นที่คล้ายอุทยานแห่งชาติในบ้านเรา
จากลานจอดรถเดินไปไม่กี่สิบเมตร จะเป็นทางเดินลงสู่ตัวน้ำตก ด้านซ้ายมือเป็นร้านอาหารมีจุดชมวิวงามๆของสายธารน้ำต้นน้ำตกตาดเยือง ส่วนฝั่งข้างขวาเป็นซุ้มขายสินค้าต่างๆที่ดูเหมือนว่าแม่ค้าขายกล้วยสาวลาวผู้น่ารักจะขโมยซีนวิวข้างซ้ายไปไม่น้อย
ถัดจากนั้นจะเป็นทางเดินลงสู่จุดชมวิวตัวน้ำตกตาดเยือง ที่มีลักษณะเป็นสายน้ำตกใหญ่ 2 สาย ไหลโจนทะยานขาวฟูฟ่องลงมาจากโตรกผาสูงประมาณ 40 เมตร(อ้างอิงตัวเลขจากโปสเตอร์ชวนเที่ยวลาว) สู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง
ด้วยความแรงของสายน้ำที่ไหลตกลงมา ทำให้ช่วงบริเวณใกล้ตัวน้ำตกมีละลองน้ำปลิวฟุ้งกระจาย ยามต้องแสงแดดจะเกิดเป็นรุ้งกินน้ำตัวอ้วนๆ ทอดตัวโค้งงามอยู่หน้าน้ำตกตาดเยืองดูสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ
และที่น้ำตกตาดเยืองนี่คือจุดเริ่มต้นของการปั่นเบาๆไหลลงเขา(ไม่ชัน) เชื่อม 2 น้ำตกงาม ตาดเยือง-ตาดฟาน
...แล้วบทบันทึกของการ “ปั่น 2 ล้อ ลุยลาวใต้” ก็ออกสตาร์ทเปิดปฐมบทขึ้นที่น้ำตกเลียงผาแห่งนี้...
ตาดเยืองสู่ตาดฟาน
น้ำตกตาดเยืองอยู่ห่างจากน้ำตกตาดฟานประมาณ 4 กม. เป็นเส้นทางปั่น(ค่อยๆ)ไหลลงเนิน บนระดับความสูงประมาณ 1,000 เมตร ลงมาเรื่อยๆ สำหรับการปั่นในลาว ข้อสำคัญคือต้อง“ปั่นชิดเลนขวา” ซึ่งนักปั่นบ้านเราต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ไม่เผอเรอ เผลอตัว กลับไปปั่นชิดซ้ายตามความเคยชิน
สำหรับเส้นทางปั่นช่วงแรกเมื่อออกจากน้ำตกตาดเยืองเป็นถนนลูกรังผสมหินบด มีทางขึ้นเนินชันพอหอมปากหอมคออยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งใครปั่นขึ้นไม่ไหวก็เดินเข็นจักรยานขึ้นเนินกันตามสะดวก ก่อนจะมาเข้าสู่ทางหลักถนนลาดยาง และทางแยกถนนลูกรังมุ่งหน้าเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวน้ำตกตาดฟาน
จากตาดเยืองใช้เวลาปั่นมาไม่นานก็ถึงยัง“ตาดฟาน” อีกหนึ่งน้ำตกเลืองชื่อของลาวใต้ ที่มีการเปิดให้เอกชนมาสัมปทานบริหารจัดการ ซึ่งที่ตาดฟานนี้ทำการมานานแล้ว แถมในบริเวณใกล้ๆน้ำตกมีที่พักไว้ให้บริการในบรรยากาศแนบอิงชิดใกล้กับธรรมชาติด้วย
ตาดฟาน หรือ“น้ำตกเก้ง”(ฟาน ภาษาลาว คือสัตว์จำพวกเก้ง) ตานฟานเป็นน้ำตกที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในลาว มีความสูงประมาณ 200 เมตร มีลักษณะเด่นเป็นสายน้ำตกเล็กๆ 2 สาย หรือน้ำตกแฝด จากต้นน้ำ 2 สาย ไหลเป็นทางคู่ขนานยาว(เฟื้อย) ทะลุหน้าผาภูเขาเขียว(ดูคล้ายใครมาสร้างท่อเอาไว้) ทิ้งดิ่งลงมาสู่หุบเหวลึกเบื้องล่าง ดูสวยงามน่าทึ่งในผลงานการสร้างสรรค์ของธรรมชาติ
นอกจากความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว วันนี้น้ำตกตาดฟานมีสีสันใหม่ให้ชวนสัมผัสนั่นก็คือ กิจกรรม“ซิป ไลน์”(Zipline) โหนสลิงเหินฟ้าข้ามหน้าผา ผืนป่า ผ่านน้ำตกตาดฟาน พร้อมเซลฟี่ จิบกาแฟ กลางเวหา ท่ามกลางฉากหลังของสายน้ำตกตาดฟานที่ไหลชุ่มฉ่ำ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมมาแรงให้ผู้ชื่นชอบความท้าทายได้มาวัดใจพิสูจน์ความกล้า และความสูง สวย เสียว กัน
หลังชาวคณะนักปั่นกลุ่ม Octo Cycling Trip เดินชมวิว ถ่ายรูป และเซลฟี่คู่กับสายน้ำตกตากฟานกันเป็นที่เพลิดเพลิน ภารกิจสุดท้ายของเราในวันแรกนี้คือ การปั่นจักรยานลงเนินไปเรื่อยๆจากน้ำตกตาดฟานสู่เมือง“ปากเซ” ในระยะทางประมาณ 38 กม.
งานนี้พวกเราค่อยๆปั่นลงเนินกันยาวไป ระหว่างทางบนถนนสายหลักที่มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองปากเซ จัดเป็นประเภท“ถนนลาดยางพิการ” คือ มีผุ ปะ ชำรุด มีหลุมบ่อ ซึ่งต้องปั่นกันด้วยความระมัดระวัง แต่ก็ตื่นเต้นท้าทายไปอีกแบบ
นอกจากนี้เส้นทางช่วงเมืองปากซอง(ที่ราบสูงบอละเวน)สู่เมืองปากเซในช่วงเวลาที่ผมไปปั่น ทางการลาวกำลังทำการปรับปรุงถนนขนานใหญ่ ทั้งขยายทาง เทถนน ลาดยางผิวหน้าถนนใหม่ เข้าใจว่าคงทำทางเตรียมไว้รับ“ปีท่องเที่ยวลาว”ในปีหน้า( ค.ศ.2018)นี้
สำหรับเสน่ห์ระหว่างทางในช่วงนี้ก็คือภาพวิถีชีวิตชนบท สองข้างทางบางช่วงมีแม่ค้ามาตั้งเพิงขายของ เนื้อแดดเดียว มันแกว ผลไม้อื่นๆ และกล้วยที่ผมไม่พลาดการซื้อมากิน เพราะลาวนั้นขึ้นชื่อในเรื่องการปลูกกล้วยแถมแม่ค้ายังมีอัธยาศัยไมตรีน่ารักอีกต่างหาก ขณะที่เด็กๆเพิ่งเลิกเรียนก็จะเดินแถวเริงร่า เฮฮาตามประสาเด็ก พร้อมตะโกนส่งเสียงทักทาย“สะบายดี” ยามเมื่อเห็นขบวนจักรยานเราปั่นผ่าน
ถือเป็นคำทักทายอันทรงเสน่ห์ ก่อนที่พวกเราจะปั่นมาถึงตัวเมืองปากเซที่พักค้างของคณะเราในค่ำคืนแรก
สะบายดีปากเซ
ปากเซ เมืองนี้ตั้งชื่อตามสภาพเมืองที่มีปากแม่น้ำช่วงหนึ่ง ตั้งอยู่ระหว่างจุดบรรจบกันของแม่น้ำโขงกับแม่น้ำเซโดน
ในอดีตปากเซเป็นเพียงเมืองบริวารเล็กๆ(เปรียบได้กับอำเภอเล็กๆอำเภอหนึ่งของจังหวัดในบ้านเรา)แห่งแขวงจำปาสัก ซึ่งเดิมทีนั้นแขวงจำปาสัก(จังหวัด)มี“เมืองจำปาสัก”(อำเภอ)เป็นเมืองเอกหรือเมืองหลวง ซึ่งเทียบเท่าอำเภอเมืองของจังหวัดในบ้านเรา
แต่หลังจากฝรั่งเศสเข้ามาปกครองลาว ในปี พ.ศ. 2448 ได้ตั้งเมืองปากเซขึ้นเป็นเมืองหลวงใหม่แทนเมืองจำปาสัก เนื่องจากเห็นว่าปากเซมีชัยภูมิที่ดี ติดแม่น้ำโขง พร้อมกันนี้ก็ได้ลดบทบาทของเมืองหลวงเก่าอย่างเมืองจำปาสักลงเป็นเพียงเมืองบริวาร
ปัจจุบันปากเซเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งลาวใต้ที่กำลังโตวันโตคืน มีความเจริญเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของสปป.ลาว(รองจากนครหลวงเวียงจันทน์ และเมืองไกสอน พมวิหาน)
ด้วยความที่ปากเซอยู่ห่างจากด่านช่องเม็ก(จ.อุบลฯ) แค่ประมาณ 40 กม. ทำให้ในช่วงวันหยุด โดยเฉพาะวันหยุดยาวจะมีคนไทย เดินทางข้ามประเทศจากอุบลฯไปเที่ยวลาวใต้กันเยอะมาก ทั้งมาเที่ยวแบบไปเช้ากลับเย็น หรือมาแบบค้าง 1 คืน 2 คืน 3 คืน ซึ่งจุดพักหลักๆของคนไทยนั้นก็จะอยู่ที่เมืองปากเซ ที่ถือเป็นศูนย์กลางในการเดินทางไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังต่างๆของลาวใต้ ไม่ว่าจะเป็นที่ราบสูงบอละเวน(ตามที่ผมได้ไปปั่นจักรยานมา) หรือไปเที่ยว“มรดกโลกปราสาทวัดพู”ที่อยู่ในเมืองจำปาสัก และที่มักไม่พลาดก็คือการไปเที่ยวชมน้ำตก“คอนพะเพ็ง” แห่งมหานทีสี่พันดอน ที่ได้รับฉายาว่าเป็น “ไนแองการ่าแห่งเอเชีย”
ซึ่งแน่นอนว่างานนี้ทั้งมรดกโลกวัดพู และน้ำตกคอนพะเพ็งแห่งมหานทีสี่พันดอน ผมย่อมไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง
แต่ที่พิเศษกว่าครั้งไหนๆ(สำหรับผม)ก็คือผมกับคณะ Octo Cycling Trip จะไปปั่นจักรยานเที่ยววัดพู คอนพะเพ็ง และแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจอื่นๆในลาวใต้ ซึ่งหนทางปั่นข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ผมมิอาจรู้ได้
รู้แต่ว่านี่เป็นอีกหนึ่งทริปของการเที่ยวลาวที่แตกต่าง
เป็นการสัมผัสลาวใต้ผ่านมิติของการปั่นจักรยาน เปิดมุมมองใหม่ๆ ที่มากไปด้วยมนต์เสน่ห์อันหลากหลาย ชวนให้ประทับใจเป็นยิ่งนัก...(โปรดติดตามตอนต่อไป)
**************************************************
Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
******************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
