ลองนึกถึงภาพเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบแสนสวย ด้านหลังเป็นภาพภูเขาตั้งตระหง่าน มีบ้านหลังเล็กๆ ตั้งเรียงรายกันไป ตามหน้าต่างบานเล็กๆ ก็ประดับประดาด้วยดอกไม้สีสวยสด หากได้ไปเดินเล่นอยู่ท่ามกลางเมืองสวยๆ แบบนี้คงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว
เมืองในฝันแบบนี้ก็มีอยู่จริง ซึ่งหากว่าเดินทางมาที่ “Hallstatt” ก็เหมือนได้มายืนอยู่ท่ามกลางเมืองในฝันจริงๆ
“Hallstatt” หรือ “ฮัลล์ชตัทท์” เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบฮัลล์ชตัทท์ ในซาลซ์คัมเมอร์กุท (Salzkammergut) รัฐอัปเปอร์ออสเตรีย (Upper Austria) ประเทศออสเตรีย (Austria) ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศออสเตรียเลยก็ว่าได้ เนื่องจากภูมิประเทศที่สวยงาม ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาชมความงดงามของหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้
การเดินทางเข้ามายังฮัลล์ชตัทท์สามารถนั่งรถบัส หรือขับรถเข้ามายังหมู่บ้านได้เลย หรือจะนั่งรถไฟมาลงที่สถานีฮัลล์ชตัทท์ แล้วนั่งเรือข้ามทะเลสาบมายังตัวหมู่บ้านก็ได้ ซึ่งการนั่งเรือข้ามทะเลสาบมาก็จะทำให้สามารถมองเห็นอีกมุมของหมู่บ้านแสนสวยแห่งนี้
ฮัลล์ชตัทท์นั้นขึ้นชื่อเรื่องการผลิตเกลือซึ่งมีอายุย้อนไปได้ถึงช่วงเวลาก่อนประวัติศาสตร์ มีชื่อเรียกว่า วัฒนธรรมฮัลล์ชตัทท์ และมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มคนที่พูดภาษาเคลต์ในยุคเหล็กตอนต้นของยุโรป (ประมาณ 800-450 ปีก่อนคริสตศักราช) ซึ่งมีการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีในยุคแรกสุดของชาวเคลต์ที่หมู่บ้านนี้ด้วย
ปัจจุบันนี้ก็ยังมีหลักฐานเกี่ยวกับการผลิตเกลืออยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ นั่นคือ “เหมืองเกลือโบราณ” (Salzwelten) เป็นเหมืองเกลือที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุมากกว่า 7,000 ปี ปัจจุบันเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้ชมวิธีการทำเหมืองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวที่ทำเป็น skywalk สามารถเดินออกมาชมวิวเมืองในมุมสูงได้ด้วย
ส่วนมุมมหาชนในการถ่ายรูปของหมู่บ้านนี้คือ จุดที่สามารถมองเห็นทะเลสาบฮัลล์ชตัทท์ บ้านเรือนริมน้ำ โบสถ์ ท่าเรือ และด้านหลังเป็นภูเขาสูง เรียกว่าใครที่มาเยือนฮัลล์ชตัทท์ก็ต้องมาถ่ายรูปมุมนี้เก็บไว้เป็นที่ระลึก
สำหรับในหมู่บ้านฮัลล์ชตัทท์นั้นเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ใช้เวลาเดินเพียงไม่กี่นาทีก็รอบแล้ว แต่ระหว่างทางก็จะมีจุดน่าสนใจหลายๆ แห่ง ไม่ว่าจะเป็น “Hallstatt Lutheran Church” ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบ และถือเป็นสัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของที่นี่ ไม่ว่าจะเดินอยู่มุมไหนก็สามารถเห็นหอคอยหลังคาแหลมสูงได้อย่างชัดเจน
บริเวณกลางหมู่บ้านก็มีจัตุรัส ที่ล้อมรอบด้วยบ้านเรือนแบบเก่าๆ ซึ่งดัดแปลงมาเป็นที่พัก ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก หากได้เดินลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ ก็จะเห็นความน่ารักของบ้านเมือง มีการประดับตกแต่งด้วยของกระจุกกระจิก ดอกไม้สวยๆ และต้นไม้รูปร่างแปลกตา บ้านแต่ละหลังก็ทาสีสันสวยงาม มีจุดให้แวะถ่ายรูปตลอดเส้นทางไม่มีเบื่อ
อีกมุมหนึ่งที่สวยไม่แพ้กันก็คือ “The Catholic Parish Church” โบสถ์อีกแห่งหนึ่งที่ต้องเดินลัดเลาะขึ้นเนินเขาไปเล็กน้อย ด้านหลังของโบสถ์เป็นสุสานหรือหลุมฝังศพที่ตกแต่งแบบสวยงามแตกต่างจากที่อื่น และติดกันนี้ก็เป็น “Beinhaus” (Bone House) อาคารขนาดเล็กที่ภายในเก็บหัวกะโหลกไว้มากกว่า 1,000 กะโหลก ส่วนใหญ่จะเป็นกะโหลกของผู้ที่เสียชีวิตในช่วงศตวรรษที่ 18-19 และมีชื่อเจ้าของสลักไว้อย่างเรียบร้อย
ที่หมู่บ้านฮัลล์ชตัทท์นี้สามารถเดินเที่ยวให้ครบได้ภายในหนึ่งวัน แต่ถ้าหากอยากสัมผัสบรรยากาศสงบๆ ของที่นี่ พร้อมดื่มด่ำความสวยงามริมทะเลสาบอย่างเต็มอิ่ม ก็สามารถแวะพักค้างคืนได้ โดยมีที่พักหลากหลายแบบให้เลือก แต่ที่พักในหมู่บ้านมักจะเต็มเร็วมาก ต้องจองล่วงหน้าหลายเดือน
ด้วยความสวยงามของหมู่บ้านแห่งนี้ ทำให้ “ฮัลล์ชตัทท์” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จากองค์การยูเนสโก ประเภท Historic Cultural Landscape เมื่อปี 1997 ซึ่งจัดเป็นประเภทของชุมชนที่มีการผสมผสานกันอย่างกลมกลืนของภูมิประเทศที่สวยงามกับวัฒนธรรมที่เก่าแก่
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com