บอกใครๆ ว่าจะมาเที่ยวสุโขทัย หลายคนอาจจะนึกถึงแค่แหล่งท่องเที่ยวอย่างอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย อันเป็นมรดกโลก แต่นอกจากนั้นแล้วสุโขทัยยังมีที่เที่ยวอีกเพียบบบนะจะบอกให้ อย่างในครั้งนี้ที่ “ตะลอนเที่ยว” ได้มาเที่ยวชิลๆ ในเส้นทาง “สวรรคโลก-ทุ่งเสลี่ยม-สุโขทัย” ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุโขทัย เขาพามา ถึงได้รู้ว่ายังมีที่น่าเที่ยวอีกหลายแห่งที่เรายังไม่เคยไปเยือนมาก่อน
ทริปนี้เริ่มต้นเที่ยวกันที่อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัยกันเลย เพราะมีเที่ยวบินตรง กรุงเทพฯ-สุโขทัย ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส มาลงยังสนามบินใน อ.สวรรคโลก แถมมาถึงสนามบินแล้วก็เริ่มเที่ยวได้ทันที เพราะในสนามบินสุโขทัยนี้ก็ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่มีสารพัดสิ่งให้ได้ชม ไม่ว่าจะเป็นไหว้พระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ อาทิ หลวงพ่อทันใจ พระพุทธรูปสุโขทัย พระพรหม เทพเจ้าจีน ชมสวนสัตว์ที่มีทั้งควาย ยีราฟ อัลปาก้า กวาง ฯลฯ เที่ยวเกษตรอินทรีย์ เรียนรู้ในวิถีชาวไร่ชาวนา เก็บผัก ปลูกข้าว ดำนา กันใน “โครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย” จะแวะกินข้าวก็มีร้านอาหาร "ครัวสุโข" ให้บริการ หรือจะนอนค้างในสนามบินก็มีโรงแรมให้เลือกหลายแห่งหลายสไตล์พร้อมสรรพ พูดง่ายๆ ว่าแค่เที่ยวในสนามบินก็หมดไปหนึ่งวันแล้วล่ะ
แต่หากอยากสัมผัสวิถีชาวสวรรคโลกจริงๆ ต้องออกมาเที่ยวชมบ้านเมืองพร้อมทั้งเรียนรู้ที่มาที่ไปของเมืองสวรรคโลกกันก่อน โดย “สวรรคโลก” นั้นเคยมีฐานะเป็นจังหวัดมาก่อนจังหวัดสุโขทัยเสียอีก แต่ได้ถูกยุบให้เป็นอำเภอสวรรคโลกเมื่อปี 2482 แต่หากย้อนอดีตกลับไปก่อนหน้านั้น สวรรคโลกมีความสำคัญในการเป็นเมืองลูกหลวงของสุโขทัย
บางคนอาจจะได้ยินชื่อเมืองเชลียง เฉลียง เชียงชื่น ศรีสัชนาลัย หรือ สวรรคโลก แต่โปรดเข้าใจว่า ชื่อเหล่านี้ล้วนแล้วแต่หมายถึงสถานที่เดียวกันซึ่งก็คือเมืองศรีสัชนาลัย หากแต่เรียกแตกต่างกันไปตามช่วงเวลา โดยเมื่อสุโขทัยตกอยู่ภายใต้อำนาจของกรุงศรีอยุธยา จึงได้เปลี่ยนชื่อเรียกว่า เมืองสวรรคโลก จนหลังเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่า เมืองศรีสัชนาลัยหรือ สวรรคโลกจึงถูกทิ้งร้าง ต่อมาเมืองสวรรคโลกได้จัดตั้งขึ้นใหม่ ที่บ้านท่าชัยอยู่ด้านทิศใต้ของเมืองเดิม และในสมัยรัตนโกสินทร์ได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านวังไม้ขอน ซึ่งคือที่ตั้งของอำเภอสวรรคโลกในปัจจุบันนั่นเอง
ร่องรอยของการเป็นหัวเมืองสำคัญในอดีตยังคงมองเห็นได้จาก “สถานีรถไฟสวรรคโลก” ที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ทางรถไฟที่มุ่งหน้ามาสวรรคโลกนี้ เป็นทางรถไฟสายรองในระบบรถไฟระหว่างเมือง แยกมาจากสายเหนือที่สถานีรถไฟชุมทางบ้านดารา ตำบลบ้านดารา อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ แล้ววิ่งผ่านสถานีรถไฟคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย มาสุดปลายทางที่สถานีรถไฟสวรรคโลก อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัยนี่เอง
ตัวสถานีสวรรคโลกนี้มีอายุร้อยกว่าปีแล้ว ยังคงรูปแบบเดิมในสมัยเมื่อแรกสร้าง แต่ได้ปรับปรุงซ่อมแซมทาสีให้ดูใหม่สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอ "ตะลอนเที่ยว" เข้ามาชมแล้วก็ยังได้บรรยากาศเก่าๆ จากตัวสถานีและอุปกรณ์ต่างๆ ของพนักงานรถไฟ
จากสถานีรถไฟ เราเดินผ่านย่านตลาดเก่าสวรรคโลกที่มีความฮิปสเตอร์ไม่น้อย ด้วยอาคารบ้านเรือนบริเวณนี้บ้างเป็นตึกปูนสองชั้น บ้างเป็นเรือนแถวไม้มีประตูบานเฟี้ยมสวยๆ ให้ได้เป็นฉากถ่ายรูปในบรรยากาศเก่าๆ กันพอหอมปากหอมคอ เพราะจุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ “สถานีตำรวจภูธรสวรรคโลก” ไม่ไกลจากตลาดนัก
มาหาคุณตำรวจถึงสถานีไม่ได้จะมามอบตัวหรือมาแจ้งความแต่อย่างใด แต่เพราะที่นี่มีจุดสนใจอยู่ที่ “โรงพักเรือนปั้นหยายุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2” ที่สร้างขึ้นหลังจากเปลี่ยนจังหวัดสวรรคโลกมาเป็นจังหวัดสุโขทัย ก็ได้มีการย้ายโรงพักมาอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำยม ในครั้งนั้นได้มีการสร้างโรงพักแบบเรือนปั้นหยา มีมุขกลาง 1 ห้อง เสาล่างเป็นคอนกรีต เสาบนเป็นไม้แดง ฝาไม้สัก พื้นฝาเครื่องไม้ตะแบก หลังคามุงกระเบื้องซีเมนต์ นับเป็นอาคารทรงปั้นหยาที่สวยงามมากในยุคนั้น
แต่ด้วยความที่เป็นอาคารไม้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสิบปี ต่อมาอาคารแห่งนี้จึงทรุดโทรมผุพังไปตามกาลเวลา แต่ภายหลังจากการร่วมแรงร่วมใจ รวมถึงงบประมาณที่ได้รับมา โรงพักเรือนปั้นหยาแห่งสวรรคโลกนี้จึงถูกบูรณะขึ้นมาจนสวยงามอีกครั้ง และได้ใช้เป็นดังพิพิธภัณฑ์เล่าเรื่องราวของสวรรคโลกให้ผู้ที่มาเยือนได้รับทราบกัน
วันนี้ที่ “ตะลอนเที่ยว” ได้ขึ้นไปชมด้านบนโรงพักเรือนปั้นหยานั้น พบว่าภายในเป็นห้องโถงโล่ง ทางด้านขวามือมองเห็น “ห้องผู้ต้องขัง” เป็นลูกกรงเหล็กแข็งแรงที่ใครเห็นก็คงไม่นึกอยากเข้าไปอยู่ ตรงกลางห้องจัดเป็นโต๊ะของสิบเวรที่คอยรับเรื่องแจ้งความจากประชาชน ใครอยากลองเป็นสิบเวรก็ไปนั่งเต๊ะท่าถ่ายรูปได้ ส่วนด้านหลังเป็นตู้จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้บนโรงพักในอดีต และที่น่าสนใจก็คือ “กำปั่น” หรือตู้เซฟ ซึ่งเป็นที่เก็บเงินรายได้หรือภาษีของเมืองสวรรคโลก เนื่องจากเมื่อก่อนที่ยังไม่มีธนาคาร หน่วยงานต่างๆ ก็จะต้องนำเงินของตนมาเก็บไว้ที่กำปั่นบนโรงพักแห่งนี้ เวลาจะเปิดไขเอาเงินออกมาแต่ละทีต้องมาพร้อมกัน 3 คน คือสรรพากร เสมียนตรา และตำรวจที่รับผิดชอบ เป็นเกร็ดความรู้น่าสนใจที่บอกเล่าผ่านโรงพักแห่งนี้
เที่ยวสวรรคโลกกันต่อด้วยการมากราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ “ศาลหลักเมือง” และ “วัดสว่างอารมณ์” สำหรับศาลหลักเมืองนั้นสร้างขึ้นใหม่สวยงาม ภายในประดิษฐานเสาหลักเมืองที่ทำจากไม้สักทอง ส่วน “วัดสว่างอารมณ์” หรือ “วัดจวน” นั้น ก็มี “พระพุทธเรืองฤทธิ์” พระพุทธรูปสุโขทัยที่งดงามยิ่งนักเป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่วัด เป็นสิริมงคลแก่พวกเราทุกคนที่ได้มากราบนมัสการท่านในวันนี้
มาถึงอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของสวรรคโลกที่บอกเลยว่าห้ามพลาดก็คือ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สวรรควรนายก” พิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่ตั้งขึ้นตามเจตนารมณ์ของพระสวรรควรนายก (ทองคำ จิตรธร) อดีตเจ้าอาวาสวัดสวรรคาราม (วัดกลาง) และเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย ซึ่งท่านมีโบราณวัตถุสะสมไว้เป็นจำนวนมาก เพราะมีคนถวายท่านบ้าง เก็บสะสมเองบ้าง โดยท่านแสดงเจตนารมณ์ไว้ว่าเมื่อมรณภาพแล้วให้ยกทรัพน์สินเหล่านี้เป็นสมบัติของชาติ โดยให้กรมศิลปากรจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ขึ้น
ที่นี่จัดแสดงเรื่องราวน่าสนใจหลายอย่าง ทั้งพัฒนาการความเจริญรุ่งเรืองของเมืองสวรรคโลกในอดีตตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เรื่อยมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ มีไฮไลท์เป็น “เครื่องสังคโลก” หรือเครื่องปั้นดินเผาที่ผลิตขึ้นเมื่อกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี เครื่องสังคโลกมีความสวยงามโดดเด่นเป็นที่รู้จักแพร่หลายมาเป็นเวลานาน และถือเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของกรุงสุโขทัยเลยทีเดียว และนอกจากนั้น ที่นี่ก็ยังจัดแสดงพระพุทธรูปเก่าแก่ที่พบจากการขุดค้นทางโบราณคดีในบริเวณเมืองเก่าสุโขทัย และยังมีส่วนจัดแสดงประวัติและผลงานของพระสวรรควรนายก อดีตเจ้าอาวาสวัดสวรรคารามและเจ้าคณะจังหวัดสวรรคโลก ผู้ก่อกำเนิดพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วย
มาเยือนพิพิธภัณฑ์แล้วก็อย่าเสียเที่ยว เดินข้ามถนนมาไหว้พระที่ “วัดสวรรคาราม” กันด้วย และมาชม “กุฏิฝรั่ง” แห่งวัดสวรรคาราม ที่อยู่ห่างจากโบสถ์ไม่มากนัก กุฏิหลังนี้เป็นตึกสูงสามชั้น สร้างในราวปี 2463 โดยชาวจีนผู้หนึ่ง เรียกกันว่า “จีนแส” สร้างในคราวที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 จะเสด็จประพาสเมืองศรีสัชนาลัย
เยือนสวรรคโลกกันไปแล้ว คราวนี้มาเที่ยว “ทุ่งเสลี่ยม” กันบ้าง สิ่งแรกเลยที่เราได้ทำเมื่อมาเยือนทุ่งเสลี่ยมก็คือการได้ไปกราบ “หลวงพ่อศิลา” ที่วัดทุ่งเสลี่ยม พระคู่บ้านคู่เมืองที่ชาวทุ่งเสลี่ยมและคนในพื้นที่ใกล้เคียงต่างเคารพศรัทธาเป็นอย่างสูง
“หลวงพ่อศิลา” เป็นพระพุทธรูปปางนาคปรกทรงเครื่อง แกะสลักจากหินทรายด้วยฝีมือประณีตงดงามยิ่งนัก องค์พระประทับนั่งบนขนดพญานาคเจ็ดเศียรแผ่พังพาน เป็นศิลปะลพบุรีที่ได้รับอิทธิพลจากขอมพุทธศตวรรษที่ 16-17
แต่เดิมหลวงพ่อศิลาประดิษฐานอยู่ที่ถ้ำเจ้าราม ได้มีชาวบ้านไปพบเจอท่านและต่อมาได้อัญเชิญท่านมาไว้ที่วัดทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม แห่งนี้ เล่ากันว่า ในปี 2520 หลวงพ่อศิลาถูกคนใจบาปโจรกรรมไปจากอุโบสถ ก่อนจะไปปรากฏอยู่ที่ประเทศอังกฤษ จากนั้นหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจึงร่วมมือประสานกันจนสามารถอัญเชิญหลวงพ่อศิลากลับสู่วัดทุ่งเสลี่ยมได้ดังเดิมในปี 2540 จนมาถึงปัจจุบัน
“ตะลอนเที่ยว” ก้มกราบหลวงพ่อศิลาด้วยความอิ่มเอมใจ ก่อนจะออกเดินทางท่องเที่ยวกันต่อ ใน อ.ทุ่งเสลี่ยมนี้เป็นแหล่งปลูกข้าวแหล่งใหญ่ของสุโขทัย หากใครอยากเห็นทุ่งนาเขียวๆ ต้องมาเที่ยวช่วงปลายฝน โดยเฉพาะในละแวก “ชุมชนเชิงผา” ต.กลางดง จะได้เห็นทุ่งนากว้างไกลมีฉากหลังเป็นเขาหินปูนรูปทรงแปลกตา มองเห็นเจดีย์สีทองของวัดกลางดงอยู่ไกลๆ แต่ในช่วงเข้าสู่ฤดูหนาวเช่นนี้ก็ไปเดินเล่นรับอากาศเย็นๆ ดูการเก็บเกี่ยว หรือจะหาร้านกาแฟนั่งจิบเครื่องดื่มสัมผัสกับชีวิตช้าๆ ของทุ่งเสลี่ยมกันได้
ส่วน “ตะลอนเที่ยว” ขอเดินทางต่อมายังเมืองเก่าสุโขทัย (อ.เมือง) มาถึงก็เย็นย่ำพอดี ได้มาเห็นแสงสุดท้ายของตะวันที่สาดส่องโบราณสถานให้เป็นสีทองงดงาม ในคืนนี้เราพักผ่อนกันที่เมืองเก่าสุโขทัย และเตรียมตัวที่จะไปตักบาตรวิถีไทย รับอรุณแห่งความสุขกันในเช้าตรู่วันพรุ่งนี้...
* * *
แสงแรกของวันเริ่มสาดส่อง ขณะที่ “ตะลอนเที่ยว” มารอใส่บาตรพระบริเวณสะพานไม้เกาะกลางน้ำ ของวัดตระพังทอง หน้าตลาดชุมชนเมืองเก่า
ภาพของพระสงฆ์ในจีวรสีส้มสว่างค่อยๆ เดินเรียงแถวข้ามสะพานไม้กลางสระตระพังทอง มีฉากหลังเป็นเจดีย์เก่าแก่สมัยสุโขทัย ท่ามกลางผู้ที่มารอใส่บาตรนั้น เป็นภาพที่สงบและสวยงามมากในสายตาของ “ตะลอนเที่ยว” จนต้องยกกล้องขึ้นเก็บภาพประทับใจ ก่อนจะร่วมใส่บาตรทำบุญตามวิถีชาวพุทธ
หลังจากเสร็จภารกิจการใส่บาตร อากาศสดใสยามเช้าที่แดดยังไม่แรงเกินไปแบบนี้เหมาะยิ่งนักที่จะปั่นจักรยานเที่ยวชมโบราณสถานมรดกโลกเมืองเก่าสุโขทัย เช้านี้ “ตะลอนเที่ยว” เลือกปั่นจักรยานชมโบราณสถานชั้นนอกเขตกำแพงเมือง ที่มีโบราณสถานเก่าแก่และยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ให้ได้ชมกันหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น วัดช้างล้อม วัดเชตุพน วัดเจดีย์สี่ห้อง และหากใครมีแรงเหลือ จะปั่นยาวๆ ไปชมวัดสะพานหิน และไปปั่นชมวัดสำคัญๆ อย่าง วัดมหาธาตุ วัดสระศรี วัดศรีสวาย ฯลฯ ซึ่งเป็นโบราณสถานชั้นใน ในเขตกำแพงเมืองด้วยก็ยังได้
ใครจะมาเที่ยวสุโขทัยในช่วงนี้ จะเลือกเส้นทาง “สวรรคโลก-ทุ่งเสลี่ยม-สุโขทัย” แบบที่ “ตะลอนเที่ยว” นำเสนอมานี้ ก็เชื่อว่าจะต้อง “เที่ยวแล้วสุข” สมชื่อเมือง “สุโขทัย” จริงๆ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สอบถามรายละเอียดการท่องเที่ยว อ.สวรรคโลก อ.ทุ่งเสลี่ยม และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของ จ.สุโขทัย ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุโขทัย (ดูแลพื้นที่สุโขทัย กำแพงเพชร) โทร.0 5561 6228-9
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com