หากคิดถึง “เพชรบูรณ์” แล้ว หลายต่อหลายคนคงนึกถึงแค่ เขาค้อ ภูทับเบิก น้ำหนาว ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของจังหวัดนี้ แต่อันที่จริงแล้ว ที่เพชรบูรณ์ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วัดวาอาราม พิพิธภัณฑ์ ชุมชน ที่เต็มไปด้วยศิลปวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์ แบบที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยไปสัมผัส
ด้วยเหตุนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้ร่วมมือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง พัฒนาสินค้าด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ใน จ.เพชรบูรณ์ โดยมีแนวทางในการพัฒนาได้แก่ พัฒนา ฟื้นฟู และเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัด ซึ่งเป็นที่มาของเส้นทางการท่องเที่ยวทั้งด้านประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร วิถีชุมชน โดยเฉพาะเส้นทางผ้าปักม้งอันมีเอกลักษณ์
ประวัติศาสตร์กว่า 1,000 ปี บนแผ่นดินเพชรบูรณ์
พื้นที่ของเพชรบูรณ์เมื่อกว่าพันปีที่แล้ว โดยเฉพาะใน อ.ศรีเทพ เป็นเมืองโบราณเก่าแก่ตั้งแต่ยุคทวารวดี ซึ่งสูญสลายไปหลายร้อยปี จนกระทั่งถูกค้นพบร่องรอยทางโบราณคดีที่ยืนยันได้ถึงการมีอยู่จริงของเมืองโบราณแห่งนี้ โดยสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จไปตรวจราชการที่มณฑลเพชรบูรณ์ และทรงเรียกเมืองนี้ว่า “เมืองศรีเทพ”
ภายใน “อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ” ลักษณะเป็นเมืองโบราณที่มีคูเมืองและกำแพงเมืองล้อมรอบ โดยแบ่งออกเป็น เมืองใน และ เมืองนอก
“เมืองใน” เมืองในมีแผนผังเมืองเป็นวงกลม มีช่องประตูเมือง 6 ช่อง มีโบราณสถานขนาดใหญ่ตั้งอยู่กึ่งกลางค่อนไปทางทิศตะวันตก ได้แก่ “ปรางค์ศรีเทพ” ที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบศิลปะเขมร สันนิษฐานว่าโบราณสถานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดู ราวพุทธศตวรรษ 16-17 และได้รับการซ่อมแซมให้เป็นพุทธสถานแบบมหายานในราวต้นพุทธศตวรรษ 18 แต่ไม่แล้วเสร็จ “ปรางค์สองพี่น้อง” ปราสาทประธานก่อด้วยอิฐแบบศิลปะเขมร มีปราสาทขนาดเล็กตั้งอยู่ทางทิศใต้ซึ่งสร้างขึ้นเพิ่มเติมอยู่บนฐานเดียวกัน จึงเป็นที่มาของชื่อปรางค์สองพี่น้อง นอกจากนี้ยังพบแนวทางเดิน และอาคารขนาดเล็กสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอีกหลายหลัง “เขาคลังใน” ศาสนสถานในพุทธศาสนา ซึ่งชื่อของเขาคลังในมีมาจากความเชื่อของคนท้องถิ่นที่เชื่อกันว่า เป็นคลังเก็บของที่มีค่าหรือคลังอาวุธสมัยโบราณ นอกจากนี้ภายในเมืองในยังพบโบราณสถานขนาดเล็กอีกหลายแห่ง รวมถึงสระน้ำและหนองน้ำที่กระจายอยู่ในพื้นที่เมืองใน
“เมืองนอก” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองใน มีคูเมืองกำแพงล้อมรอบทุกด้าน ผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีช่องประตูเมือง 6 ช่อง ภายในพบโบราณสถานขนาดเล็กจำนวน 64 แห่ง รวมทั้งมีสระน้ำขนาดเล็กตั้งกระจายอยู่ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีพื้นที่นอกเมืองศรีเทพที่ปรากฎโบราณที่สำคัญคือ “เขาคลังนอก” มีลักษณะเป็นฐานอาคารขนาดใหญ่ก่อด้วยศิลาแลง สันนิษฐานว่าเขาคลังนอกเป็นสถูปเจดีย์ทางพุทธศาสนา อายุราวพุทธศตวรรษ 13-14 ถือว่าเป็นโบราณสถานสมัยทวารวดีที่มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์มากที่สุดที่พบในปัจจุบัน “ปรางค์ฤๅษี” ลักษณะเป็นเทวาลัยศาสนาฮินดู มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบเขมรโบราณ ตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ปราสาทประธานมีขนาดเล็กก่อด้วยอิฐไม่สอปูน อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 ซึ่งมีอายุร่วมสมัยกับปรางค์ศรีเทพและปรางค์สองพี่น้อง และ “ถ้ำเขาถมอรัตน์” เป็นภูเขาขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองศรีเทพ ห่างออกไปราว 20 กิโลเมตร ภายในภูเขาแห่งนี้มีภาพสลักนูนต่ำเป็นภาพพระพุทธรูป และพระโพธิสัตว์ จำนวน 11 องค์ ภาพสลักเหล่านี้สร้างขึ้นเนื่องในพระพุทธศาสนาแบบมหายานลักษณะศิลปะทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 14
นอกจากอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพแล้ว ก็ยังมี “หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย” (อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์) ที่บอกเล่าเรื่องราวของเมืองเพชรบูรณ์ในทุกมิติ ผ่านนิทรรศการและการจัดแสดงที่แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น จากมณฑลสู่นครบาล วัดมหาธาตุ สมบัติเพชรบูรณ์ เป็นต้น
เที่ยววิถีเกษตรที่ “เขาค้อ”
ว่ากันว่า.. นอนเขาค้อหนึ่งคืน อายุยืนหนึ่งปี นั่นก็เพราะ “เขาค้อ” มีทิวทัศน์ที่งดงามของภูเขาสีเขียวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา รวมทั้งอากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย ทำให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตอีกแห่งของเพชรบูรณ์ ที่หลายคนนิยมมาสัมผัสอากาศดีๆ กับสายหมอกในยามเช้า
นอกจากแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแล้ว ที่เขาค้อก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เริ่มต้นจาก “ไร่อเมโซน” ที่นี่เป็นไร่เกษตรปลอดสารพิษในพื้นที่เนินเขาที่มีความสวยงาม ในอาณาจักรไร่อเมโซนมีแปลงปลูกผักนานาชนิด เช่น ไร่ข้าวลืมผัว แปลงปลูกสตรอว์เบอร์รี่ และผลไม้หลากหลายประเภท ทั้งหมดนี้เป็นการเกษตรบนวิถีปลอดสารพิษ คือไม่ใช้สารเคมีในทุกๆ กิจกรรม ผลผลิตที่ได้จึงดีต่อสุขภาพ และสร้างความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ และภายในไร่ก็ยังมีร้านอาหารเล็กๆ ที่ขายสินค้าสดและแปรรูปที่ผลิตจากไร่ แล้วก็ยังมีที่พักบรรยากาศดีสำหรับผู้ที่สนใจวิถีเกษตรแบบปลอดสาร
เยื้องกับไร่อเมโซนก็คือ “ไร่กาแฟจ่านรินทร์” เป็นไร่เล็กๆ เกิดจากความรักธรรมชาติของจ่านรินทร์ ข้าราชการตำรวจที่ได้ย้ายมาประจำการที่เขาค้อ และประทับใจในธรรมชาติ จึงได้ซื้อที่ดินพื้นที่เล็กๆ เพื่อปลูกพืชพรรณหลากหลายชนิด เป็นการทำการเกษตรแบบผสมผสาน และยังเลือกปลูกพืชที่เหมาะกับที่สูง และมีอากาศหนาวเย็น จึงทำให้ได้ผลผลิตที่ดีทั้ง แมคคาเดเมีย อะโวคาโด และเมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้า โดยพืชพรรณทุกชนิดในไร่จ่านรินทร์เป็นเกษตรอินทรีย์ทั้งหมด สามารถมานั่งชิมกาแฟที่ร้านกาแฟเล็กๆ หรือจะเดินชมแปลงปลูกกาแฟและโรงคั่วที่อยู่ด้านหลังร้านก็ได้
“หล่มสัก” เมืองเก่าเล่าเรื่องคนไทหล่ม
“หล่มสัก” (อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์) ชุมชนที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน เป็นเมืองที่มีความสำคัญอย่างยิ่งทางประวัติศาสตร์และเศรษฐกิจของเมืองเพชรบูรณ์ เทศบาลเมืองหล่มสักเล็งเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์เรื่องราว เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ความเป็นมา ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิถีชีวิตของชุมชน จึงเป็นที่มาของ “พิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์” ที่สะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของคนหล่มสัก และสื่อให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและสังคมของคนหล่มสักตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
อาคารประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นสำนักงานเทศบาลหลังเก่าถูกปรับปรุงให้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เล่าเรื่องราวของเมืองหล่มสัก ด้วยวิธีการเล่าเรื่องที่สนุกสนาน เข้าใจง่าย โดยในพิพิธภัณฑ์แบ่งการจัดแสดงเป็น 10 ห้อง ที่เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ ความเป็นมา ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิถีชีวิตของชุมชน
และอีกหนึ่งกิจกรรมที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาถึงเมืองหล่มสักก็คือ “ถนนคนเดินไทหล่ม” ซึ่งได้จัดให้มีทุกเย็นวันเสาร์ ที่ถนนหน้าพิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์ยาวไปถึงหอนาฬิกาเมืองหล่มสัก บนถนนคนเดินเส้นนี้เป็นบ้านไม้เก่าแก่ มีร้านรวงต่างๆ ที่เปิดขายของกินของฝาก และยังมีการแสดงทางวัฒนธรรมและของดีเมืองหล่มสักมากมาย
เที่ยวชุมชน ยลวิถีผ้าไทย ที่ “บ้านเข็กน้อย”
“บ้านเข็กน้อย” (อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์) คือชุมชนชาวม้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บรรพบุรุษของชาวม้งที่นี่มีบ้านเกิดเมืองนอนบนเทือกเขาสูงทางตอนใต้ของลุ่มแม่น้ำเหลืองในประเทศจีน ตั้งแต่ราว 3,000 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะเกิดภัยสงครามในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 และพากันลี้ภัยไปยังประเทศต่างๆ เช่น ประเทศลาว เวียดนาม พม่า และหลายพื้นที่ในประเทศไทย อย่างเช่นที่ “ภูหินร่องกล้า” ก็เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ชาวม้งเลือกตั้งมารกรากอยู่
ปัจจุบันบ้านเข็กน้อยมีประชากรชาวม้งอาศัยอยู่มากที่สุดในไทย ภายในหมู่บ้านก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ความเป็นตัวเองทางชาติพันธุ์เอาไว้ อย่างเช่น “เทศกาลปีใหม่ม้ง” ที่มาพร้อมการละเล่น แข่งรถไม้ ที่แล่นฉิวลงทางลาด บ้างพากันตีลูกข่าง บ้างพากันโยนลูกช่วง
นอกจากเทศกาลต่างๆ ของชาวม้งที่ยังคงอนุรักษ์ไว้แล้ว “ผ้าปักม้ง” ก็ยังเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของชาวม้ง เป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของชาวม้ง สำหรับใช้ในช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้น จนถึงเวลาสุดท้ายของชีวิต
“ผ้าปักม้ง” มีเอกลักษณ์โดดเด่นอยู่ที่ลายปักหลากสีสันด้วยเส้นด้ายสีต่างๆ ใช้เทคนิคการปักไขว้กันบนผืนผ้าคล้ายกับการปักครอสติส ต่อเรียงกันเป็นรูปทรงต่างๆ ตามจินตนาการและความทรงจำที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ลายที่ได้รับความนิยมคือ ลายดอกจับมือ, ลายดอกเหรียญ, ลายดอกพวง, ลายก้นหอย, ลายดอกไม้, ลายใบเฟิร์น, และลวดลายที่เกิดจากการใช้เทคนิคการปะสอยผ้าสีต่างๆ ซ้อนๆ กันเป็นลวดลาย ซึ่งเป็นวิธีการดั้งเดิมของชาวม้ง นอกจากการปักลวดลายด้วยเส้นด้าย เครื่องแต่งกายชาวม้งยังใช้เทคนิคการเขียนเทียนบนผืนผ้า ร่วมกับการย้อมสีคราม เป็นอีกหนึ่งงานเขียนที่ปราณีตและมีขั้นตอนซับซ้อน เริ่มจากการร่างตารางบนผืนผ้าเพื่อเป็นเส้นอ้างอิง และเขียนลวดลายด้วยสัดส่วนที่เท่าๆ กัน เขียนด้วยเทียนขี้ผึ้ง ก่อนจะนำไปย้อมสีครามจากธรรมชาติ และนำผ้าไปต้มน้ำร้อนให้เทียนขี้ผึ้งที่เขียนไว้ละลายออกไป คงเหลือไว้แต่ลวดลายสีขาวที่ไม่ถูกย้อมสี คล้ายกับเทคนิคการเขียนลายผ้าบาติค
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเส้นทางการท่องเที่ยวในจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ได้สัมผัสทั้งประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวม้ง ผู้ที่สนใจสามารถเดินทางตามเส้นทางนี้ หรือจะแวะเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในเพชรบูรณ์เพิ่มเติมก็น่าสนุกไม่น้อย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางการท่องเที่ยวได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพิษณุโลก (ดูแลพื้นที่พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และพิจิตร) โทร. 0-5525-2742-3
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com