“ตาก มีมากกว่าที่คิด”
สโลแกนท่องเที่ยวกิ๊บเก๋ที่แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดตาก ที่มากไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทั้งขุนเขา ป่าไม้ สายน้ำตก วิถีชีวิต วัฒนธรรม วัดวาอารามอันสวยงาม รวมไปถึงบรรยากาศแห่งการชอปปิ้งของเมืองชายแดนอันคึกคัก
ด้วยความหลายหลาก มีมากกว่าที่คิดของทรัพยากรธรรมชาติและสถานที่ท่องเที่ยว ตากจึงเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวกลุ่มสุภาพสตรีได้เป็นอย่างดี
ด้วยเหตุนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ภูมิภาค ภาคเหนือ และททท.สำนักงานตาก จึงได้จัดเส้นทางท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยว“กลุ่มผู้หญิง” ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่กำลังมาแรงและมีคุณภาพ โดยพาไปสัมผัสกับมนต์เสน่ห์อันหลากหลายของจังหวัดตาก ทั้งตากฝั่งตะวันออกที่มีอำเภอเมืองตากเป็นศูนย์กลาง และตากฝั่งตะวันตกที่อำเภอแม่สอดเป็นศูนย์กลาง ในเส้นทาง “กรุงเทพฯ-ตาก-แม่สอด” รวมระยะเวลา 4 วัน 3 คืน
นับเป็นเส้นทางท่องเที่ยวอันหลากหลาย ครบรส ครบเครื่องเรื่องกิน เที่ยว ชอป พร้อมทั้งยังใส่ใจในเรื่องสุขภาพให้บรรดาสุภาพสตรีนักท่องเที่ยวได้ฟิน สบายกาย สบายใจ กันอย่างถ้วนทั่วหน้า
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช-บ้านปากร้องห้วยจี้
วันแรก
จากกรุงเทพมหานครเมื่อมาถึงยังตัวเมืองตาก จุดแรกคณะเราเอาฤกษ์เอาชัยเปิดประเดิมทริปด้วยการไปไหว้ “ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช”(ถ.จรดวิถีถ่อง อ.เมือง) หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญคู่บ้านคู่เมืองตาก ที่ใครมาเที่ยวเมืองตากไม่ควรพลาดการไปกราบสักการะ
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินเป็นอาคารทรงจัตุรมุข ภายในประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริงเล็กน้อย ในพระอิริยาบถประทับบนราชอาสน์ มีพระแสงดาบพาดอยู่ที่พระเพลา(ขาหรือตัก)
ด้านหลังศาลมีรูปปั้นม้าศึก ช้างศึก และไก่ชนจำนวนมากที่คนแก้บนนำมาถวาย ส่วนบริเวณศาลด้านข้างมีลานเทิดพระเกียรติและ “สวนสิบสองนักษัตร” อันร่มรื่น
ออกจากศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จุดต่อไปเรามุ่งหน้าสู่ “บ้านปากร้องห้วยจี้” (หมู่ 2 ต.ตากออก อ.บ้านตาก) เพื่อไปชม ชอป ผลิตภัณฑ์อันหลากหลายของชุมชนแห่งนี้ ที่เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวซึ่งการันตีด้วยรางวัล “สุดยอดหมู่บ้านท่องเที่ยวโอทอป” หรือ “หมู่บ้าน OVC”(OTOP Village Champion)
บ้านปากร้องห้วยจี้ เป็นชุมชนที่ชาวบ้านทำการเกษตรปลูกพืชผักทำไร่ทำนาเป็นหลัก แต่ด้วยความที่ในบริเวณหมู่บ้านมีป่าชุมชนที่อุดมไปด้วยต้นลานและต้นตาล ชาวบ้านที่นี่จึงมีการทำผลิตภัณฑ์จากต้นตาล ต้นลาน ส่งขายเป็นอาชีพเสริม โดยเฉพาะการทำงานหัตถกรรม“หมวกใบลาน”และ“หมวกใบตาล”ของหมู่บ้านแห่งนั้น สวยงาม มีคุณภาพดี จนได้รับรางวัล“โอทอป 4 ดาว”อันขึ้นชื่อของจังหวัดตาก
คณะเลดี้ทริปของเราเมื่อมาถึงที่นี่ คณะแม่บ้านเกษตรกรที่นำโดย“คุณป้าทองคำ ยมเกิด”(อดีตผู้ใหญ่บ้าน) ต่างก็ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยได้สาธิตกระบวนการทำหมวกใบลานหมวกใบตาลให้ชมกัน พร้อมทั้งยังเปิดโอกาสให้สาวๆผู้สนใจได้ร่วมเรียนรู้ ทดลองถักสานหมวกใบลาน หมวกใบตาลกันอย่างใกล้ชิด
จากการได้ชมการสาธิตทำให้“ตะลอนเที่ยว”รู้ว่า กว่าจะได้มาซึ่งหมวกแต่ละใบนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากเทียบกับราคาหมวกของหมู่บ้านแห่งนี้ที่ถูกมากหากเทียบกับราคาทางท้องตลาด(เนื่องจากไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง) ดังนั้นใครที่จะซื้อหมวกติดไม้ติดมือกลับไป จึงไม่ควรต่อราคาด้วยประการทั้งปวง
นอกจากหมวกแล้วบ้านปากร้องห้วยจี้ ยังมีสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนหลากหลายให้เลือกซื้อเลือกหา ไม่ว่าจะเป็น ของที่ระลึกจากใบลาน-ใบตาล น้ำตาลปึก น้ำตาลสด ส้มลิ้ม (มะม่วงกวนตากแห้ง จะขายในช่วงกุมภาพันธ์ - มิถุนายน) เสื้อผ้า ผ้าทอลายเกล็ดเต่า เป็นต้น
วัดพระบรมธาตุ-เขื่อนภูมิพล
จุดหมายลำดับถัดไป เรายังอยู่กันที่ อ.บ้านตาก กับสถานที่สำคัญต้องห้ามพลาดของอำเภอแห่งนี้นั่นก็คือ “วัดพระบรมธาตุบ้านตาก” หรือ“วัดพระบรมธาตุ” (ต.เกาะตะเภา อ.บ้านตาก)
วัดพระบรมธาตุบ้านตาก เป็นหนึ่งในวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองตาก ภายในวัดโดดเด่นไปด้วยพระบรมธาตุเจดีย์สีทองอร่ามที่ได้รับอิทธิพลมาจาก“พระมหาเจดีย์ชเวดากอง”เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ ซึ่งเป็นพระธาตุประจำตัวคนเกิดปีมะเมีย(ม้า)ตามคติความเชื่อของล้านนาโบราณ
วัดพระบรมธาตุบ้านตาก จึงเป็นหนึ่งในวัดประจำปีเกิดของคนเกิดปีมะเมียในบ้านเรา ที่ผู้คนนิยมเดินทางไปกราบไหว้องค์พระธาตุเจดีย์วัดแห่งนี้ ที่เป็นดังตัวแทนของพระมหาเจดีย์ชเวดากองอันลือลั่น
นอกจากองค์พระธาตุเจดีย์แล้ว วัดพระบรมธาตุบ้านตากยังมีอีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญคือ “หลวงพ่อทันใจ”(พระพุทธรูปที่สร้างเสร็จภายในหนึ่งวัน) ซึ่งเป็นที่ร่ำลือในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ มีคนเดินทางมาขอพรท่านกันไม่ขาดสาย ด้วยเชื่อว่าเมื่ออธิษฐานขออะไรก็จะได้ทันอกทันใจสมชื่อท่าน
จากนั้นบรรดาเหล่าคณะสุภาพสตรีเลดี้ทริป ออกเดินทางต่อสู่ อ.สามเงา เพื่อไปเที่ยวชมความสวยงามของ“เขื่อนภูมิพล”อันยิ่งใหญ่อลังการ
เขื่อนภูมิพลเป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของเมืองไทย สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2495 เป็นเขื่อนคอนกรีตรูปโค้งที่ใหญ่และสูงที่สุดในประเทศไทย มีความสูงจากฐานถึงสันเขื่อนถึง 154 เมตร สร้างกั้นแม่น้ำปิงบริเวณเขาแก้ว อ.สามเงา
เขื่อนภูมิพลมีทัศนียภาพของอ่างเก็บน้ำที่สามารถมองเห็นทะเลสาบแม่ปิงอันสวยงาม ภายในทะเลสาบมีที่พัก สามารถนั่งเรือ-แพ ชมวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบแม่ปิง และเที่ยวชมสิ่งน่าสนใจในบริเวณเขื่อน อาทิ พระพุทธบาทเขาหนาม เกาะวาเลนไทน์ พระธาตุผาไข่อินทร์แขวน หมู่บ้านชาวประมงน้ำจืด วัดพระธาตุแก่งสร้อย หรือจะล่องยาวไปจนถึงดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ก็ได้
หลังเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันสวยงามของเขื่อนภูมิพล “ตะลอนเที่ยว” กับคณะสาวๆเดินทางกลับเข้าสู่ตัวเมืองตากอีกครั้ง โดยระหว่างทางเราแวะจิบกาแฟ-เครื่องดื่มกันที่ร้าน “Bed Bar Caffe กาแฟสด&เบเกอรี่”(ต.สามเงา อ.สามเงา) ที่อยู่ไม่ไกลจากเขื่อนภูมิพล
ร้าน Bed Bar Caffe เป็นร้านกาแฟสไตล์โมเดิร์น ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ร้านนี้นอกจากจะมีกาแฟ-เครื่องดื่มรสดีแล้ว ก็ยังมีเค้ก เบเกอรี่ สมูทตี้ และมุมกิ๊บเก๋ให้ถ่ายรูปกันในหลายจุดด้วยกัน รวมถึงมีที่พักห้องละ 500 บาท ไว้บริการที่บริเวณหลังร้าน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้มาเที่ยวเขื่อนภูมิพล
สะพานแขวนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี
เมื่อจิบกาแฟสดชื่นกระชุ่มกระชวยแล้ว เรามุ่งหน้าสู่ตัวเมืองตาก เพื่อไปชมบรรยากาศยามเย็นริมแม่น้ำปิงกันที่ “สะพานแขวนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี” ซึ่งเป็นสะพานแขวนยาวประมาณ 700 เมตร สร้างทอดยาวข้ามแม่น้ำปิง
ภายหลังการปรับปรุงใหม่สะพานแขวนฯแห่งนี้ได้เปิดให้ขึ้นไปเดินเล่น นั่งพักผ่อน ปั่นจักรยาน ถ่ายรูป เซลฟี่ วีฟี่ กันเป็นที่เพลิดเพลิน
ขณะที่บริเวณรอบข้างของสะพานแขวน ถือเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำปิงยามเย็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความงดงามมาก บริเวณนี้มีหลายจุดหลายมุมให้นั่งพักผ่อน ชมแม่น้ำปิงไหลเอื่อยๆไปพร้อมๆกับบรรยากาศยามโพล้เพล้ที่ดวงตะวันค่อยลาลับเหลี่ยมเขา ท่ามกลางองค์ประกอบของแม่น้ำปิงที่มีสะพานแขวนทอดยาวข้ามผ่านอย่างสวยงาม จนถูกยกให้เป็นหนึ่งในจุดชมวิวริมแม่น้ำปิงที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย
ต่อจากนั้นเราไปปิดทริปวันแรกกันที่“ร้านไอยราวดี”(ต.ป่ามะม่วง อ.เมือง)ร้านอาหารริมแม่น้ำปิง บรรยากาศดี มีดนตรีไพเราะเล่นคลอเบาๆ ร้านนี้มีเมนูหลากหลายให้เลือกลิ้มลอง ทั้งอาหารไทย อาหารฟิวชั่น นำโดยเมนูไฮไลต์คือ ซี่โครงหมูอบบาร์บีคิว ขาหมูไอยรา ไส้กรอกฮาวาย นอกจากนี้ยังมี “ยำข้าวเกรียบงาดำ” อาหารถิ่นขึ้นชื่อของตากเป็นอีกหนึ่งเมนูชูโรง เป็นยำที่ใช้ข้าวเกรียบมีงาในแบบพื้นเมืองของจังหวัดตากมายำในสูตรเฉพาะของร้าน
รวมถึงมีเมนูออกใหม่คือ“ไส้กรอกถั่ว” ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านชวนกินของเมืองตาก การทำคล้ายกับการทำไส้กรอก(อีสาน) หรือไส้อั่ว แต่เปลี่ยนจากหมูหรือเนื้อที่ใส่เป็นไส้ในมาเป็นถั่วบดผสมสมุนไพร แล้วนำไปย่างไฟอ่อนๆให้สุกหอมทั่วถึงกัน กินเป็นอาหารว่างหรือของกินเล่น อร่อยเพลินปากไม่น้อย
กินอร่อยถั่วแปบ-เมี่ยงจอมพล
เช้าวันใหม่(วันที่ 2)
ช่วงเช้านี้เรายังคงอยู่ในตัวเมืองตาก โดยหลังจากหลังมื้อเช้า คณะเรามีโปแกรมไปตระเวนกินอาหารรสเด็ดประจำถิ่นกันให้อิ่มหนำจุใจ เริ่มจาก ไปชิมขนมถั่วแปบเจ้าดังคู่เมืองตากที่ร้าน “ขนมถั่วแปบแป้งสดหนูนาง” ที่ตั้งอยู่ที่ แยกรมณีย์ ถ.ตากสิน ต.หนองหลวง อ.เมือง (ใกล้ๆกับวัดโบสถ์มณีศรีบุญเรือง)
ขนมถั่วแปบร้านนี้มีจุดเด่นที่ใช้แป้งสด จึงสามารถคงความนุ่มเหนียวของแป้งไว้ได้นาน แม้ถูกแช่ในตู้เย็น นำออกมาแป้งก็ยังคงนุ่มอยู่
ขณะที่วัตถุดิบนั้นต่างคัดสรรของดีมาทำ เน้นรสชาติที่ไม่หวานมาก พร้อมกับการปรุงสดๆใหม่ๆจากเตาด้วยสีสันหน้าตาชวนกิน มีแป้ง 3 สี จาก 3 ส่วนผสม คือ แป้งสีเขียวผสมของใบเตย สีเหลืองผสมฟักทอง และสีม่วงผสมของดอกอัญชัน กินแล้วอร่อยเพลินไม่น้อย (ขายกล่องละ 25 บาท/6 ตัว) และมีขายเฉพาะช่วงเช้าเท่านั้น
ต่อจากถั่วแปบเราไปกินอีกหนึ่งอาหารถิ่นขึ้นชื่อของจังหวัดตากนั่นก็คือ “เมี่ยงจอมพล” หรือ “เมี่ยงเต้าเจี้ยว” ที่ “ร้านเมี่ยงจอมพล รุ่นที่ 3 (หลานป้าอ้วน)” ที่ตั้งอยู่ที่ ถ.รามคำแหง แยกป่าไม้เก่า บ้านหัวเดียด ต.หัวเดียด อ.เมืองตาก
เมี่ยงจอมพลที่นี่เด่นในเรื่องของวัตดุดิบ สดใหม่ และทำเองหมด โดยเฉพาะกับเต้าเจี้ยวที่ทำเอง และข้าวพองกรุบกรอบ รวมถึงพริกแห้งที่คั่วเองช่วยเพิ่มรสชาติสำหรับผู้นิยมความเผ็ด
เมี่ยงจอมพลร้านนี้มี 2 แบบให้เลือกกินทั้งแบบเมี่ยงห่อใบชะพลู และเมี่ยงห่อข้าวเกรียบงาดำ กับส่วนประกอบของเมี่ยงที่มากไปด้วยสมุนไพร เวลากินให้ราดด้วยเต้าเจี้ยวที่รสออกเปรี้ยวเค็มกำลังดี กินพร้อมกับส่วนผสมต่างๆ เด็ดอย่าบอกใคร
แม่สอด-วัดโพธิคุณ-บ้านโพธิ์ทอง
ต่อจากนั้น คณะเลดี้ทริปออกเดินทางจากตัวเมืองตาก มุ่งหน้าสู่อำเภอแม่สอด อำเภอชายแดนไทย-เมียนมาร์ หนึ่งในเมืองการค้าชายแดนสำคัญอันคึกคักของบ้านเรา
เมื่อเข้าเขตอำเภอแม่สอด เราไม่พลาดการไปเที่ยวชม “วัดโพธิคุณ” ที่ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยเตย ต.แม่ปะ อ.แม่สอด ใกล้ถนนหมายเลข 12 ระหว่างทางตาก-แม่สอด(ห่างจากตัวอำเภอแม่สอดประมาณ 11 กิโลเมตร)
วัดโพธิคุณ เป็นหนึ่งในวัดงามของเมืองตาก เป็นวัดฝ่ายอรัญวาสี(วัดป่า) ภายในวัดโดดเด่นไปด้วยพระอุโบสถ(โบสถ์) ขนาดใหญ่ 3 ชั้น ที่ออกแบบโดย อ.ศมประสงค์ ชาวนาไร่ จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ที่อุทิศตนออกแบบ รวมถึงใช้เวลาก่อสร้างอยู่นานถึง 18 ปี โดยไม่ขอรับค่าจ้างแต่อย่างใด
โบสถ์วัดโพธิคุณมีลักษณะแบบโบสถ์ตกท้องช้างสมัยอยุธยา มีฐานโบสถ์แอ่นโค้งคล้ายท้องเรือสำเภา เพื่อลดทอนความแข็งกระด้างและความหนักอึ้ง
ด้านหนึ่งของโบสถ์มีมุขยื่นออกมาเป็นส่วนของทางเข้า บริเวณรอบโบสถ์ประดับไปด้วยลวดลายปูนปั้นอันอ่อนช้อย โดยเฉพาะที่หน้าบันที่ช่างสามารถสร้างสรรค์ลวดลายปูนปั้นออกมาได้อย่างวิจิตรงดงาม
ภายในโบสถ์ในส่วนชั้น 2 มี “พระทศพลญาณ” ตั้งโดดเด่นเป็นองค์พระประธานอันงดงาม ส่วนชั้น 3 ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา มีการประดับตกแต่งอย่างประณีตสวยงาม มีพระประธานปางมารวิชัยองค์ใหญ่สีทองประดิษฐานอยู่กลางห้องดูงดงามเปี่ยมศรัทธา
นอกจากโบสถ์อันวิจิตรสวยงามแล้ว วัดโพธิคุณยังเป็นแหล่งเรียนรู้ทางศาสนา ซึ่งเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนมาร่วมปฏิบัติธรรม นั่งวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อชำระล้างจิตใจในทุกวันอาทิตย์และวันสำคัญต่างๆทางศาสนาอีกด้วย
สถานที่ถัดไป เรามุ่งหน้าสู่“บ้านโพธิ์ทอง” ต.แม่กาษา อ.แม่สอด ซึ่งเป็นหมู่บ้านโอทอปเพื่อการท่องเที่ยว ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้แนวคิด “ฮักนะแม่กาษา” ซึ่งเชื่อมโยงสิ่งน่าสนใจต่างๆภายในตำบลแม่กาษาเข้าไปด้วยกัน
บ้านโพธิ์ทอง มี“เฮือนฮอมฮักฮอมแฮง” เป็นจุดต้อนรับนักท่องเที่ยว ภายในศูนย์มีการสาธิตการทำไม้กวาด การทอผ้า การปั่นฝ้าย หีบฝ้าย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถร่วมทดลองทำ โดยมีคุณป้าผู้ใจดีคอยให้คำแนะนำ
นอกจากนั้นที่บ้านโพธิ์ทองยังมีการทำขนมวง ข้าวแคบ ขนมกล้วย เป็นกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวทดลองทำ และมีการทำ “บ้านน้อย” ซึ่งเป็นเรือนขนาดเล็กที่สร้างอุทิศให้กับผู้เสียชีวิต และการทำดอกไม้จันทน์ เป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของชุมชน รวมถึงภายในหมู่บ้านยังมีโฮมสเตย์ มีจักรยานไว้ให้นักท่องเที่ยวที่มาพักค้าง หรือมาท่องเที่ยวได้ปั่นสัมผัสวิถีชุมชน หรือท่องเที่ยวชมสิ่งน่าสนใจต่างๆในตำบลแม่กาษา
แช่น้ำแร่โป่งคำราม-น้ำพุร้อนแม่กาษา-น้ำตกแม่กาษา
ตำบลแม่กาษาเป็นชุมชนที่ขึ้นชื่อในเรื่องของน้ำแร่ร้อน ซึ่งมีทั้งแหล่งน้ำแร่“โป่งคำราม”และ “บ่อน้ำพุร้อนแม่กาษา”ให้เลือกพักผ่อนหย่อนใจ
บ่อน้ำแร่โป่งคำราม เป็นแหล่งแช่น้ำแร่ในบรรยากาศธรรมชาติ มีการนำน้ำแร่ต่อท่อขนาดใหญ่มายังถังไม้(แบบญี่ปุ่น)ให้เราลงไปแช่ตัว(ในถังใบใหญ่) หรือแช่เท้า(ในถังใบเล็ก) เพื่อบำบัดผ่อนคลายกันอย่างสุขกายสบายใจ ท่ามกลางบรรยากาศแวดล้อมของท้องทุ่งนาอันเขียวขจี
นอกจากนี้บ่อน้ำแร่โป่งคำรามยังมีบ่อน้ำผุดซึ่งเป็นต้นธารของน้ำแร่ร้อนที่หน้าศาลพ่อปู่โป่งคำราม ให้เราได้เดินไปเที่ยวชม และสัมผัสน้ำแร่ร้อนที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินกันแบบถึงที่
ส่วนบ่อน้ำพุร้อนแม่กาษา เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของ อ.แม่สอด ที่มีการพัฒนาพื้นที่รอบข้างอย่างดี มีบ่อหลัก อุณหภูมิสูงประมาณ 75 องศาเซลเซียส มีสายน้ำไหลพวยพุ่งดุจดังน้ำพุออกมาอยู่ตลอดเวลา
น้ำพุร้อนจากบ่อหลักนี้ มีการทำลำธารซีเมนต์ไว้ให้นั่งแช่เท้าผ่อนคลายกันอย่างสุดฟิน ส่วนถ้าหากใครอยากอาบน้ำหรือแช่น้ำแร่ก็มีส่วนของห้องอาบน้ำแร่ไว้ให้บริการ
ใน ต.แม่กาษา ยังมี“น้ำตกแม่กาษา”เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่มีคนนิยมเดินทางมาเล่นน้ำ ท่องเที่ยว พักผ่อนที่น้ำตกแห่งนี้กันเป็นจำนวนมาก
น้ำตกแม่กาษา เป็นน้ำตกขนาดกลาง มีความสูงราว 8 เมตร สายน้ำไหลลงมาจากหน้าผาหินเป็นสายลงมาสู่ผืนดินเบื้องล่าง ซึ่งปัจจุบันมีการจัดสร้างบริเวณแอ่งน้ำตกเป็นสระน้ำอย่างดี มีทั้งสระตื้นสำหรับเด็กเล็ก และสระที่ลึกขึ้นมาหน่อยสำหรับผู้ใหญ่และเด็กโต นับเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามและได้รับความนิยมไม่น้อยเลย
หลังแช่น้ำแร่ที่บ่อน้ำพุร้อนแม่กาษากันเป็นที่เพลิดเพลิน คณะเราไปปิดท้ายโปรแกรมวันที่ 2 กันที่ร้าน“ข้าวเม่า ข้าวฟ่าง” (ถ.แม่สอด-แม่ระมาด ต.แม่ปะ อ.แม่สอด) ร้านอาหารชื่อดังประจำอำเภอแม่สอด
ร้านข้าวเม่า ข้าวฟ่าง ตกแต่งร้านให้มีบรรยากาศเสมือนนั่งอยู่ในสวนป่าอันร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ มากไปด้วยดอกไม้ ต้นไม้พื้นเมือง มีลำธาร น้ำตก และบรรยากาศร้านที่นำไม้เก่า ไม้ผุ ตอไม้ตาย มาตกแต่งได้อย่างสวยงามมีชีวิตชีวา
ขณะที่อาหารของที่นี่หลักๆจะเป็นอาหารไทย อาหารพื้นเมือง เน้นรสชาติกลมกล่อม โดยมีเมนูแนะนำ อาทิ ยำดอกสลิดกุ้งสด ฉู่ฉี่ปลาฟู แกงผักเสี้ยวปลาย่าง ลาบคั่วแห้ง และข้าวเม่าเสวย เป็นต้น
นับเป็นมื้อเย็นส่งท้าย ก่อนส่งเหล่าสาวๆคณะเลดี้ทริปเข้านอนด้วยความอิ่มหนำ หลับฝันดี
น้ำตกพาเจริญ-น้ำตกป่าหวาย
เช้าวันที่สาม
วันนี้โปรแกรมในช่วงเช้า เราไปซอฟต์แอดเวนเจอร์ด้วยการไปตะลุย 2 น้ำตกงาม กันที่“อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ” แห่ง อ.พบพระ
เริ่มกันด้วย“น้ำตกพาเจริญ” หนึ่งในน้ำตกขึ้นชื่อของจังหวัดตากที่มีคนนิยมมาท่องเที่ยวและพักผ่อนเป็นจำนวนมาก
น้ำตกพาเจริญเป็นน้ำตกหินปูนที่เกิดจากลำห้วยหลายสายไหลมารวมกับน้ำซับบนเขา แล้วไหลเป็นสายน้ำตกลงสู่เบื้องล่าง มีลักษณะเป็นชั้นใหญ่ชั้นเดียว แต่มีชั้นเล็กๆน้อยๆอีกจำนวนมาก นับรวมกันได้มากถึง 97 ชั้น
สายน้ำตกพาเจริญ จะไหลลดหลั่นผ่านชั้นหินดูคล้ายบันไดขาวฟูฟ่องสวยงามมาจนถึงแอ่งลำธารเบื้องล่างที่สามารถลงเล่นน้ำได้ ในท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติของแมกไม้อันร่มรื่น
สำหรับผู้ที่ไปเที่ยวน้ำตกพาเจริญในช่วงฤดูฝนราวเดือน ส.ค.-ต.ค. จะได้พบกับ“ดอกกระเจียวส้ม” สีสด บนพื้นที่ 10 กว่าไร่ ที่ทางอุทยานฯปลูกประดับไว้เป็นจำนวนมาก ในพื้นที่รอบบริเวณน้ำตก มองเห็นเป็นสีส้มสดตัดกับสีเขียวของต้นกระเจียวและต้นไม้ใบหญ้าอื่นๆดูงดงามไม่น้อย นับเป็นเสน่ห์พิเศษของน้ำตกพาเจริญที่พบได้เฉพาะในหน้าฝนเท่านั้น
ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญยังมี “น้ำตกป่าหวาย” เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวอันโดดเด่น ซึ่งอยู่ห่างจากน้ำตกพาเจริญประมาณ 14 กม. จากจุดจอดรถจะมีทางเดินลงสู่ตัวน้ำตก ผ่านลำธารแมกไม้อันร่มรื่น
น้ำตกป่าหวายเป็นน้ำตกหินปูนที่เกิดจากลำห้วยป่าหวาย มีสายน้ำไหลอยู่ตลอดทั้งปี บริเวณน้ำตกมีต้นหวายขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้ชื่อ “น้ำตกป่าหวาย”
น้ำตกป่าหวาย มีชั้นหลักๆทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน แต่ละชั้นแบ่งเป็นชั้นย่อยๆอีกจำนวนมาก นับรวมแล้วเกินกว่าร้อยชั้น ซึ่งตัวน้ำตกแต่ละชั้นจะมีสายน้ำไหลฟูฟ่องลดหลั่นลงมาตามชั้นหินน้อยใหญ่ ในตัวน้ำตกมีต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นแซม ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นสวยงาม
สวนส้มร่มเกล้า
เสร็จจากการลุยเที่ยวน้ำตกป่าหวายกันแบบเปียกพองาม จุดต่อไปคณะเราเปลี่ยนบรรยากาศไปท่องเที่ยวเชิงเกษตรกันที่ “สวนส้มร่มเกล้า” (ม.4 ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ)
สวนส้มร่มเกล้า เป็นแหล่งศึกษาดูงานด้านการเกษตรที่น่าสนใจมากอีกแห่งหนึ่งใน จ.ตาก สวนแห่งนี้มี คุณ“อำไพ ศิริรักนาวี” หรือ “คุณหมวย”กับครอบครัว เป็นเจ้าของสวนดูแลพื้นที่สวนกว่า 300 ไร่
สวนส้มร่มเกล้าปลูกส้มพันธุ์สายน้ำผึ้งและพันธุ์โอเชี่ยน ภายในสวนจะมีส้มให้กินและส้มส่งขายสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นช่วงตลอดทั้งปี อีกทั้งในแปลงส้มยังมีการปลูกดอกไม้แซมประดับอย่างสวยงามให้บรรยากาศคล้ายรีสอร์ตดูเก๋ไก๋ไม่น้อย
นอกจากส้มแล้วที่นี่ยังปลูกพืชผลอื่นๆ อาทิ มัลเบอร์รี(หม่อน) เสาวรส แมคคาเดเมีย และอะโวคาโด เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันทางสวนร่มเกล้าได้นำพืชผลเหล่านี้ไปแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้บริโภค
ขณะที่ในส่วนของอะโวคาโด วันนี้ทางสวนร่มเกล้าได้จัดทำโครงการ “คืนอะโวคาโดสู่แผ่นดิน” โดยทางสวนทำการปลูกเพาะกล้าอะโวคาโดไว้นับหมื่นต้น สำหรับแจกจ่ายให้กับผู้สนใจฟรี! เพื่อให้นำอะโวคาโดไปปลูกเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับโลก และให้คนตระหนักถึงการอนุรักษ์ธรรมชาติ ลดการตัดไม้ทำลายป่า
ส่วนเหตุที่เลือกอะโวคาโด เพราะเป็นพืชที่เจริญเติบโตง่ายในพื้นที่ ผลผลิตมีราคาสูงเป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ปลูกได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญต้นอะโวคาโดที่นำไปปลูก ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชน เนื่องจากเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในพื้นที่สูง อย่างเช่นพื้นที่ชายแดนของ จ.ตาก นอกจากนี้ผลผลิตยังเป็นที่ต้องการของตลาด มีราคาจำหน่ายที่สูงอีกด้วย
ทั้งนี้ผู้สนใจต้องการอะโวคาโดไปปลูก หากเป็นหน่วยงานจะได้ต้นกล้าเต็มตามจำนวนที่ขอ แต่หากเป็นบุคคล จะได้รับคนละไม่เกิน 10 ต้น เพื่อให้ต้นกล้ากระจายไปตามพื้นที่ต่างๆอย่างกว้างขวางและผู้ที่สนใจได้รับกันอย่างทั่วถึง
สำหรับผู้ที่อยากช่วยในโครงการนี้ หากเป็นคนที่ไปซื้อผลอะโวคาโดที่สวนส้มร่มเกล้าเมื่อกินเนื้ออะโวคาโดแล้ว คุณหมวยขอความร่วมมือให้ช่วยส่งเมล็ดกลับคืนเพื่อนำไปเพาะกล้า ขณะใครที่กินอะโวคาโดจากที่อื่นๆก็สามารถส่งเมล็ด ที่ปกติเรากินแล้วทิ้งไปร่วมบริจาคให้กับโครงการดังกล่าวได้ที่สวนส้มร่มเกล้า(ตามที่อยู่ข้างล่าง)
โรชา คาเฟ่-ธาราสปา
หลังเพลิดเพลินที่สวนส้มร่มเกล้ากันอยู่พักใหญ่ คณะเลดี้ทริปเดินจาก อ.พบพระ กลับสู่ตัวเมืองแม่สอด โดยระหว่างทางพวกกเราแวะไปฟินกันที่ “โรชา คาเฟ่” (ต.ช่องแคบ อ.พบพระ) ซึ่งวันนี้ถือเป็นไฮไลท์ใหม่ใน อ.พบพระ
โรชา คาเฟ่(Rocha Cafe) เป็นร้านกาแฟ เบเกอร์รี่ที่มีบรรยากาศดีมาก ตั้งอยู่บนเนินกลางทุ่งนา สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของทุ่งนาป่าเขารอบข้าวได้อย่างสวยงาม ขณะที่ตัวร้านนั้นสร้างในลักษณะของโรงนาฝรั่ง ภายในมี 2 ชั้น ตกแต่งอย่างกิ๊บเก๋ มีมุมน่ารักให้ถ่ายรูปอยู่หลายจุดด้วยกัน
จากนั้นคณะเลดี้ทริปไปฟินสบายด้วยการทำสปางากันที่ “ธาราสปา แม่สอด” (ต.แม่ปะ อ.แม่สอด) ซึ่งมีซิกเนเจอร์คือการนำงาชั้นดีของเมืองตากที่มีคุณสมบัติช่วยในการขัดผิว มาเป็นส่วนผสมในน้ำมันนวด สาวๆที่มาทำสปา มานวดที่นี่ นอกจากจะได้ผ่อนคลายสบายตัวแล้ว ยังได้ผิวที่เนียนใสเต่งตึงกลับไป
ต่อจากนวดเราไปปิดทริปวันที่ 3 กันที่“ร้าน บ.กุ้งเผา(เฮียเยี้ยว) แม่สอด”(ถ.อินทรคีรี ต.แม่สอด อ.แม่สอด) ด้วยการกินกุ้งแม่น้ำเผาตัวโตๆอาหารทะเลอร่อยๆ ซึ่งกุ้งแม่น้ำและอาหารทะเลที่นี่ เขาใช้วัตถุดิบสดใหม่สั่งตรงจากพม่า กินกุ้งเผา ซีฟู้ด ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มรสเด็ด งานนี้เล่นเอาสาวๆหลายๆคนในทริปกินกันอย่างเอร็ดอร่อยแบบไม่กลัวอ้วน
โรตีโอ่ง-ตลาดริมเมย
วันสุดท้าย(วันที่ 4)
เช้านี้คณะเราตื่นแต่เช้าเพื่อไปสัมผัสกับวิถีชาวแม่สอด พร้อมไม่พลาดการไปลิ้มลอง“โรตีโอ่ง”(ตรงข้ามกรมปศุสัตว์ อ.แม่สอด) ซึ่งเป็นร้านโรตี ชา กาแฟ แกงกะหรี่ แกงมัสมั่น เจ้าดังต้องห้ามพลาดสำหรับผู้มาเยือนแม่สอด
ร้านโรตีโอ่งร้านนี้ยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศแบบดั้งเดิม ยามเช้าจะมีสภาพกาแฟจากบรรดาผู้อาวุโสมานั่งจิบกาแฟพูดคุยอันอย่างออกรสชาติ ขณะที่จุดเด่นสำคัญที่ดึงดูดให้ผู้คนเดินทางมาที่ร้านนี้ก็คือการทำโรตีซึ่งใช้วิธีทำให้สุกด้วยการย่าง(แปะ)ในโอ่งที่สุมไฟแดงถ่ายคุโชน แป้งโรตี(นาน)ที่ได้จะมีกลิ่นหอม นุ่มเหนียว ปราศจากน้ำมัน กินกับชา กาแฟร้อนๆ เด็ดมาก
หลังจากชิมโรตีโอ่งแล้ว หากอยากสัมผัสวิถีชีวิตยามเช้าอันหลากหลาย แนะนำไปเดินตลาดพาเจริญ ซึ่งเป็นตลาดเช้าที่ชาวแม่สอดไปจับจ่ายซื้ออาหารสด-แห้ง และก่อนอำลา อ.แม่สอด เราไป ช้อปละลายทรัพย์กันที่ “ตลาดริมเมย” ตลาดริมชายแดนที่ตั้งอยู่สุดทางหลวงสายตาก-แม่สอด ซึ่งด้านข้างของตลาดริมแม่น้ำเมยมีป้าย “สุดประจิมที่ริมเมย” ดึงดูดให้คนไปถ่ายรูปคู่ด้วยเป็นจำนวนมาก
ตลาดริมเมย มากไปด้วยของกินของใช้สินค้าของฝาก ของที่ระลึก ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีน งานเฟอร์นิเจอร์ไม้ งานหัตถกรรมแกะสลักไม้ต่างๆ ชานมพม่า ขนมของกินเล่นจากจีน เสื้อผ้า ผ้าทอ เครื่องประดับ ต้นไม้หยก รวมไปถึงอัญมณีเครื่องประดับต่างๆ เช่น หยก ทับทิม พลอย หินสี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่
ศาลเจ้าพ่อพระวอ-ตลาดมูเซอ
หลังช้อปปิ้งกันอย่างเพลิดเพลินแล้ว คณะเราก็ได้เวลาอำลาจากแม่สอด โดยระหว่างทางแม่สอด-ตาก เราไปแวะสักการะ“ศาลเจ้าพ่อพระวอ”เสริมสิริมงคล
ศาลเจ้าพ่อพระวอ ตั้งอยู่บนเนินเชิงเขาพระวอ (ถ.ตาก-แม่สอด กม.ที่ 62-23 อ.แม่สอด) ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญคู่บ้านคู่เมืองตาก เจ้าพ่อพะวอตามตำนานเล่าว่าท่านเป็นนักรบชาวกะเหรี่ยง ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงแต่งตั้งให้มีศักดิ์ฐานะเป็นนายด่านแม่ละเมา คอยดูแลมิให้ข้าศึกศัตรูข้ามด่านเข้ามารุกราน เมื่อท่านเสียชีวิตลงในสนามรบ ผู้คนจึงสร้างศาลเจ้าพ่อพะวอขึ้นด้วยความเคารพศรัทธา ผู้ที่ผ่านไป-มา หากไม่ได้ลงมากราบไหว้ก็จะบีบแตรส่งสัญญาณแสดงความเคารพ
ต่อจากนั้นเราไปช้อปสบายกระเป๋าส่งท้ายทริปกันที่ “ตลาดสินค้าเกษตรมูเซอ” หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “ตลาดมูเซอ”
ตลาดมูเซอแบ่งเป็น ตลาดเก่าและตลาดใหม่ ทั้งอยู่ใกล้ๆกันคนละฝั่งถนน ตลาดแห่งนี้มีสินค้าทางการเกษตรของชาวเขาเผ่ามูเซอ และชาวบ้านในท้องที่ให้เลือกกันอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น แอปเปิ้ล สาลี่ เมลอน ส้มจีน ทับทิม องุ่น อะโวคาโด และผักอย่างยอดมะระหวาน ฟักแม้ว หน่อไม้ และผักตามฤดูกาลต่างๆ รวมไปถึงหากมาในช่วงหน้าหนาวที่นี่ก็จะมีสตรอเบอร์รี่สดๆจากไร่ของชาวบ้านแถวนั้นวางขายอยู่เป็นจำนวนมาก
ที่นี่ “ตะลอนเที่ยว” และสาวๆในคณะหลายคนได้พืชผักผลไม้สดๆใหม่ๆกลับไป นับเป็นการกระจายรายได้ส่งท้ายทริป “ตาก-แม่สอด” แบบครบเครื่องเรื่อง กิน เที่ยว ช้อป และเสริมพร้อมด้วยกิจกรรมเพื่อสุขภาพ อันชวนประทับใจมนต์เสน่ห์อันหลากหลายของจังหวัดตาก
อีกทั้งยังตอกย้ำสโลแกน “ตากมีมากกว่าที่คิด” ได้เป็นอย่างดี
อาหารถิ่นเมืองเหนือต้องห้ามพลาด
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ภูมิภาคเหนือ ชวนอร่อยไปกับ “อาหารถิ่นเมืองเหนือต้องห้ามพลาด” (จากโครงการ “อาหารถิ่น ตะลุยกินทั่วไทย”) ใน 4 จังหวัด ภาคเหนือตอนล่าง คือ ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และ พิจิตร
ตาก : แกงมะแฮะ : แกงที่หารับประทานได้ในจังหวัดตากเท่านั้น โดยถั่วมะแฮะเป็นถั่วท้องถิ่นที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยจะมีให้ทานในช่วงงานเทศกาลสงกรานต์ (ตามฤดูกาลช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค.ของทุกปี)
พิษณุโลก : ซี่โครงหมูแซ่บแห้ง : เมนูรสแซบที่โดดเด่นในเรื่องความจัดจ้านและความกรุบกรอบของซี่โครงหมูอ่อน โดดเด่นด้วยการนำซี่โครงหมูอ่อนมาคั่วจนกรอบและแห้ง ก็ตักใส่จานโรยด้วยใบมะกรูดและพริกชี้ฟ้าแดงหรือใบยี่หร่า หากต้องการเพิ่มความอร่อย แนะนำให้ใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปด้วย รับรองเป็นเมนูอร่อยแซบอีกหนึ่งมื้อ
เพชรบูรณ์ : ไก่ย่างข้าวเบือ : อาหารท้องถิ่นของคนเพชรบูรณ์ รับประทานควบคู่ไปกับข้าวหลาม รสชาติลงตัว จากไก่ย่างที่พอกด้วยข้าวเบือตำ(ข้าวเหนียว) ปรุงรสด้วยกะทิและเครื่องสมุนไพร นำไปย่างจะได้รสชาติหวานมัน กลมกล่อม มีกลิ่นหอมของเครื่องเทศ เป็นอีกหนึ่งอาหารถิ่นที่ต้องห้ามพลาด
พิจิตร : ก๋วยเตี๋ยวต้มพริกสด : “ก๋วยเตี๋ยวต้ม” สูตรโบราณเฉพาะของนางลุ่ย แซ่เตีย ทำขายมานานกว่า 30 ปี เป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำ รสชาติอร่อย ที่พิเศษเพราะเขาใช้วิธีต้มเส้นก๋วยเตี๋ยว ต้มน้ำซุปในกระทะน้ำเดือดจัด ปรุงรส ใส่หมูสับ ตักใส่ชามที่เตรียมเส้นก๋วยเตี๋ยว เครื่องปรุงไว้ ส่วนประกอบจะเป็นพริกขี้หนูสวนหั่นซอย ให้ความหอมและรสชาติเผ็ดร้อนจัดจ้าน
***************************************
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัดตากเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานจังหวัดตาก โทร.0-5551-4341 -3
สอบถามรายละเอียดโครงการ “คืนอะโวคาโดสู่แผ่นดิน” ได้ที่สวนส้มร่มเกล้า 088-699-6978
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com