“ชุมชนคนอาร์ต”
คือคำจำกัดความของ “ราชบุรี” เมืองที่มี “ศิลป์” สอดแทรกอยู่ในวิถีชีวิตและแหล่งท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นงานพุทธศิลป์ ศิลปะร่วมสมัย ศิลปะไทยประเพณี ซึ่งทาง “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)” ได้ยกให้ราชบุรีเป็น 1 ใน 12 “เมืองต้องห้าม...พลาด” ภายใต้ธีม “ชุมชนคนอาร์ต” ชูราชบุรีให้เป็นดังจุดนัดพบของคนรักศิลปะและชื่นชอบการท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อผนวกกับแหล่งท่องเที่ยวของราชบุรีที่มีอยู่หลากหลาย ก็ยิ่งเป็นจุดขายในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเยือนราชบุรีได้ไม่ยาก
ผลสำเร็จอันงดงามของโครงการเมืองต้องห้าม...พลาด ทำให้เกิดการต่อยอดเป็นโครงการ “เมืองต้องห้าม...พลาด plus” (เมืองต้องห้ามพลาดพลัส) ขึ้น เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวของ 12 จังหวัดเมืองรองที่อยู่ติดกันหรือใกล้กัน และมีจุดเด่นใกล้เคียงกัน ด้วยมุ่งหวังให้เกิดการเดินทางระหว่างจังหวัดและการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น
สำหรับจังหวัดราชบุรีนั้นจับคู่เชื่อมโยงกับ “สุพรรณบุรี” จังหวัดที่ขึ้นชื่อในเรื่องของศิลปะท้องถิ่น พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน วัดงามเก่าแก่อันอุดมไปด้วยเสน่ห์ของศิลปวัฒนธรรมน่ายล เป็นเส้นทางท่องเที่ยว “ราชบุรี plus สุพรรณบุรี” ที่ชวนให้ทุกคนออกเดินทางมาสัมผัสของดีกันแบบสโลว์ไลฟ์
“ราชบุรี” เมืองโอ่ง-เมืองอาร์ต
“ราชบุรี” ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองโอ่ง” เพราะที่นี่เป็นแหล่งทำ “โอ่งมังกร” อันขึ้นชื่อ ถึงแม้ว่าความนิยมในการใช้โอ่งจะลดน้อยลง แต่ภูมิปัญญาในการทำโอ่งได้ส่งต่อกันมายังรุ่นสู่รุ่น และได้ปรับเปลี่ยนให้มีรูปแบบที่ทันสมัยมากขึ้น ดังเช่นที่ “เถ้าฮงไถ่” (ต.เจดีย์หัก อ.เมือง) โรงงานทำโอ่งและผลิตเครื่องปั้นดินเผาเก่าแก่คู่เมืองราชบุรี ที่ทายาทรุ่นปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนโรงงานให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังคงผลิตสินค้าและชิ้นงานเซรามิคดินเผาควบคู่กันไป โดยได้เปิดโรงงานให้เยี่ยมชมวิธีการทำ ตกแต่งสถานที่ด้วยงานเซรามิคสีสันสดใส เป็นมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้บันทึกภาพประทับใจผ่านกล้องกัน
ตอกย้ำความอาร์ตของราชบุรีด้วย “เถ้าฮงไถ่ ดีคุ้น” (ต.หน้าเมือง อ.เมือง) หอศิลป์ร่วมสมัยใจกลางเมืองราชบุรี ริมแม่น้ำแม่กลอง เป็นจุดนัดพบของคนรักศิลปะในจังหวัดราชบุรี ที่นอกจากตัวอาคารจะงดงามตามแบบบ้านโบราณทรงมะนิลา 3 ชั้น ภายในยังแบ่งพื้นที่เป็นแกลอรี่แสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยของศิลปินที่สลับเปลี่ยนมาจัดแสดงให้ชมกัน อีกทั้งยังประดับตกแต่งภายในด้วยงานเซรามิกจากโรงงานเถ้าฮงไถ่ และมีร้านกาแฟไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวและคนที่มาชมงานศิลปะ
โดยหากได้มาชมหอศิลป์ดีคุ้นแล้ว ก่อนกลับขอแนะนำให้เดินเข้าไปในซอยข้างๆ หอศิลป์ ที่จะมีมุมเก๋ๆ ของงานสตรีทอาร์ทให้ถ่ายรูปเล่นกันอีกด้วย
หรือหากอยากไปชมงานศิลป์อันล้ำค่าที่เป็นทั้งมรดกของชาติและราชบุรี ต้องมาที่ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี” (ต.หน้าเมือง อ.เมือง) ติดกับหอศิลป์ดีคุ้นนั่นเอง โดยภายในมีการจัดแสดงเรื่องราวของเมืองราชบุรีตั้งแต่ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี ศิลปะพื้นบ้าน และโบราณวัตถุต่างๆ ที่พบในราชบุรี ซึ่งอาคารพิพิธภัณฑ์นี้เดิมเคยใช้เป็นศาลากลางจังหวัดมาก่อน และต่อมาได้บูรณะและทาด้วยสีชมพูหวานสวยงามจับตา
“โพธาราม” ตลาดเก่ามากเสน่ห์-หนังใหญ่วัดขนอนล้ำค่า
“โพธาราม” เป็นอำเภอหนึ่งในราชบุรีที่ขอบอกว่าต้องห้ามพลาดที่จะมาเยือน ที่โพธารามมีแหล่งท่องเที่ยวอันหลากหลาย อาทิ “ตลาดเก่าโพธาราม” ตลาดเก่าสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ปัจจุบันยังมีเรือนไม้เก่าแก่งดงามให้ชมอยู่หลายหลัง ตัวตลาดแบ่งเป็นสามส่วนคือ ตลาดบน ตลาดกลาง และตลาดล่าง “ตลาดบน” เป็นส่วนที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเที่ยวกันมากที่สุด โดยเป็นที่ตั้งของชมรมอย่าลืมโพธาราม และมี “วิกครูทวี” โรงภาพยนตร์เก่าแก่ประจำเมืองโพธารามที่ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานแล้ว ส่วนตลาดกลางมีของกินขึ้นชื่ออย่าง “เต้าหู้ดำ” เต้าหู้ที่ทำจากถั่วเหลืองล้วนๆ ต้มกับน้ำพะโล้เข้าเนื้อจนกลายเป็นเต้าหู้ดำแสนอร่อยที่อยากให้ลองมาชิม
ไม่ไกลจากตลาดโพธาราม เป็นที่ตั้งของ “วัดขนอน” (ต.สร้อยฟ้า) อันมีศิลปะการแสดง “หนังใหญ่วัดขนอน” อันเลื่องชื่อ โดยการแสดงหนังใหญ่นั้นจะเป็นการนำแผ่นหนังสัตว์ที่ผ่านการแกะสลักเป็นตัวละครต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องรามเกียรติ์ด้วยลวดลายไทยเชิงจิตรกรรม มาผนวกกับศิลปะทางนาฏศิลป์การละคร มีการเคลื่อนไหวตามเนื้อเรื่อง กอปรกับบทพากย์ บทเจรจา บทขับร้อง และดนตรี ทำให้เกิดเป็นเรื่องราวทางตามบทละครอันเพลิดเพลินน่าชม โดยการแสดงเชิดหนังใหญ่นี้จะมีให้ชมเฉพาะในวันเสาร์ เวลา 10.00 น. และวันอาทิตย์ เวลา 11.00 น. เท่านั้น
นอกจากนั้นที่วัดขนอนยังเป็นที่ตั้งของ “พิพิธภัณฑ์สถานแสดงนิทรรศการหนังใหญ่” ที่จัดแสดงถึงเรื่องราวความเป็นมาของหนังใหญ่ และยังมีตัวหนังเก่าแก่ที่ทำขึ้นจากหนังวัว มีความสวยงามและประณีตยิ่งนัก บางตัวมีความสูงถึง 2 เมตร กว้างเมตรเศษ แบ่งตามลักษณะท่าทางและบทบาทต่างๆ น่าชมยิ่ง
ส่วนที่ “วัดคงคาราม” (ต.คลองตาคต) ก็เป็นอีกหนึ่งวัดที่ขอแนะนำให้ไปชมงานศิลปะชิ้นเอกคือภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถวัดคงคารามซึ่งวาดขึ้นในสมัย ร.3 และยังมีความสมบูรณ์อยู่มาก ภาพจิตรกรรมเป็นเรื่องงราวพุทธประวัติ มีทั้งเรื่องราวพุทธประวัติตอนมารผจญ ภาพสวรรค์ชั้นต่างๆ ที่วาดอย่างอ่อนช้อยงดงามมากทีเดียว
อีกหนึ่งแหล่งชมงานศิลป์ในโพธารามคือ “ตลาดเก่า 119 ปี เจ็ดเสมียน” (ต.เจ็ดเสมียน) ตลาดเก่าเล็กๆ ที่มีชีวิตชีวา และมีบรรยากาศของเรือนไม้เก่าให้ชม โดยขอแนะนำให้มาเยือนตลาดเจ็ดเสมียนในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์สิ้นเดือน ก็จะได้ชมศิลปะการแสดงร่วมสมัยโดยมานพ มีจำรัส ศิลปินเจ้าของรางวัลศิลปาธร สาขาศิลปะการแสดง ศิษย์เอกของครูเล็ก-ภัทราวดี มีชูธน ที่จะมาโชว์การแสดงให้ชมกันที่บริเวณเวทีริมน้ำในช่วง 19.00 น. ได้ทั้งบรรยากาศตลาดเก่าและได้ชมการแสดงของศิลปินเอกอย่างนี้ต้องห้ามพลาดเสียแล้ว
ตลาดน้ำ-ตลาดเก่าแห่งราชบุรี
อีกหนึ่งเสน่ห์ของราชบุรีก็คือ “ตลาดน้ำ” โดยมีนางเอกคือ “ตลาดน้ำดำเนินสะดวก” (อ.ดำเนินสะดวก) ที่มีชื่อเสียงดังไกลไปทั่วโลก มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเดินทางมาเยือนกันแน่นทุกวัน ตลาดน้ำดำเนินสะดวกเป็นตลาดน้ำเก่าแก่นับร้อยปีที่มีพ่อค้าแม่ขายพายเรือมาขายของกันแน่นคลองทุกวัน โดยมีทั้งของกินที่มาปรุงกันบนเรืออย่างก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย หอยทอด ฯลฯ รวมไปถึงพวกผักผลไม้และขนมต่างๆ เป็นภาพวิถีชีวิตที่น่าชม และนักท่องเที่ยวก็สามารถนั่งเรือล่องคลองดำเนินสะดวกเพื่อชมบรรยากาศของตลาดน้ำได้อย่างใกล้ชิด มีชาวบ้านคอยให้บริการทั้งเรือพายและเรือเครื่อง โดยเวลาที่เหมาะสมในการมาชมนั้นก็คือ 07.00-12.00 น.จากนั้นตลาดก็จะเริ่มวายแล้ว
แม้ตลาดน้ำดำเนินสะดวกจะเป็นที่รู้จักมากที่สุด แต่หากถามถึงตลาดน้ำดั้งเดิมที่เก่าแก่ที่สุดของราชบุรีแล้วก็ต้องพูดถึง “ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก” ซึ่งสามารถเดินเท้าจากตลาดน้ำดำเนินสะดวกมาได้ใกล้นิดเดียว ซึ่งคำว่า “เหล่าตั๊กลัก” นั้นก็แปลว่า “ตลาดเก่า” นั่นเอง
บรรยากาศของตลาดน้ำเหล่าตั๊กลักนั้นค่อนข้างเงียบสงบกว่าตลาดน้ำดำเนินสะดวกมาก บ้านเรือนริมน้ำสะอาดน่าชม ช่วงหัวมุมตลาดมีบันไดริมน้ำให้นั่งเอาขาจุ่มน้ำเล่นได้ โดยจะมีเรือของพ่อค้าแม่ค้าพายผ่านมาเป็นระยะๆ สามารถซื้อหาของกินถูกปากได้อย่างเพลิดเพลิน โดยของกินขึ้นชื่อที่ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลักนั้นก็มีหลากหลาย ทั้งข้าวแห้งโบราณ หมูสะเต๊ะ ขนมจีนน้ำยาแกงไก่ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เป็นต้น จึงอยากขอแนะนำว่าถ้ามาเที่ยวตลาดน้ำดำเนินสะดวกแล้วก็ต้องห้ามพลาดที่จะเดินมาเที่ยวต่อที่ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก
อีกหนึ่งตลาดน้ำน่ารักที่นำมาแนะนำกันก็คือ “ตลาดหลักห้า” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณในคลองดำเนินสะดวก ซึ่งเป็นบริเวณรอยต่อสองจังหวัด คือ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี และ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ซึ่ง "ตลาดน้ำหลักห้า" แห่งนี้ เป็นชุมชนริมน้ำเก่าแก่ที่มีอายุยาวนานเกือบ 150 ปี ในอดีตเป็นจุดนัดพบของเรือขายสินค้าจำนวนมากที่นำมาค้าขายกันทางน้ำ
ในปัจจุบันมีความร่วมมือจากชาวบ้านและผู้ที่เกี่ยวข้องที่อาศัยอยู่ภายในบริเวณตลาดน้ำหลักห้า ได้ร่วมมือกันเพื่อฟื้นฟูให้ตลาดน้ำหลักห้าแห่งนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยภายในตลาดน้ำแห่งนี้ยังคงมีร้านค้าเปิดให้บริการอยู่ เช่น ร้านขายสินค้าย้อนยุค ร้านกาแฟโบราณ ร้านขายเครื่องจักรสาน ฯลฯ อีกทั้งยังมีเรือขายอาหารแวะเวียนกันเข้ามาตลอด
“สวนผึ้ง” เมืองชายแดนอากาศดีที่ราชบุรี
“สวนผึ้ง” เป็นอีกหนึ่งอำเภอยอดฮิตของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนราชบุรี ด้วยความที่อากาศดีเย็นสบาย ทิวทัศน์งดงาม และมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ทำให้สวนผึ้งเป็นจุดหมายของการเดินทางมาท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ของหลายๆ คน โดยที่สวนผึ้งนั้นมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ “เดอะ ซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม” หมู่บ้านชาวไร่สไตล์อังกฤษแบบวินเทจบรรยากาศเก๋ๆ “บ้านหอมเทียน” ร้านขายเทียนหอมทําเองที่มีเทียนหอมหลากหลายรูปแบบน่าซื้อ “ตลาดน้ำสวนผึ้ง เวเนโต้” สถานที่ท่องเที่ยว ที่จำลองสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของโทนสีขาวตัดน้ำเงิน จากเกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ มาให้ได้เดินเที่ยวชมบรรยากาศ
นอกจากนั้นที่สวนผึ้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติให้ได้เที่ยวกันอย่างเพลิดเพลิน ไม่ว่าจะเป็นโป่งยุบ น้ำตกเก้าชั้น เขากระโจม เป็นต้น อีกทั้งที่สวนผึ้งยังมีโรงแรมและรีสอร์ทเก๋ๆ มากมายให้เลือกพักผ่อนเติมเต็มความสุขในวันพักผ่อนกันอีกด้วย
“สุพรรณบุรี” อุทยานมังกรสวรรค์
จากราชบุรีเราเดินทางมายัง “สุพรรณบุรี” เมืองต้องห้ามพลาด plus ที่มีแลนด์มาร์กดั้งเดิมซึ่งเป็นที่รู้จักกันมานานของเมืองสุพรรณก็คือ “หอคอยบรรหาร-แจ่มใส” ซึ่งตั้งอยู่ในสวนเฉลิมภัทรราชินี (อ.เมือง) ที่นี่เป็นหอคอยชมวิวแห่งแรกของประเทศไทย มีความสูง 123.25 เมตร ด้านบนสามารถชมวิวเมืองสุพรรณบุรีได้อย่างกว้างไกลและสวยงาม อีกทั้งที่นี่ยังเป็นสวนสาธารณะ สวนน้ำ และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวสุพรรณบุรี ในช่วงเย็นๆ จึงมีผู้คนมากมายพาลูกหลานมาวิ่งเล่นพักผ่อนชมน้ำพุดนตรีกันเป็นจำนวนมาก
ส่วนอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสุดอลังการของสุพรรณบุรีต้องยกให้ “อุทยานมังกรสวรรค์” (อ.เมือง) ที่เด่นสะดุดตาด้วยมังกรขนาดยักษ์ที่กำลังเลื้อยไหลอยู่บนก้อนเมฆ พร้อมพ่นน้ำเป็นสายออกมาจากปาก ซึ่งภายในตัวมังกรนี้เป็นที่ตั้งของ “พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร” ที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของอารยธรรมจีนที่ยาวนานถึง 5,000 ปี รวมถึงประวัติความเป็นมาของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทยโดยใช้สื่อจัดแสดงที่ทันสมัย
ในบริเวณอุทยานมังกรสวรรค์ยังเป็นที่ตั้งของ “ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง” ซึ่งมีลักษณะเป็นวิหารรูปเก๋งจีน องค์เจ้าพ่อหลักเมืองเป็นพุทธประติมากรรมสลักบนแผ่นหินแบบนูนต่ำในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ศิลปะเขมร มีพระนามว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือที่เรียกกันว่าพระนารายณ์สี่กร เป็นที่เคารพของทั้งชาวไทยและชาวจีนในเมืองสุพรรณและพื้นที่ใกล้เคียง
นักท่องเที่ยวที่มาไหว้เจ้าพ่อหลักเมือง พร้อมทั้งชมพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร ยังสามารถเดินเล่นและซื้อของกินของฝากกันได้ที่ “หมู่บ้านมังกรสวรรค์” ที่สร้างจำลองแบบมาจากเมืองลี่เจียงของประเทศจีน โดยอาคารต่างๆ ที่สร้างจำลองขึ้นนั้นก็เปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก อีกทั้งยังมีหอคอยชมวิวสูง 4 ชั้น ที่สามารถเดินขึ้นไปชมวิวมุมสูงของอุทยานมังกรสวรรค์ มองเห็นมังกรใหญ่ได้อย่างสวยงามถนัดตา
วัดงามเมืองสุพรรณ อู่ทองเมืองโบราณ
ในเมืองสุพรรณบุรีเป็นที่ตั้งของวัดเก่าแก่และงดงามหลายแห่งที่ควรแวะไปชมอย่างยิ่ง อาทิ “วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร” (ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง) ที่มีหลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารสูงมองเห็นได้แต่ไกล “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ” (ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง) ที่มีปรางค์ประธานอันเป็นต้นกำเนิดพระพิมพ์ผงสุพรรณบุรีที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในพระเบญจภาคีของเมืองไทย “วัดแค” (ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง) วัดเก่าแก่อันเป็นที่ตั้งของคุ้มขุนแผน ซึ่งเป็นเรือนไทยโบราณสร้างขึ้นเพื่อเป็นอุทยานวรรณคดีเรื่องขุนช้างชุนแผน มีบรรยากาศร่มรื่นมากทีเดียว
นอกจากนั้นหากใครต้องการไหว้พระและท่องเที่ยวในแหล่งต้นกำเนิดประวัติศาสตร์และอารยธรรมแห่งสุวรรณภูมิ ต้องมาที่ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง” (อ.อู่ทอง) ที่จัดแสดงเรื่องราวของอารยธรรมทวารวดีและศิลปวัตถุล้ำค่ามากมาย อีกทั้งไม่ควรพลาดไปชม “วัดเขาทำเทียม” ที่ปัจจุบันกำลังมีโครงการสร้าง “สมเด็จพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ” หรือ “หลวงพ่ออู่ทอง” ที่เป็นพระพุทธรูปแกะสลัก (นูนสูง) บนหน้าผาที่ใหญ่ที่สุดในโลก “วัดเขาดีสลัก” ซึ่งมีรอยพระพุทธบาท (จำลอง) ประดิษฐานในมณฑปพระพุทธบาทอันสวยงาม บนเขาที่มองลงไปสามารถเห็นวิวทิวทัศน์เบื้องล่างได้อย่างกว้างไกล
สัมผัสจิตวิญญาณชาวนาไทยแห่งเมืองสุพรรณฯ
สุพรรณบุรีถือเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำของไทยอีกแห่งหนึ่ง ด้วยสภาพพื้นที่ที่เป็นที่ลุ่มต่ำ ดินดำน้ำชุ่ม เหมาะสมในการทำการเกษตรโดยเฉพาะการปลูกข้าว เราจึงมองเห็นทุ่งนาเขียวชอุ่มไปทั่วพื้นที่ และในสุพรรณบุรีก็มีพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้หลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรและการทำนา ไม่ว่าจะเป็น “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชาวนาไทย” ที่ตั้งอยู่ในบริเวณศูนย์ราชการสุพรรณบุรี โดยที่นี่จัดแสดงเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับการทำนาอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นประเพณีวิถีชีวิตและพิธีกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับข้าวของชาวนาไทย อุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำนา เรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแรกนาขวัญในสมัยอยุธยาอีกด้วย
“ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย” หรือ “นาเฮียใช้” เป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวและองค์ความรู้ในวิถีของเกษตรกรชาวนาที่จัดทำได้อย่างน่าสนใจ ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อต้องการให้เห็นความสำคัญของการให้ความรู้และการทำนาอย่างถูกวิธี ซึ่งจะมีประโยชน์แก่ส่วนรวม ทั้งแก่เกษตรกรชาวนาเองและบุคคลทั่วไปที่เห็นความสำคัญของข้าวและชาวนา อีกทั้งยังเป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้ และแหล่งท่องเที่ยวให้ผู้สนใจได้เข้าชม
ภายในศูนย์มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “หอเตือนภัยชาวนา” ที่นอกจากจะไว้ใช้ดูแลสอดส่องความปลอดภัยของไร่นาแล้ว ยังใช้เป็นสถานที่ประกาศเตือนภัย และเป็นจุดชมทัศนียภาพของนาเฮียใช้ได้อย่างงดงาม ซึ่งหากขึ้นไปบนหอเตือนภัยแล้วมองลงมายังนาข้าวก็จะได้เห็นลวดลายบนทุ่งนาที่เกิดจากการปลูกข้าวหอมมะลิที่มีต้นสีเขียว สลับกับข้าวไรซ์เบอร์รี่สีม่วงเข้มเกือบดำ มองเห็นเป็นข้อความว่า Amazing Thailand มองดูน่าชมยิ่งนัก อีกทั้งภายในศูนย์ฯ ยังมีเรือนศูนย์รวมดวงใจไทยทั้งชาติที่จัดแสดงพระบรมรูปของในหลวงในขณะประกอบพระราชกรณียกิจต่างๆ มีเรือนพระแม่โพสพ เรือนวิถีชาวนาไทยในอดีต ฯลฯ
“หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย" หรือ "บ้านควาย" (อ.ศรีประจันต์) ก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับชาวนา ภายในหมู่บ้านมีบ้านเรือนไม้แบบเรือนปลายนาที่มีอุปกรณ์ดำรงชีวิตในอดีตต่างๆ ที่เก็บไว้ให้ศึกษา ไม่ว่าจะเป็นหม้อดิน ตะกร้าโบราณ สุ่มจับปลา เกวียน กระเดื่องตำข้าว มีการแสดงการสาธิตการปลูกข้าว หว่านข้าว ทั้งยังมีพิธีการทำขวัญข้าวของภาคกลาง สาธิตการเตรียมดินเพื่อทำนา ไถนา คราดนา ดำนา ถอนกล้า และยังมีไฮไลต์อยู่ที่การแสดงโชว์ความสามารถของควายแสนรู้ วีธีและเทคนิคการใช้ควายไถนา และที่ถูกใจนักท่องเที่ยวก็คือการแสดง “ควายยิ้ม” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโชว์ที่เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้ดี
ตลาดเก่าริมน้ำมากเสน่ห์แห่งสุพรรณฯ
แม่น้ำท่าจีนที่ไหลผ่านสุพรรณฯ นั้นเดิมเคยเป็นเส้นทางคมนาคมเส้นทางหลักที่ชาวบ้านใช้เดินทางติดต่อค้าขาย ริมแม่น้ำจึงมีตลาดหลายแห่งที่เป็นชุมทางการค้าอันคึกคัก ที่ต่อมาอาจซบเซาลงไปหลังจากที่การคมนาคมเปลี่ยนจากเรือเป็นรถ แต่ตลาดเก่าหลายแห่งได้ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวมากเสน่ห์ที่น่าเดินทางมาเยือน
ตลาดเก่าแห่งแรกที่จะพามาชมคือ “ตลาดสามชุก” (อ.สามชุก) ชุมชนตลาดเรือนแถวไม้ขนาดใหญ่ริมแม่น้ำท่าจีนที่เก่าแก่นับร้อยปีที่แต่เดิมเคยเป็นตลาดค้าข้าวที่สำคัญ แต่หลังจากมีถนนตัดผ่านสามชุก ผู้คนเปลี่ยนไปใช้ถนนเป็นเส้นทางสัญจรมากขึ้น ส่งผลให้วิถีชีวิตความเป็นอยู่และการค้าที่ตลาดสามชุกเริ่มซบเซา เหตุนี้ประชาคมชาวตลาดสามชุกจึงได้มีการปรับปรุง ฟื้นฟู และร่วมกันอนุรักษ์สถาปัตยกรรมไม้ของตลาดสามชุกไว้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม รวมทั้งพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และแหล่งเรียนรู้ของชุมชน เพื่อให้ตลาดสามชุกกลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
ปัจจุบันตลาดสามชุกกลับมาคึกคักดังเดิมด้วยผู้คนที่เดินทางมาเที่ยวกันอย่างคึกคัก ร้านค้าหลายร้าน ยังคงลักษณะของบ้านเก่าเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายยา ร้านถ่ายรูปโบราณ ร้านเสริมสวย ฯลฯ แต่ที่ดูเป็นสีสันของตลาดสามชุกก็เห็นจะเป็นบรรดาของกินที่มีอยู่สารพัดทั้งร้านบะหมี่หมูแดง ร้านลูกชิ้นยักษ์ ข้าวห่อใบบัว ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตก หมูสะเต๊ะ ฯลฯ รวมไปถึงร้านกาแฟโบราณที่ได้บรรยากาศของสภากาแฟอันคึกคัก
จากสามชุกเลาะลงมาทางใต้ มาที่ “ตลาดศรีประจันต์" (อ.ศรีประจันต์) ตลาดเก่าแก่อายุร่วมร้อยปี ที่ยังคงมีกลิ่นอายของความเป็นตลาดโบราณที่ไม่ปรุงแต่งอยู่มาก ตัวตลาดตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน เป็นเรือนไม้สองชั้นแถวยาว บรรยากาศเงียบสงบไม่พลุกพล่าน แต่ก็มีร้านค้าเปิดขายอาหารทั้งคาวหวานรสชาติดั้งเดิมแก่นักท่องเที่ยวในวันเสาร์อาทิตย์ ไม่ว่าจะเป็นกวยจั๊บน้ำใส ก๋วยเตี๋ยวเป็ด กาแฟโบราณ เป็นต้น
นอกจากนั้นที่ตลาดศรีประจันต์นี้ยังเป็นบ้านเกิดของ “ท่านเจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)” พระสงฆ์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ปราชญ์แห่งสงฆ์ไทย” และยังได้รับยกย่องให้เป็น “คนดีศรีประจันต์” โดยบ้านเกิดของท่านในตลาดศรีประจันต์ได้จัดทำเป็น “ชาติภูมิสถาน พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)” โดยจำลองเอาบรรยากาศของบ้านที่เคยเป็นร้านขายผ้า รวมถึงจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ดั้งเดิมที่เคยใช้ในบ้าน รวมถึงมีห้องเก็บหนังสือหลายร้อยเล่มอันเป็นผลงานของท่าน ป.อ.ปยุตฺโตทั้งสิ้น
อีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจคือ “ตลาดเก้าห้อง” (อ.บางปลาม้า) ตลาดเล็กๆ ในชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำท่าจีนที่เคยเป็นย่านการค้าที่รุ่งเรือง ตลาดเก้าห้องแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ตลาดบน ตลาดกลาง และตลาดล่าง สามารถเดินเที่ยวเชื่อมต่อกันได้ โดยไฮไลท์ของตลาดเก้าห้องก็คือ “หอดูโจร” หอสูงราวตึก 4 ชั้นที่สร้างขึ้นเพื่อสังเกตการณ์และป้องกันการปล้นสะดมของโจรในสมัยก่อน ที่ฝาผนังของหอแต่ละชั้นได้เจาะรูไว้สำหรับเอาปืนส่องต่อสู้กับโจร และหากว่าปีนขึ้นไปถึงด้านบนสุดของหอดูโจรแล้ว ก็สามารถที่จะชมทัศนียภาพโดยรอบตลาดเก้าห้องได้ทั้งหมด
อลังการอุโมงค์โลกใต้ทะเลที่ “บึงฉวาก”
สุพรรณฯ ยังมีของดีที่ไม่น่าพลาดอย่าง “บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ” หรือ “บึงฉวาก” (อ.เดิมบางนางบวช) หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของสุพรรณ ซึ่งมี “อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ" เป็นไฮไลท์ของบึงฉวาก โดยมีอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำถึง 3 หลังด้วยกัน หลังแรกจัดแสดงพันธุ์ปลาทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม ส่วนหลังที่สองเป็นอุโมงค์ปลาน้ำจืดแห่งแรกของประเทศไทยที่มีความยาวอุโมงค์ถึง 8.5 เมตร และหลังที่ 3 เรียกว่าเป็น “สวรรค์แห่งโลกใต้ทะเล” จัดแสดงพันธุ์ปลาทะเลผ่านอุโมงค์ปลาและบันไดเลื่อนขนาดความยาว 75 เมตร รวมทั้งมีตู้ปลาฉลามขนาดใหญ่ให้ชมอย่างน่าตื่นตาตื่นใจอีกด้วย
นอกจากนั้นแล้วที่บึงฉวากยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ บ่อจระเข้น้ำจืด กรงเสือและสิงโต เกาะกระต่าย อุทยานผักพื้นบ้านเพื่อการยังชีพ ฯลฯ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะจะพาเด็กๆ มาเรียนรู้ประสบการณ์ที่หลากหลายและสนุกสนาน
อร่ามงามตา “เหลืองปรีดิยาธร”
ปิดท้ายแหล่งท่องเที่ยวเมืองสุพรรณฯ กันด้วยสถานที่ชมดอกไม้สวยๆ ตามโครงการ “Dream Destinations 2 กาลครั้งนั้น ความฝันผลิบาน” ภายใต้แคมเปญ “หลงรักประเทศไทย” ที่ ททท. ได้คัดสรรสุดยอดเส้นทางสายดอกไม้จากทั่วประเทศหลากหลายเส้นทางมาให้คนรักดอกไม้ได้ตามไปชมกัน สำหรับจังหวัดสุพรรณบุรีมี “ดอกเหลืองปรีดียาธร” หรือ “ตาเบบูญ่าเหลือง” เป็นเส้นทางดอกไม้น่าชม โดยมีจุดชมอยู่ที่ถนนสาย 3502 “สามชุก-ด่านช้าง” (สามชุก-ดอนไร่-ด่านช้าง) อยู่ห่างจากตลาดสามชุกประมาณ 15 กม. โดยในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ) ดอกเหลืองปรีดียาธรบนถนนสายนี้จะออกดอกเหลืองอร่ามงามสะพรั่งในสองฟากฝั่งถนน เนรมิตให้ถนนสายดังกล่าวมีความงดงามจนทำให้ผู้ที่ขับรถผ่านไปมาต้องหยุดแวะชมความสวยงามของถนนสายดอกเหลืองปรีดียาธรแห่งนี้ไปตามๆ กัน
แหล่งท่องเที่ยวที่นำเสนอมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเส้นทาง “ราชบุรี plus สุพรรรณบุรี” ที่หากใครอยากสัมผัสกับความอาร์ตแบบเต็มที่ ก็ต้องหาโอกาสเดินทางมาเยือนด้วยตัวเองเสียแล้ว
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในเส้นทาง เมืองต้องห้าม...พลาด พลัส “ราชบุรี plus สุพรรณบุรี” เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี (ดูแลเพชรบุรี, ราชบุรี) โทร.0 3247 1005-6 และ ททท. สำนักงานสุพรรณบุรี (ดูแลสุพรรณบุรี, อ่างทอง, ชัยนาท) โทร.0 3552 5867, 0 3552 5880
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com