โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)

“ภูทอกแหล่งพระธรรม ค่าล้ำยางพารา งามตาแก่งอาฮง บึงโขงหลงเพลินใจ น้ำตกใสเจ็ดสี ประเพณีแข่งเรือ เหนือสุดแดนอีสาน นมัสการหลวงพ่อใหญ่ ศูนย์รวมใจศาลสองนาง”
คำขวัญจังหวัดบึงกาฬ จังหวัดที่ 77 ของไทย
บึงกาฬแม้จะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลัก แต่จังหวัดนี้ก็มีเสน่ห์ในวิถีอันเรียบง่ายสงบงามของเมืองริมฝั่งโขงให้ค้นหา โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนบึงกาฬจะเปล่งพลังความงามแห่งสายน้ำตกออกมาอย่างเต็มเปี่ยม

แต่ครั้นพอถึงหน้าแล้งสายน้ำตกอันลังการสวยงามชุ่มฉ่ำ ของน้ำตกเหล่านั้นก็เหือดแห้งหายไปเหลือแต่โตรกหินลานหินโล่งๆ ขณะที่บางน้ำตกพอถึงหน้าแล้งเหลือสายน้ำอยู่เพียงน้อยนิดเป็นสายบางๆอ้อยอิ่ง รอเวลาให้หน้าฝนมาเยือนอีกครั้ง สายน้ำตกเหล่านั้นก็จะกลับหวนคืนมาเกิดเป็นมหัศจรรย์สายน้ำตกแห่งบึงกาฬที่จะดูยิ่งใหญ่อลังการ มีสายน้ำไหลเย็นชุ่มฉ่ำสวยงามเฉพาะในช่วงหน้าฝนเท่านั้น

นอกจากสายน้ำตกแล้ว“ภูทอก”นั้นก็น่ายลไปด้วยความเขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำ วันไหนหลังฝนตกบนภูทอกจะมีหมอกฝนลอยอ้อยอิ่งสวยงาม ชวนให้ประทับใจควบคู่ไปกับธรรมะที่แฝงตัวอยู่ในทุกอณูของดินแดนแห่งนี้
นับเป็น 2 สิ่งที่แตกต่าง แต่ว่าก็สร้างมนต์เสน่ห์อันน่าทึ่งให้กับบึงกาฬในช่วงวสันต์ฤดูได้เป็นอย่างดี
“ภูทอก” มีธรรมในทาง ในทางมีธรรม

“ภูทอก” เป็นภาษาอีสาน แปลว่า “ภูเขาที่โดดเดี่ยว”
ภูทอกตั้งอยู่ในเขตบ้านคำแคน ต.นาสะแบง อ.ศรีวิไล ประกอบด้วยภูทอกใหญ่และภูทอกน้อย
ภูทอกใหญ่เป็นภูโดดเดี่ยวที่ยังเป็นป่าไม่ได้เปิดให้ขึ้นไปเที่ยวชม ส่วนภูทอกน้อยเป็นที่ตั้งของ “วัดภูทอก”หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า “วัดเจติยาคีรีวิหาร”

วัดภูทอก เป็นวัดป่าพระกรรมฐาน ที่ท่าน“พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ” พระป่าสายกรรมฐาน ศิษย์พระอาจารย์มั่น ได้มาสร้างไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 เพื่อเป็น “รุกขมูลเสนาสนัง” สถานที่ปฏิบัติธรรม ปลีกวิเวก ตัดกระแสโลกย์ เพ่งเพียรในวัติปฏิบัติ เพราะพื้นที่ป่าภูทอก(น้อย)มีความร่มรื่นสงบเงียบ เหมาะสำหรับปฏิบัติธรรมของพระกรรมฐาน

วัดภูทอก มีสิ่งน่าสนใจอันโดดเด่นได้แก่ “เจดีย์พิพิธภัณฑ์อัฐ-บริขาร พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ” เป็นเจดีย์ 8 เหลี่ยม สีน้ำตาลแดง ยอดสีทอง ส่วนฐานบริเวณด้านนอกมีงานประติมากรรมภาพนูนต่ำจัดแสดงเรื่องราวอัตชีวิตช่วงเด่นๆของพระอาจารย์จวน ส่วนด้านในมีรูปเคารพของพระอาจารย์จวนขนาดเท่าองค์จริง และจัดแสดงอัฐบริขารในสมัยบำเพ็ญสมณธรรม เรื่องราวบางส่วนของท่าน และบรรจุพระอัฐิธาตุไว้ให้สักการบูชา

ขณะที่ภูทอกเป็นขุนเขาอันสวยงาม มีเป็นไฮไลท์สำคัญคือ เส้นทางแห่งศรัทธาที่พระ เณร และชาวบ้าน ได้ร่วมกันสร้างบันไดและสะพานเวียนรอบไหล่ผาไว้ตั้งแต่สมัยพระอาจารย์จวนก่อตั้งวัด
เส้นทางแห่งศรัทธามีทั้งหมด 7 ชั้น ก่อสร้างด้วยไม้เป็นหลัก แต่บางช่วงก็นำจุดเด่นของสภาพพื้นที่มาผสมผสาน ไม่ว่าจะเป็น บันไดหินทราย บันไดลอดรูถ้ำ หรือทางเดินใต้เพิงผาถ้ำที่สร้างอิงแอบกับสภาพพื้นที่ไปอย่างกลมกลืน นับเป็นงานวิศวกรรมที่ก่อสร้างด้วยภูมิปัญญาพื้นบ้านอันน่าทึ่งไม่น้อย ถึงขนาดบางคนยกให้ว่านี่คือความ“มหัศจรรย์แห่งภูทอก”กันเลยทีเดียว

สำหรับเส้นทางแห่งศรัทธาที่นำขึ้นสู่ยอดภูทอกนั้นเหล่าบรรพชิตในวัดเคยใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม วิปัสนากรรมฐานเพื่อนำไปสู่การหลุดพ้น
ขณะที่เหล่าบรรดาเพศฆราวาสอย่างเราๆท่านๆที่มีโอกาสขึ้นไปเยี่ยมชมบนยอดภูทอกนั้น พระในวัดภูทอกรูปหนึ่งได้เคยบอกกับผมว่า ในเส้นทางสู่ยอดภูทอกนั้นเป็นดังเส้นทางแห่งธรรม ที่ทางวัดต้องการให้ผู้เดินขึ้นยอดภูทอกได้เรียนรู้ และรับรู้ในธรรมะบนเส้นทางธรรมสายนี้

นั่นจึงทำให้ตั้งแต่แรกเริ่มที่เดินสู่ทางเข้าผ่านเส้นทางชั้นต่างๆไปจนถึงยอดชั้น 7 จะมีป้ายคำคม คำกลอน ข้อคิด ติดตามต้นไม้ เพิงผา เพื่อแสดง“ธรรม”บอกระหว่างทางแก่ผู้พบเห็นและขบคิดตามไปตลอด ด้วยแนวคิด
“ที่ภูทอก ต้นไม้ทุกต้น ก้อนหินทุกก้อน ร้องบอกธรรมอยู่ทุกวันคืน!”
บึงกาฬ สวยงาม ชุ่มฉ่ำ น้ำตกหน้าฝน

จากภูทอก ชวนไปสัมผัสกับความงดงามชุ่มฉ่ำของ 3 น้ำตกดังของบึงกาฬ ที่ตั้งอยู่ใน “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว” ซึ่งมีความพิเศษตรงที่จะมีสายน้ำไหลเย็นชุ่มฉ่ำเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่มีน้ำมามากเท่านั้น
นอกจากนี้น้ำตกทั้งสามยังเป็นน้ำตกที่สามารถเล่นน้ำได้ บริเวณน้ำตกมีลำธาร แอ่งน้ำ มีจุดเล่นน้ำ ให้เราได้เล่นน้ำแช่น้ำกันอย่างสนุกชุ่มฉ่ำ

สำหรับน้ำตกแรก ผมขอเปิดประเดิมกันด้วย “น้ำตกถ้ำฝุ่น” ที่ตั้งอยู่ที่ บ้านภูสวาท ต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า
การเข้าถึงตัวน้ำตกถ้ำฝุ่นต้องเดินจากจุดจอดรถเข้าไปเล็กน้อยประมาณ 200 เมตร ระหว่างทางบางช่วงจะมีดอกไม้ป่าสวยๆงามๆให้ชมตาม 2 ข้างทาง ไม่ว่าจะเป็น ดอกเทียนสีชมพูอมม่วงสดที่ขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ให้สีสันสวยงามอยู่หลายช่วงด้วยกัน ดอกเปราะหินสีเหลืองสด ดอกเข้าพรรษาสีเหลืองกับรูปทรงเฉพาะตัว ดอกเอนอ้าสีชมพูอมม่วง รวมไปถึงดอกหงอนนาคจิ๋วสีม่วงอ่อนที่มีขนาดเล็กกว่าหงอนนาคที่ภูสอยดาวราว 5-6 เท่า

น้ำตกถ้ำฝุ่นเป็นน้ำตกขนาดกลาง ประกอบด้วยสายน้ำตก 4 สายไหลตกลงจากหน้าผามารวมกัน เริ่มจากสายกลุ่มสายน้ำตกทางซ้ายมือที่ไหลมาสมทบกับสายทางขวามือ แล้วไหลรวมเป็นลำธารสายเดียวกัน มีลักษณะเป็นร่องแคบ ไม่ลึก เหมาะแก่การลงไปเล่นน้ำ แช่น้ำ
ขณะที่ตัวน้ำตกด้านซ้ายเบื้องล่างที่สายน้ำไหลผ่านลานหินที่มีระนาบความลาดชันต่ำ บางช่วงบางตอนมีลักษณะเป็นหลุม หรือ “โบก” ใหญ่น้อย บางโบกใหญ่จนคนลงไปแช่ตัวดุจดังสปาธรรมชาติอันน่าทึ่งและน่าเพลิดเพลินยิ่งนัก

ต่อกันด้วย “น้ำตกเจ็ดสี” ที่ตั้งอยู่ในบ้านดอนเสียด ต.บ้างต้อง อ.เซกา
น้ำตกเจ็ดสี เดิมชื่อในภาษาถิ่นเรียกว่า “น้ำตกห้วยกะอาม”(บ้างเรียกน้ำตกสะอาม) เพราะตัวน้ำตกเกิดจากธารน้ำของห้วยกะอาม(สะอาม) แต่ที่เรียกภายหลังว่าน้ำตกเจ็ดสีนั้น ข้อมูลจากเอกสารนำเที่ยวของททท. ระบุว่า เกิดจากละอองน้ำยามเช้าไปกระทบกับแสงแดดทำให้เกิดประกายสีรุ้งขึ้น จึงเรียกว่าน้ำตกเจ็ดสี แต่ก็มีบางข้อมูลกล่าวว่าน้ำตกแห่งนี้เดิมรู้จักกันเฉพาะในท้องถิ่น แต่เมื่อช่องเจ็ดมาทำข่าวน้ำตกไป จึงเป็นรู้จักกันอย่างกว้างขวาง ชื่อน้ำตกจึงถูกเรียกใหม่เป็นน้ำตกเจ็ดสี

การเดินทางเข้าถึงตัวน้ำตกเจ็ดสี จากจุดจอดรถต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 1 กม. ไปตามทางที่มีทิวทัศน์สวยงามของลานหินทรายกว้างใหญ่และมวลหมู่ดอกไม้ใน 2 ข้างทาง และผ่านลำธารน้ำตื้นๆสามารถเล่นน้ำได้ซึ่งก็มีคนนิยมลงเล่นน้ำตามแนวลำธารอยู่เป็นจำนวนมาก ก่อนจะถึงยังตัวน้ำตกเจ็ดสีที่ในเส้นทางใกล้ถึงตัวน้ำตก เป็นทางเดินบนหินทราย มีความลื่นมาก ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูงในการเดิน

น้ำตกเจ็ดสีมี 3 ชั้นด้วยกัน ชั้นที่เป็นไฮไลท์มีความยิ่งใหญ่สวยงาม สายน้ำไหลเป็นสายสีขาวแผ่สยายเป็นสายกว้างลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ที่เป็นแอ่งน้ำตื้นกว้างใหญ่ ดุจดังสระน้ำธรรมชาติ สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างสบายใจไม่ต้องกลัวจม ขณะที่ด้านผาฝั่งซ้ายของน้ำตกนั้นก็เต็มไปด้วยเปราะหินที่ให้ดอกสีเหลืองอย่างสวยงาม
ปิดท้ายน้ำตกงามยามหน้าฝน จ.บึงกาฬ ในลำดับที่ 3 กันด้วย“น้ำตกภูถ้ำพระ” หรือ “น้ำตกถ้ำพระ” ที่ตั้งอยู่ที่บ้านถ้ำพระ ต.โสกก่าม อ.เซกา

น้ำตกภูถ้ำพระแม้อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว แต่ได้ให้ทางองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นดูแลและจัดการด้านการท่องเที่ยว
สำหรับการเข้าถึงตัวน้ำตกภูถ้ำพระแตกต่างจาก 3 น้ำตกที่ผ่านมาคือต้องนั่งเรือเข้าไปตามลำคลองร่มรื่น ประมาณ 10 นาที จากนั้นเดินเท้าอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงยังตัวน้ำตกภูถ้ำพระ ที่มีความสวยงามยิ่งใหญ่อลังการมาก

น้ำตกภูถ้ำพระ แบ่งเป็น 3 ช่วงหลักๆด้วยกัน ช่วงแรก(ด้านล่าง) เป็นธารน้ำตกไหลลดหลั่นลงสู่แอ่งก้นกระทะ มีน้ำลึก เหมาะสำหรับคนว่ายน้ำเป็น ซึ่งก็มีพวกวัยรุ่นบ้าพลังไปกระโดน้ำตูมตาม ตามเสียงเชียร์ของสาวๆกันเป็นจำนวนมาก
จากนั้นเมื่อเดินขึ้นไปจะเป็นน้ำตกช่วงกลาง มีลักษณะเป็นลำธารหลายสาย มีสายน้ำไหลแรง แต่น้ำตื้น ทำให้มีคนไปแช่น้ำแล่นน้ำกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกับกิจกรรมสไลเดอร์นี่ได้รับความนิยมอย่างสูงทีเดียว

ธารน้ำตกในช่วงกลางนี้กินพื้นที่ขนาดใหญ่ยาวไปจนถึงบริเวณฝายทดน้ำที่ใครชอบพื้นที่จุดไหน ก็ลงเล่นน้ำตรงจุดนั้นกันได้ตามใจชอบ เพราะน้ำตื้น แต่ว่าหลายจุดมีความลื่นมาก ต้องระวังให้ดี เช่นเดียวกับต้องระวังน้ำป่า ที่หากเห็นมีสายน้ำที่สีแดงไหลมาก็ต้องเตรียมเผ่นขึ้นที่สูงกันได้แล้ว
ในบริเวณธารน้ำตกช่วงกลางจะมีด้านหนึ่งเป็นเพิงผา ริมเพิงผาประดิษฐานพระพุทธรูป 2 องค์ สร้างด้วยศิลปะพื้นบ้าน คนมาเที่ยวน้ำตกนิยมมากราบไหว้ขอพรกันไม่ขาดสาย ซึ่งหลายๆคนสันนิษฐานว่านี่อาจจะเป็นที่มาของชื่อน้ำตกถ้ำพระ

จากนั้นเหนือฝายขึ้นไปจะมีบันไดเดินขึ้นไปสู่น้ำตกถ้ำพระชั้นไฮไลท์ ที่เป็นสายน้ำตกกว้างสีขาวฟูฟ่องไหลลงมาสู่แอ่งน้ำตื้นเบื้องล่าง ที่มีคนขึ้นมาทั้งนั่งชมน้ำตก ทั้งเล่นน้ำ พ่อแม่ก็พาลูกเด็กเล็กแดงมาเล่นน้ำอย่างสบายใจ เพราะน้ำตื้นมากแต่มีพื้นที่แอ่งกว้างขวาง ท่ามกลางบริเวณรอบข้างที่หาต้นไม้ใหญ่ไม่มี หลายคนจึงเลือกลงน้ำเป็นการดับร้อนให้หนำใจ เพราะที่นี่ดูคล้ายกับสวนน้ำธรรมชาติบนลานหินอันกว้างใหญ่ที่น่าเพลิดเพลินกระไรปานนั้น

และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์แห่งบึงกาฬยามหน้าฝนที่หากใครได้ไปเยือน ยังไงๆก็ให้เคารพในสถานที่ และทิ้งไว้เพียงรอยเท้า เก็บมาเพียงภาพถ่ายและความทรงจำดีๆ
ส่วนขยะนั้นให้นำกลับไป หากจำเป็นต้องทิ้งก็ให้ทิ้งลงถังในที่ที่การจัดเตรียมไว้ให้ แต่ทางที่ดีนำกลับไปเป็นดีที่สุด เพราะทุกวันนี้มนุษย์เราได้ทำร้ายทำลายธรรมชาติจนบอบช้ำยับเยินกันมามากพอแล้ว

*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
“ภูทอกแหล่งพระธรรม ค่าล้ำยางพารา งามตาแก่งอาฮง บึงโขงหลงเพลินใจ น้ำตกใสเจ็ดสี ประเพณีแข่งเรือ เหนือสุดแดนอีสาน นมัสการหลวงพ่อใหญ่ ศูนย์รวมใจศาลสองนาง”
คำขวัญจังหวัดบึงกาฬ จังหวัดที่ 77 ของไทย
บึงกาฬแม้จะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลัก แต่จังหวัดนี้ก็มีเสน่ห์ในวิถีอันเรียบง่ายสงบงามของเมืองริมฝั่งโขงให้ค้นหา โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนบึงกาฬจะเปล่งพลังความงามแห่งสายน้ำตกออกมาอย่างเต็มเปี่ยม
แต่ครั้นพอถึงหน้าแล้งสายน้ำตกอันลังการสวยงามชุ่มฉ่ำ ของน้ำตกเหล่านั้นก็เหือดแห้งหายไปเหลือแต่โตรกหินลานหินโล่งๆ ขณะที่บางน้ำตกพอถึงหน้าแล้งเหลือสายน้ำอยู่เพียงน้อยนิดเป็นสายบางๆอ้อยอิ่ง รอเวลาให้หน้าฝนมาเยือนอีกครั้ง สายน้ำตกเหล่านั้นก็จะกลับหวนคืนมาเกิดเป็นมหัศจรรย์สายน้ำตกแห่งบึงกาฬที่จะดูยิ่งใหญ่อลังการ มีสายน้ำไหลเย็นชุ่มฉ่ำสวยงามเฉพาะในช่วงหน้าฝนเท่านั้น
นอกจากสายน้ำตกแล้ว“ภูทอก”นั้นก็น่ายลไปด้วยความเขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำ วันไหนหลังฝนตกบนภูทอกจะมีหมอกฝนลอยอ้อยอิ่งสวยงาม ชวนให้ประทับใจควบคู่ไปกับธรรมะที่แฝงตัวอยู่ในทุกอณูของดินแดนแห่งนี้
นับเป็น 2 สิ่งที่แตกต่าง แต่ว่าก็สร้างมนต์เสน่ห์อันน่าทึ่งให้กับบึงกาฬในช่วงวสันต์ฤดูได้เป็นอย่างดี
“ภูทอก” มีธรรมในทาง ในทางมีธรรม
“ภูทอก” เป็นภาษาอีสาน แปลว่า “ภูเขาที่โดดเดี่ยว”
ภูทอกตั้งอยู่ในเขตบ้านคำแคน ต.นาสะแบง อ.ศรีวิไล ประกอบด้วยภูทอกใหญ่และภูทอกน้อย
ภูทอกใหญ่เป็นภูโดดเดี่ยวที่ยังเป็นป่าไม่ได้เปิดให้ขึ้นไปเที่ยวชม ส่วนภูทอกน้อยเป็นที่ตั้งของ “วัดภูทอก”หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า “วัดเจติยาคีรีวิหาร”
วัดภูทอก เป็นวัดป่าพระกรรมฐาน ที่ท่าน“พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ” พระป่าสายกรรมฐาน ศิษย์พระอาจารย์มั่น ได้มาสร้างไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 เพื่อเป็น “รุกขมูลเสนาสนัง” สถานที่ปฏิบัติธรรม ปลีกวิเวก ตัดกระแสโลกย์ เพ่งเพียรในวัติปฏิบัติ เพราะพื้นที่ป่าภูทอก(น้อย)มีความร่มรื่นสงบเงียบ เหมาะสำหรับปฏิบัติธรรมของพระกรรมฐาน
วัดภูทอก มีสิ่งน่าสนใจอันโดดเด่นได้แก่ “เจดีย์พิพิธภัณฑ์อัฐ-บริขาร พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ” เป็นเจดีย์ 8 เหลี่ยม สีน้ำตาลแดง ยอดสีทอง ส่วนฐานบริเวณด้านนอกมีงานประติมากรรมภาพนูนต่ำจัดแสดงเรื่องราวอัตชีวิตช่วงเด่นๆของพระอาจารย์จวน ส่วนด้านในมีรูปเคารพของพระอาจารย์จวนขนาดเท่าองค์จริง และจัดแสดงอัฐบริขารในสมัยบำเพ็ญสมณธรรม เรื่องราวบางส่วนของท่าน และบรรจุพระอัฐิธาตุไว้ให้สักการบูชา
ขณะที่ภูทอกเป็นขุนเขาอันสวยงาม มีเป็นไฮไลท์สำคัญคือ เส้นทางแห่งศรัทธาที่พระ เณร และชาวบ้าน ได้ร่วมกันสร้างบันไดและสะพานเวียนรอบไหล่ผาไว้ตั้งแต่สมัยพระอาจารย์จวนก่อตั้งวัด
เส้นทางแห่งศรัทธามีทั้งหมด 7 ชั้น ก่อสร้างด้วยไม้เป็นหลัก แต่บางช่วงก็นำจุดเด่นของสภาพพื้นที่มาผสมผสาน ไม่ว่าจะเป็น บันไดหินทราย บันไดลอดรูถ้ำ หรือทางเดินใต้เพิงผาถ้ำที่สร้างอิงแอบกับสภาพพื้นที่ไปอย่างกลมกลืน นับเป็นงานวิศวกรรมที่ก่อสร้างด้วยภูมิปัญญาพื้นบ้านอันน่าทึ่งไม่น้อย ถึงขนาดบางคนยกให้ว่านี่คือความ“มหัศจรรย์แห่งภูทอก”กันเลยทีเดียว
สำหรับเส้นทางแห่งศรัทธาที่นำขึ้นสู่ยอดภูทอกนั้นเหล่าบรรพชิตในวัดเคยใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม วิปัสนากรรมฐานเพื่อนำไปสู่การหลุดพ้น
ขณะที่เหล่าบรรดาเพศฆราวาสอย่างเราๆท่านๆที่มีโอกาสขึ้นไปเยี่ยมชมบนยอดภูทอกนั้น พระในวัดภูทอกรูปหนึ่งได้เคยบอกกับผมว่า ในเส้นทางสู่ยอดภูทอกนั้นเป็นดังเส้นทางแห่งธรรม ที่ทางวัดต้องการให้ผู้เดินขึ้นยอดภูทอกได้เรียนรู้ และรับรู้ในธรรมะบนเส้นทางธรรมสายนี้
นั่นจึงทำให้ตั้งแต่แรกเริ่มที่เดินสู่ทางเข้าผ่านเส้นทางชั้นต่างๆไปจนถึงยอดชั้น 7 จะมีป้ายคำคม คำกลอน ข้อคิด ติดตามต้นไม้ เพิงผา เพื่อแสดง“ธรรม”บอกระหว่างทางแก่ผู้พบเห็นและขบคิดตามไปตลอด ด้วยแนวคิด
“ที่ภูทอก ต้นไม้ทุกต้น ก้อนหินทุกก้อน ร้องบอกธรรมอยู่ทุกวันคืน!”
บึงกาฬ สวยงาม ชุ่มฉ่ำ น้ำตกหน้าฝน
จากภูทอก ชวนไปสัมผัสกับความงดงามชุ่มฉ่ำของ 3 น้ำตกดังของบึงกาฬ ที่ตั้งอยู่ใน “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว” ซึ่งมีความพิเศษตรงที่จะมีสายน้ำไหลเย็นชุ่มฉ่ำเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่มีน้ำมามากเท่านั้น
นอกจากนี้น้ำตกทั้งสามยังเป็นน้ำตกที่สามารถเล่นน้ำได้ บริเวณน้ำตกมีลำธาร แอ่งน้ำ มีจุดเล่นน้ำ ให้เราได้เล่นน้ำแช่น้ำกันอย่างสนุกชุ่มฉ่ำ
สำหรับน้ำตกแรก ผมขอเปิดประเดิมกันด้วย “น้ำตกถ้ำฝุ่น” ที่ตั้งอยู่ที่ บ้านภูสวาท ต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า
การเข้าถึงตัวน้ำตกถ้ำฝุ่นต้องเดินจากจุดจอดรถเข้าไปเล็กน้อยประมาณ 200 เมตร ระหว่างทางบางช่วงจะมีดอกไม้ป่าสวยๆงามๆให้ชมตาม 2 ข้างทาง ไม่ว่าจะเป็น ดอกเทียนสีชมพูอมม่วงสดที่ขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ให้สีสันสวยงามอยู่หลายช่วงด้วยกัน ดอกเปราะหินสีเหลืองสด ดอกเข้าพรรษาสีเหลืองกับรูปทรงเฉพาะตัว ดอกเอนอ้าสีชมพูอมม่วง รวมไปถึงดอกหงอนนาคจิ๋วสีม่วงอ่อนที่มีขนาดเล็กกว่าหงอนนาคที่ภูสอยดาวราว 5-6 เท่า
น้ำตกถ้ำฝุ่นเป็นน้ำตกขนาดกลาง ประกอบด้วยสายน้ำตก 4 สายไหลตกลงจากหน้าผามารวมกัน เริ่มจากสายกลุ่มสายน้ำตกทางซ้ายมือที่ไหลมาสมทบกับสายทางขวามือ แล้วไหลรวมเป็นลำธารสายเดียวกัน มีลักษณะเป็นร่องแคบ ไม่ลึก เหมาะแก่การลงไปเล่นน้ำ แช่น้ำ
ขณะที่ตัวน้ำตกด้านซ้ายเบื้องล่างที่สายน้ำไหลผ่านลานหินที่มีระนาบความลาดชันต่ำ บางช่วงบางตอนมีลักษณะเป็นหลุม หรือ “โบก” ใหญ่น้อย บางโบกใหญ่จนคนลงไปแช่ตัวดุจดังสปาธรรมชาติอันน่าทึ่งและน่าเพลิดเพลินยิ่งนัก
ต่อกันด้วย “น้ำตกเจ็ดสี” ที่ตั้งอยู่ในบ้านดอนเสียด ต.บ้างต้อง อ.เซกา
น้ำตกเจ็ดสี เดิมชื่อในภาษาถิ่นเรียกว่า “น้ำตกห้วยกะอาม”(บ้างเรียกน้ำตกสะอาม) เพราะตัวน้ำตกเกิดจากธารน้ำของห้วยกะอาม(สะอาม) แต่ที่เรียกภายหลังว่าน้ำตกเจ็ดสีนั้น ข้อมูลจากเอกสารนำเที่ยวของททท. ระบุว่า เกิดจากละอองน้ำยามเช้าไปกระทบกับแสงแดดทำให้เกิดประกายสีรุ้งขึ้น จึงเรียกว่าน้ำตกเจ็ดสี แต่ก็มีบางข้อมูลกล่าวว่าน้ำตกแห่งนี้เดิมรู้จักกันเฉพาะในท้องถิ่น แต่เมื่อช่องเจ็ดมาทำข่าวน้ำตกไป จึงเป็นรู้จักกันอย่างกว้างขวาง ชื่อน้ำตกจึงถูกเรียกใหม่เป็นน้ำตกเจ็ดสี
การเดินทางเข้าถึงตัวน้ำตกเจ็ดสี จากจุดจอดรถต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 1 กม. ไปตามทางที่มีทิวทัศน์สวยงามของลานหินทรายกว้างใหญ่และมวลหมู่ดอกไม้ใน 2 ข้างทาง และผ่านลำธารน้ำตื้นๆสามารถเล่นน้ำได้ซึ่งก็มีคนนิยมลงเล่นน้ำตามแนวลำธารอยู่เป็นจำนวนมาก ก่อนจะถึงยังตัวน้ำตกเจ็ดสีที่ในเส้นทางใกล้ถึงตัวน้ำตก เป็นทางเดินบนหินทราย มีความลื่นมาก ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูงในการเดิน
น้ำตกเจ็ดสีมี 3 ชั้นด้วยกัน ชั้นที่เป็นไฮไลท์มีความยิ่งใหญ่สวยงาม สายน้ำไหลเป็นสายสีขาวแผ่สยายเป็นสายกว้างลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ที่เป็นแอ่งน้ำตื้นกว้างใหญ่ ดุจดังสระน้ำธรรมชาติ สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างสบายใจไม่ต้องกลัวจม ขณะที่ด้านผาฝั่งซ้ายของน้ำตกนั้นก็เต็มไปด้วยเปราะหินที่ให้ดอกสีเหลืองอย่างสวยงาม
ปิดท้ายน้ำตกงามยามหน้าฝน จ.บึงกาฬ ในลำดับที่ 3 กันด้วย“น้ำตกภูถ้ำพระ” หรือ “น้ำตกถ้ำพระ” ที่ตั้งอยู่ที่บ้านถ้ำพระ ต.โสกก่าม อ.เซกา
น้ำตกภูถ้ำพระแม้อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว แต่ได้ให้ทางองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นดูแลและจัดการด้านการท่องเที่ยว
สำหรับการเข้าถึงตัวน้ำตกภูถ้ำพระแตกต่างจาก 3 น้ำตกที่ผ่านมาคือต้องนั่งเรือเข้าไปตามลำคลองร่มรื่น ประมาณ 10 นาที จากนั้นเดินเท้าอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงยังตัวน้ำตกภูถ้ำพระ ที่มีความสวยงามยิ่งใหญ่อลังการมาก
น้ำตกภูถ้ำพระ แบ่งเป็น 3 ช่วงหลักๆด้วยกัน ช่วงแรก(ด้านล่าง) เป็นธารน้ำตกไหลลดหลั่นลงสู่แอ่งก้นกระทะ มีน้ำลึก เหมาะสำหรับคนว่ายน้ำเป็น ซึ่งก็มีพวกวัยรุ่นบ้าพลังไปกระโดน้ำตูมตาม ตามเสียงเชียร์ของสาวๆกันเป็นจำนวนมาก
จากนั้นเมื่อเดินขึ้นไปจะเป็นน้ำตกช่วงกลาง มีลักษณะเป็นลำธารหลายสาย มีสายน้ำไหลแรง แต่น้ำตื้น ทำให้มีคนไปแช่น้ำแล่นน้ำกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกับกิจกรรมสไลเดอร์นี่ได้รับความนิยมอย่างสูงทีเดียว
ธารน้ำตกในช่วงกลางนี้กินพื้นที่ขนาดใหญ่ยาวไปจนถึงบริเวณฝายทดน้ำที่ใครชอบพื้นที่จุดไหน ก็ลงเล่นน้ำตรงจุดนั้นกันได้ตามใจชอบ เพราะน้ำตื้น แต่ว่าหลายจุดมีความลื่นมาก ต้องระวังให้ดี เช่นเดียวกับต้องระวังน้ำป่า ที่หากเห็นมีสายน้ำที่สีแดงไหลมาก็ต้องเตรียมเผ่นขึ้นที่สูงกันได้แล้ว
ในบริเวณธารน้ำตกช่วงกลางจะมีด้านหนึ่งเป็นเพิงผา ริมเพิงผาประดิษฐานพระพุทธรูป 2 องค์ สร้างด้วยศิลปะพื้นบ้าน คนมาเที่ยวน้ำตกนิยมมากราบไหว้ขอพรกันไม่ขาดสาย ซึ่งหลายๆคนสันนิษฐานว่านี่อาจจะเป็นที่มาของชื่อน้ำตกถ้ำพระ
จากนั้นเหนือฝายขึ้นไปจะมีบันไดเดินขึ้นไปสู่น้ำตกถ้ำพระชั้นไฮไลท์ ที่เป็นสายน้ำตกกว้างสีขาวฟูฟ่องไหลลงมาสู่แอ่งน้ำตื้นเบื้องล่าง ที่มีคนขึ้นมาทั้งนั่งชมน้ำตก ทั้งเล่นน้ำ พ่อแม่ก็พาลูกเด็กเล็กแดงมาเล่นน้ำอย่างสบายใจ เพราะน้ำตื้นมากแต่มีพื้นที่แอ่งกว้างขวาง ท่ามกลางบริเวณรอบข้างที่หาต้นไม้ใหญ่ไม่มี หลายคนจึงเลือกลงน้ำเป็นการดับร้อนให้หนำใจ เพราะที่นี่ดูคล้ายกับสวนน้ำธรรมชาติบนลานหินอันกว้างใหญ่ที่น่าเพลิดเพลินกระไรปานนั้น
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์แห่งบึงกาฬยามหน้าฝนที่หากใครได้ไปเยือน ยังไงๆก็ให้เคารพในสถานที่ และทิ้งไว้เพียงรอยเท้า เก็บมาเพียงภาพถ่ายและความทรงจำดีๆ
ส่วนขยะนั้นให้นำกลับไป หากจำเป็นต้องทิ้งก็ให้ทิ้งลงถังในที่ที่การจัดเตรียมไว้ให้ แต่ทางที่ดีนำกลับไปเป็นดีที่สุด เพราะทุกวันนี้มนุษย์เราได้ทำร้ายทำลายธรรมชาติจนบอบช้ำยับเยินกันมามากพอแล้ว
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com