ประเทศนิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่การขับรถท่องเที่ยวด้วยตัวเองถือเป็นตัวเลือกในลำดับต้นๆ ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ด้วยวิวทิวทัศน์อันสวยงาม พร้อมบรรยากาศการขับรถท่องเที่ยวเองซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวมีอิสระที่จะได้ชื่นชมทิวทัศน์ในแต่ละจุดได้อย่างเต็มที่
หากเลือกที่จะมาเยือนเกาะเหนือของนิวซีแลนด์และขับรถเที่ยวเองแล้ว หนึ่งในเส้นทางขับรถอันโดดเด่นก็คือ เส้นทาง Pacific Coast Highway ซึ่งเป็นการขับลัดเลาะเลียบมหาสมุทรแปซิฟิกทางทิศตะวันออกของเกาะเหนือ โดยตั้งต้นจากโอ๊คแลนด์ไปจบที่เนเปียร์ ด้วยระยะทางรวมทั้งสิ้น 1,170 กิโลเมตร
บนถนนแห่งการเดินทางสายนี้นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับวิวชายฝั่งทะเล และเวิ้งน้ำของมหาสมุทรแปซิฟิกอันงดงาม รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องหยุดพักแวะถ่ายรูป เซลฟี่กันเป็นที่เพลิดเพลิน ซึ่ง “การท่องเที่ยวนิวซีแลนด์” ได้แนะนำ 8 จุดน่าสนใจห้ามพลาด บนเส้นทางสายนี้ ได้แก่
Cathedral Cove สัญลักษณ์แห่งโคโรแมนดัล
เริ่มต้นการเดินทางจากโอ๊คแลนด์บนทางหลวงหมายเลข 2 ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 25 มุ่งหน้าสู่ภูมิภาคเดอะโคโรแมนดัล (The Coromandel) ที่เป็นศูนย์รวมของแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมกลางแจ้งยอดนิยมของชาวกีวี รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่ห้ามพลาดชวน คือ “Cathedral Cove”
Cathedral Cove เป็นหนึ่งในจุดหมายที่ห้ามพลาดเมื่อเดินทางมาเยือนภูมิภาคโคโรมันเดล จุดเด่นอยู่ที่เขาที่มีลักษณะโค้งทำให้เกิดเป็นอุโมงค์หิน ยืนตระหง่านเป็นฉากหลังตัดกับหาดทรายขาวและน้ำทะเลใส และเป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยว โดยการเดินทางมาที่นี่ทำได้สองวิธี คือ เดินเท้าหรือนั่งเรือ เส้นทางเดินเท้าใช้เวลาเดินไป-กลับประมาณชั่วโมงครึ่ง โดยเฉพาะการพายเรือคายัคคือเป็นกิจกรรมที่ควรทำสักครั้งเมื่อมาเที่ยวนิวซีแลนด์
Hot Water Beach แช่สปาธรรมชาติบนหาดทราย
ขับรถต่อจาก Cathedral Cove เพียงแค่ 10 นาที จะพบกับสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ซึ่งทำให้ชายหาดแห่งนี้ต่างจากหาดทั่วๆไป เพราะมีแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่อยู่ใต้พื้นทราย เพียงกะเวลาเดินทางมาถึงที่หาดนี้ช่วงเวลาที่น้ำลงและพกพลั่วติดตัวมาด้วย หรือจะหาเช่าจากร้านค้าก็ได้ เท่านี้ก็จะได้แช่สปาน้ำร้อนแบบส่วนตัวที่ขุดขึ้นมาเอง พร้อมชมวิวมหาสมุทรแปซิฟิกและเสียงเกลียวคลื่นกระทบฝั่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร
หลังแช่สปากันจนสบายตัวแล้วเราเดินทางกันต่อบนทางหลวงหมายเลข 25 และตัดกลับเข้าทางหลวงหมายเลข 2 อีกครั้งเพื่อมุ่งหน้าสู่ภูมิภาค Bay of Plenty ซึ่งเป็นแหล่งรวมชายหาดอันสวยงาม และเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟในทะเลแห่งเดียวของประเทศนิวซีแลนด์
Mount Maunganui เมืองชายทะเลสุดฮิตบนอินสตาแกรม
จุดต่อไปคือ เมานท์มองกานุย (Mount Maunganui) เมืองพักตากอากาศชายทะเลยอดนิยมของชาวนิวซีแลนด์ที่ติดอันดับมาอย่างยาวนาน และติดอันดับเมืองที่คนถ่ายภาพแชร์ลงอินสตาแกรมมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในปี 2015
หากอยากได้ภาพสวยๆ จะต้องเดินขึ้นเขาที่ชื่อว่า “เมาเอา” (Mauao) ที่สูง 232 เมตรจากระดับน้ำทะเล ใช้เวลาเดินขึ้นสู่ยอดเขาราว 30-45 นาที ขึ้นอยู่กับความฟิตของร่างกาย แต่รับประกันว่าเมื่อถึงยอดเขาแล้วจะได้ชมวิวทิวทัศน์ 360 องศา อันสวยงามของแนวชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกที่ไกลสุดลูกหูลูกตา
White Island ความตื่นเต้นที่รออยู่บนภูเขาไฟในทะเล
จากเมานท์มองกานุยเดินทางต่อไปประมาณ 87 กิโลเมตร มุ่งหน้าสู่เมืองวากาทาเน (Whakatane) ที่เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางไปยังเกาะภูเขาไฟ White Island ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่
การเดินทางจะเพิ่มดีกรีความตื่นเต้นอีกไม่น้อยเมื่อได้ทัวร์รอบปล่องภูเขาไฟแห่งนี้ ซึ่งมีความกว้างประมาณ 2 กิโลเมตร และสูง 321 เมตร ไกด์จะพาไปสัมผัสขุมพลัง ตั้งแต่ช่องระบายไอน้ำจากใต้พิภพ บ่อโคลนที่กำลังเดือดปุดๆ และลำธารร้อนคลุกเคล้ากับกลิ่นกำมะถัน จะเป็นประสบการณ์ใกล้ชิดกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ
เราออกเดินทางต่อไปยังภูมิภาค Eastlandบนทางหลวงหมายเลข 35 ซึ่งเป็นภูมิภาคที่อยู่ทางตะวันออกสุดของนิวซีแลนด์ ในเมืองกิสบอร์นซึ่งเป็นเมืองหลักของภูมิภาคนี้ มีความเป็น “ที่สุด” ในหลายๆ จุดด้วยกัน
East Cape lighthouse ชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในโลก
เมืองกิสบอร์น (Gisborne) ถูกขนามนามว่าเป็นเมืองแรกสุดของโลกที่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใคร ในทุกๆเช้า และมีสถานที่ที่เหมาะสมในการเดินทางไปชมแสงแรกของวันคือ ประภาคารอีสต์เคป ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของโลก บนความสูง 154 เมตรจากระดับน้ำทะเล เส้นทางไปเก็บภาพแห่งสัญลักษณ์ของภูมิภาคนี้จะต้องใช้ความพยายามสักหน่อยกับทางเดินบันได 700 กว่าขั้น แต่เมื่อได้เห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้นปลายขอบฟ้าตัดกับขอบทะเล ก็จะประทับใจในความงดงามจนรู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
Tolaga Bay ท่าเทียบเรือที่ยาวที่สุดในนิวซีแลนด์
ขับรถต่ออีก 114 กิโลเมตร จากประภาคารอีสต์เคป ก็จะพบกับอีกหนึ่งที่สุดในกิสบอร์น นั่นคือ ท่าเทียบเรือบนอ่าวโทลาก้าที่ยื่นออกไปในทะเลถึง 660 เมตร ได้ชื่อว่าเป็นท่าเทียบเรือที่ยาวที่สุดของนิวซีแลนด์ ใช้เวลาเดินไปกลับราว 30 นาที ที่นี่นอกจากจะมีวิวทิวทัศน์อันสวยงามน่ายลแล้ว ยังเป็นจุดตกปลาที่ยอดเยี่ยมอีกแห่งหนึ่ง
ส่งท้ายการเดินทางบนถนนสาย Pacific Coast Highway ที่ภูมิภาค Hawke’s Bay ที่นี่เราจะมาผ่อนคลายอย่างเต็มที่จากการขับรถร่วม 1,000 กิโลเมตร ที่เมืองเนเปียร์ (Napier) ด้วยการดื่มด่ำอาหารเลิศรสและจิบไวน์เลื่องชื่อที่ปลูกในภูมิภาคนี้ ต่อด้วยสัมผัสชีวิตชิลๆ สโลว์ไลฟ์กับการเดินชมสถาปัตยกรรมย้อนยุค
Food and Wine อาหารเลิศรส ไวน์เลิศล้ำ
Hawke’s Bay เป็นภูมิภาคที่ผลิตไวน์มีชื่อเสียงของนิวซีแลนด์ และเป็นที่ตั้งของโรงผลิตไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ ภูมิอากาศของที่นี่มีลักษณะใกล้เคียงกับเมืองบอร์กโดซ์ ประเทศฝรั่งเศส จึงสามารถผลิตไวน์แดงที่มีรสชาติกลมกล่อม โดยมีไร่องุ่นและโรงผลิตไวน์กว่า 30 แห่งที่ให้บริการร้านอาหารและทัวร์ห้องบ่มไวน์ที่เสิร์ฟทั้งไวน์และอาหารคุณภาพเยี่ยมที่ปรุงจากวัตถุดิบสดใหม่จากท้องถิ่น นักท่องเที่ยวสามารถเลือกที่จะขับรถเที่ยวชมไร่องุ่นเอง หรือถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาเป็นการทัวร์ด้วยการเช่าจักรยานก็จะได้ประสบการณ์ที่สนุกและดีไม่แพ้กัน แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ห้ามเมาแล้วขับ
Napier ที่นี่เวลาเดินช้าลง
หลังจากแผ่นดินไหวในปี 1931 สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลให้กับอาคารบ้านเรือนใจกลางเมืองเนเปียร์ สถาปัตยกรรมในยุค 1930 รูปแบบของสแปนิชมิชชั่น ที่สำคัญคืออาร์ตเดโค ที่เน้นการใช้รูปทรงเรขาคณิต ถูกนำมาใช้ออกแบบอาคารใหม่ทำให้ทุกวันนี้เนเปียร์กลายเป็นศูนย์รวมของสถาปัตยกรรมอาร์ตเดโคที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อาคารที่โดดเด่นควรไปถ่ายเซลฟี่ด้วย เช่น T&G Building และ National Tobacco Company Building เวลาที่คุณใช้ในการชม และซึมซับความสวยงามของอาคารบ้านเรือนต่างๆ ของเมืองจะช่วยให้รู้สึกถึงความสไลว์ไลฟ์อย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยเติมพลังให้กับการเดินทางบนถนนสายต่อไป
******************************************
ภาพประกอบจาก ปชส. การท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย
ศึกษาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวนิวซีแลนด์เพิ่มเติมได้ที่ www.newzealand.com
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com