“สวนสวรรค์ร้อยพันธุ์ผลไม้”
เป็นสโลแกนอันเก๋ไก๋ของจังหวัด “จันทบุรี” 1 ใน 12 “เมืองต้องห้าม...พลาด” จากแคมเปญท่องเที่ยวอันโด่งดัง (ในปี พ.ศ. 2558) ของ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงมนต์เสน่ห์ของเมืองจันท์ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลไม้อันหลากหลาย
ขณะที่จังหวัด “สระแก้ว” ที่อยู่ติดกันนั้นก็เป็นเมืองชายแดนตะวันออกที่มีสถานที่น่าสนใจมากมาย ที่สำคัญคือมีแหล่งชอปชิ้งชายแดนอันเลื่องชื่อให้ชอปกันกระจาย
ด้วยเหตุนี้ในปี 2559 ททท.จึงชูสระแก้วให้เป็น 1 ใน 12 “เมืองต้องห้าม...พลาดplus” (เมืองต้องห้าม...พลาดพลัส) เชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวระหว่างสระแก้วกับจันทบุรีเข้าด้วยกัน ในเส้นทาง “จันทบุรี plus สระแก้ว” ที่เป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวสุขใจ ชวนให้ไปสัมผัส และหลงรักในมนต์เสน่ห์ที่ต้องห้ามพลาดของเมืองทั้งสองกัน
“จันทบุรี” สวนสวรรค์ร้อยพันธุ์ผลไม้
ทุกๆปีในช่วงเดือน พ.ค. - ก.ค. เป็นช่วงฤดูผลไม้ของภาคตะวันออก โดยเฉพาะที่จันทบุรีนั้นได้ชื่อว่าเป็นดังแดนสวรรค์ของผลไม้ เพราะช่วงนี้ผลไม้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน เงาะ มังคุด สละ ลองกอง ฯลฯ พากันทยอยออกผลสุกหอมให้เราได้อิ่มอร่อย โดยจะมีผลไม้อันหลากหลายวางขายอยู่ทั่วไปในเมืองจันท์และภาคตะวันออก
นอกจากนี้ใครที่มาเที่ยวเมืองจันท์ในช่วงฤดูผลไม้ยังจะได้สัมผัสกับบรรยากาศพิเศษของทัวร์ “อร่อยทุกไร่ ชิมไปทุกสวน” ที่หนึ่งปีมีเพียงช่วงนี้ที่เกษตรกรจะเปิดไร่สวนของตน ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปอร่อยรสผลไม้สดๆกันถึงแหล่ง ปลิดผลไม้สดๆจากต้นลงมากินกันอย่างจุใจ
สำหรับสวนเด่นๆชวนเที่ยวไป กินผลไม้ไป อร่อยไปในเมืองจันท์ก็มี “สวนโถทอง” อ.เมือง “อิสรีย์ ฟาร์มม้าไทย” “สวนป้าแกลบ OTOP 5 ดาว” “สวนชุมชนเขาบายศรี” อ.ท่าใหม่ “สวนเจริญชัย” “สวนสาวสุดใจ” อ.แหลมสิงห์ “สวนภูทิพย์ธารา” อ.ขลุง และ “สวนเคพี การ์เด้น” อ.มะขาม เป็นต้น
ใครที่มาเที่ยวเมืองจันท์ในช่วงนี้จึงถือว่าได้กำไร 2 ต่อเลยทีเดียว
ชุมชนงามริมน้ำจันทบูร
นอกจากเป็นแดนสวรรค์แห่งผลไม้แล้ว จันทบุรียังมีสิ่งน่าสนใจอีกหลากหลายชวนให้ไปสัมผัส โดยหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวในตัวเมืองจันท์ที่ไม่ควรพลาดก็คือ “ชุมชนริมน้ำจันทบูร”(อ.เมือง) ที่วันนี้กำลังมาแรง
ชุมชนริมน้ำจันทบูร เป็นชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำจันทบุรีที่มีการผสมผสานวัฒนธรรมอันหลากหลาย ซึ่งเมื่อมาเดินเที่ยวจะได้สัมผัสกับอาคารบ้านเรือนเก่าแก่อันทรงเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็น บ้านไม้หลังคาปั้นหยา เรือนขนมปังขิง ตึกฝรั่งแบบยุโรป แบบปีนังและสิงคโปร์ หรือที่ล้วนแล้วแต่มีความเก่าแก่คลาสสิกแตกต่างกันไป นอกจากนี้ที่นี่ยังมีอาหารและขนมหลากหลายชวนให้อร่อยกันอย่างเต็มอิ่ม
ส่วนที่ถือเป็นจุดต้องห้ามพลาดของชุมชนริมน้ำจันทบูรก็คือ “อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” หรือ“โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล” ที่ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิกอันโดดเด่น จนได้รับการยกย่องให้เป็นโบสถ์คริสต์ที่เก่าแก่และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย
เนินนางพญางามน่ายล
จันทบุรียังมีชายหาดสงบสวยงามชวนให้ไปพักผ่อนอยู่หลายแห่งด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น “หาดคุ้งวิมาน” อ.นายายอาม “หาดแหลมเสด็จ” “หาดเจ้าหลาว” อ.ท่าใหม่ “หาดแหลมสิงห์” อ.แหลมสิงห์ เป็นต้น ซึ่งบริเวณชายหาดแต่ละแห่งก็จะมีโรงแรมรีสอร์ตและร้านอาหารไว้รองรับนักท่องเที่ยว
ส่วนใครถ้าหากต้องการไปชมวิวแจ่มๆ ก็ต้องมาที่ “จุดชมวิวเนินนางพญา”(อ.ท่าใหม่) ที่เมื่อมองลงไปจะเห็นวิวทิวทัศน์ของแนว“ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต”(ถนนชล-จันท์) อันคดโค้งเลาะเลียบไปกับท้องทะเลเมืองจันท์อันงดงาม ชวนให้ถ่ายภาพ เซลฟี่ แชร์กระจายลงในโซเชียลมีเดีย
สำหรับอีกหนึ่งจุดชมวิวบนถนนเฉลิมบูรพาชลทิตที่อยากแนะนำก็คือช่วงเส้นทางในอำเภอแหลมสิงห์ บริเวณสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สะพานที่ทอดพาดข้ามปากน้ำแหลมสิงห์ ซึ่งเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในภาคตะวันออก จากบนสะพานมองลงไปเห็นบ้านเรือนและเรือประมงหลายสิบลำ รวมถึงกระเตง กระชัง และราวไม้สำหรับเพาะเลี้ยงหอย เป็นภาพของวิถีชีวิตชาวประมงที่น่าชม
“ตึกแดง” และ “คุกขี้ไก่” เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวน่าชมของแหลมสิงห์ ตึกแดงเป็นอาคารที่สร้างขึ้นในสมัยที่ฝรั่งเศสเข้ามายึดครองจันทบุรี เป็นอาคารปูนชั้นเดียวทาด้วยสีแดงทั้งหลัง แต่เดิมใช้เป็นกองบัญชาการและที่พักนายทหารฝรั่งเศส ส่วนคุกขี้ไก่เป็นอาคารปูนสองชั้น ใช้เป็นที่คุมขังนักโทษโดยเลี้ยงไก่ไว้ชั้นบนเพื่อให้ถ่ายมูลรดศีรษะนักโทษ นอกจากนั้นก็ยังสามารถไปชมบรรยากาศของหาดแหลมสิงห์อันเงียบสงบและเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกด้วย
ยลแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสรรสร้าง
พูดถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ จันทบุรีก็ไม่แพ้ใครที่ไหน โดยในจังหวัดแห่งนี้มีน้ำตกขนาดใหญ่และสวยงามอยู่ถึง 3 แห่ง คือ “น้ำตกกระทิง” ในอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ อ.เขาคิชฌกูฏ “น้ำตกเขาสอยดาว” ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว อ.เขาสอยดาว และ “น้ำตกพลิ้ว” ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว อ.แหลมสิงห์
สำหรับน้ำตกพลิ้ว ถือเป็นน้ำตกยอดนิยมที่สุดก็ว่าได้ เพราะเดินทางเข้าถึงได้สะดวกสบาย อีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความงามตามธรรมชาติ และมีเรื่องราวเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ของไทย โดยล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสมายังน้ำตกแห่งนี้หลายครั้งในระหว่าง พ.ศ. 2417-2424 นอกจากนั้น พระองค์ยังได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง “สถูปพระนางเรือล่ม” รูปทรงพีระมิด เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักและเป็นที่บรรจุพระอังคารของพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ (พระนางเรือล่ม) ซึ่งเคยเสด็จประพาสน้ำตกพลิ้ว เมื่อ พ.ศ. 2417
ตัวน้ำตกพลิ้วไหลทิ้งตัวลงมาจากผาสูง 20 เมตร ลงมาสู่แอ่งน้ำใสขนาดใหญ่ มีความลึกราว 2 เมตร เป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวที่มาแหวกว่ายรับความเย็นกับสายน้ำ และมาว่ายน้ำเล่นกับ “ปลาพลวงหิน” หรือ “ปลาพลวง” ตัวสีดำเป็นเงาว่ายนิ่งๆ อยู่ในธารน้ำใสคู่กับน้ำตกพลิ้วมาแต่ไหนแต่ไร
แวะไหว้พระ ณ เมืองจันท์
วัดงามในจันทบุรีเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่อยากให้พลาดชม โดยที่นี่มีวัดหลายแห่งที่มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจ ขอหยิบยกมาบางแห่ง ได้แก่
“วัดทองทั่ว” (ต.คลองนารายณ์ อ.เมือง) เป็นวัดสมัยกรุงศรีอยุธยา วัดแห่งนี้มี "พระพุทธสุวรรณมงคลศากยมุนีศรีสรรเพ็ชญ์" หรือ “หลวงพ่อทอง” เป็นพระพุทธรูปสำคัญที่เก่าแก่และมีพุทธลักษณะงดงาม อีกทั้งในวัดยังเป็นที่ตั้งของ “พิพิธภัณฑ์โบราณสถานเมืองเพนียด” จัดแสดงเรื่องราวของโบราณสถานเมืองเพนียดที่สันนิษฐานว่าเคยเป็นที่ตั้งของเมืองจันทบุรีในยุคแรก โดยมีโบราณวัตถุนำมาจัดแสดงไว้ให้ชมกัน เช่น ทับหลัง เทวรูป ศิวลึงค์ เป็นต้น
“วัดพลับ” (ต.บางกะจะ อ.เมือง) เป็นอีกหนึ่งวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย และเป็นวัดที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีก่อนที่จะเข้าตีเมืองจันท์ โดยมีการสร้างพระยอดธงและประพรมน้ำมนต์เพิ่มขวัญกำลังใจให้ทหาร ทำให้ปัจจุบัน “พระยอดธง” หรือ “พระเสาธงกรุวัดพลับ” เป็นที่นิยมของนักสะสมพระเครื่องอย่างมาก อีกทั้งวัดนี้ยังเคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทำน้ำพระพุทธมนต์ราชาภิเษกในการเสด็จขึ้นครองราชย์ของพระมหากษัตริย์เสมอมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 7
“วัดชากใหญ่” (ต.พลิ้ว อ.แหลมสิงห์) เป็นที่ตั้งของ "พุทธอุทยานมหาปทุมวิทยาญาณสัมปันโน" ซึ่งมีพุทธประติมากรรมอันยิ่งใหญ่อลังการเป็นเรื่องราวของพระพุทธเจ้าที่แสดงธรรมเทศนาโปรดพระอรหันต์ในวันมาฆบูชา อีกทั้งยังมีประติมากรรมเกี่ยวกับพุทธชาดกพร้อมทั้งแผ่นป้ายอธิบายรายละเอียด รวมถึงยังจะได้สักการะพระพุทธรูปปางไสยาสน์ และพระพุทธรูปปางนาคปรก เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
“วัดมังกรบุปผาราม” หรือ “เล่งฮั้วยี่” (ต.พลิ้ว อ.แหลมสิงห์) วัดแห่งนี้มีประวัติเกี่ยวข้องกับพระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร (สกเห็ง) ผู้สร้างวัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน้ยยี่) ที่เยาวราช กรุงเทพฯ และวัดจีนประชาสโมสร (เล่งฮกยี่) จ.ฉะเชิงเทรา เล่ากันว่า ทั้งสามวัดนี้สร้างขึ้นในสามจุดสำคัญตามฮวงจุ้ยมังกร โดยตำแหน่งหัวมังกรอยู่ที่วัดเล่งเน่ยยี่ ตำแหน่งท้องมังกรอยู่ที่วัดเล่งฮกยี่ ส่วนตำแหน่งหางมังกรอยู่ที่วัดเล่งฮั้วยี่ จ.จันทบุรี นี่เอง
“สระแก้ว” เมืองชายแดนนี้มีถ้ำงาม
จากจันทบุรี“ตะลอนเที่ยว”เดินทางไปตามเส้นทางหมายเลข 317 สู่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมโยงเมืองทั้งสองเข้าด้วยกัน ภายใต้แนวคิด “จันทบุรี plus สระแก้ว” ของ ททท.
โดยจากตัวเมืองจันทบุรีเส้นทางนี้จะผ่าน อ.มะขาม อ.โป่งน้ำร้อน และ อ.สอยดาว จังหวัดจันทบุรี ก่อนจะเข้าสู่ อ.วังน้ำเย็น อ.เขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว และไปสิ้นสุดเส้นทางหมายเลข 317 ที่ตัวเมืองสระแก้ว
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวในเส้นทางนี้ก็มีหลากหลาย ไล่มาตั้งแต่เขตจังหวัดจันทบุรี สามารถแวะเที่ยวชม “น้ำตกหินดาด” อ.โป่งน้ำร้อน และ “น้ำตกเขาสอยดาว” อ.เขาสอยดาว ในเขต จ.จันทบุรี
ส่วนเมื่อเข้าสู่เขตจังหวัดสระแก้วก็สามารถแวะเที่ยวที่ อ.คลองหาด ซึ่งมีถ้ำงดงามหลายแห่งให้ชม ได้แก่
“ถ้ำน้ำเขาศิวะ” (บ้านเขาตาง็อก ต.คลองไก่เถื่อน) ที่ต้องลุยน้ำเข้าไป ภายในถ้ำงดงามไปด้วยหินงอกหินย้อยสวยงามระยิบระยับลักษณะคล้ายกับแท่นพระศิวะ
“ถ้ำเพชรโพธิ์ทอง” (บ้านเขาเลื่อม ต.คลองหาด) เป็นถ้ำขนาดกลางอยู่ในภูเขา มีไฮไลต์อยู่ที่ด้านบนของเพดานถ้ำห้องหนึ่งจะมีแร่สนิมผสมกับยางไม้มีลักษณะคล้ายใบโพธิ์สีทอง อันเป็นที่มาของชื่อถ้ำแห่งนี้
“ถ้ำเพชรหาดทรายแก้ว” (บ้านเขาเลื่อม ต.คลองหาด) เป็นถ้ำขนาดเล็กที่มีจุดเด่นคือสามารถทำกิจกรรมโรยตัวจากหน้าผาสูงลงมาสู่เบื้องล่างได้อย่างน่าตื่นเต้น ระทึกใจ
เขาฉกรรจ์ งามเด่น
จาก อ.คลองหาด “ตะลอนเที่ยว”เดินทางขึ้นเหนือมาที่ อ.เขาฉกรรจ์ อำเภอที่ตั้งชื่อตามเทือกเขาหินปูนขนาดใหญ่ชื่อว่า“เขาฉกรรจ์” ที่ตั้งโดดเด่นเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของจังหวัดสระแก้ว
เขาฉกรรจ์ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 317 ลักษณะเป็นเขา 3 ลูกเรียงกัน เขาลูกที่ใหญ่ที่สุดตรงกลางคือเขาฉกรรจ์ ภูเขามิ่งอยู่ด้านซ้าย และเขาฝาละมีอยู่ด้านขวา เขาทั้ง 3 ลูกนี้จัดเป็น “สวนรุกขชาติเขาฉกรรจ์” ซึ่งเป็นที่อยู่ของลิงป่าและฝูงค้างคาวจำนวนมากที่จะบินออกมาในตอนเย็นเป็นสายยาว ส่วนบริเวณเชิงเขาเป็นที่ตั้งของวัดถ้ำเขาฉกรรจ์ สามารถจะกราบไหว้พระที่บริเวณวัดกันก่อนได้
นอกจากนี้เขาฉกรรจ์ยังมีถ้ำเล็กถ้าน้อยมากถึง 72 ถ้ำ ซึ่งสามารถเข้าชมได้บางแห่ง เช่น ถ้ำหนุมาน ถ้ำงู ถ้ำมืด ถ้ำแก้วพลายชุมพล เป็นต้น ส่วนถ้ำยอดนิยมที่สุดคือ “ถ้ำทะลุ” ที่เราสามารถปีนบันไดจากตีนเขาขึ้นไปชมทิวทัศน์ด้านบนของถ้ำ ซึ่งนอกจากจะมีพระพุทธรูปให้สักการะแล้ว ยังมีช่องทะลุขนาดใหญ่สมชื่อที่สามารถชมทิวทัศน์บริเวณรอบๆ ได้อย่างสวยงามมากทีเดียว แต่บันไดช่วงท้ายก็ค่อนข้างชันมากเช่นกัน ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินขึ้น-ลง
กาสรกสิวิทย์ โรงเรียนสอนควายเลื่องชื่อ
จาก อ.เขาฉกรรจ์ หากเดินทางต่อมาไม่นานก็เข้าสู่ อ.เมือง จ.สระแก้ว ซึ่งชื่อ “สระแก้ว”นั้นมาจาก “สระแก้ว-สระขวัญ” สระน้ำที่เชื่อกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะสระแก้ว สระน้ำแห่งนี้ถือเป็นดังสัญลักษณ์ของความศักดิ์สิทธิ์เป็นสิริมงคล อีกทั้งน้ำในสระแห่งนี้ยังเคยถูกนำไปใช้ในพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาอีกด้วย
ขณะที่“วัดสระแก้ว” ก็ถือเป็นหนึ่งในวัดสำคัญคู่เมืองสระแก้ว เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อ “หลวงพ่อทอง” หรือพระครูรัตนสราธิคุณ ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ประชาชนชาวสระแก้วเคารพศรัทธาเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ใน อ.เมือง สระแก้ว ยังมีอีกหนึ่งสถานที่อันน่าตื่นตาตื่นใจ นั่นก็คือ “โรงเรียนกาสรกสิวิทย์”(ต.ศาลาลำดวน อ.เมือง) ซึ่งเป็นโรงเรียนสำหรับฝึกสอนควายให้สามารถไถนาและทำงานด้านการเกษตรกรรม อีกทั้งยังสอนผู้ที่ต้องการใช้ควายทำการเกษตรให้สามารถทำงานร่วมกับควายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสถานที่ให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องวิถีชีวิตแบบพื้นบ้าน รวมถึงการใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ไม่เพียงการฝึกควายและสอนคนให้ฝึกควายเท่านั้น แต่โรงเรียนแห่งนี้ยังสอนวิชาชีพอื่นๆ ให้กับเกษตรกรที่มาเข้ารับการฝึกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสอนทำบ่อแก๊สชีวภาพ การทำบ้านดิน การเลี้ยงปลาเลี้ยงไก่ เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้พอที่จะไปต่อยอดได้ด้วยตัวเอง
“ปางสีดา-ตาพระยา” ผืนป่าใหญ่มรดกโลก
ที่สระแก้วยังเป็นที่ตั้งของผืนป่าใหญ่ที่เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกเขาใหญ่-ดงพญาเย็นอยู่ถึง 2 แห่งด้วยกัน คือ “อุทยานแห่งชาติตาพระยา” และ “อุทยานแห่งชาติปางสีดา”
สำหรับ “อุทยานแห่งชาติปางสีดา" มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอเมือง อำเภอวัฒนานคร อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว รวมไปถึงบางส่วนของอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ “น้ำตกปางสีดา” น้ำตกขนาดกลางสูงประมาณ 10 เมตรไหลลดหลั่นลงมาจากผาหินเป็นชั้นๆ สู่แอ่งน้ำด้านล่าง
นอกจากนั้นที่อุทยานแห่งนี้ยังเป็นจุดชม “ผีเสื้อ” ชั้นเยี่ยม โดยแมลงปีกสวยจำนวนมากสามารถพบเห็นได้บริเวณชายป่าตรงทางเข้าถนนทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งถือเป็นจุดดูผีเสื้อชั้นเยี่ยมของอุทยานฯ โดยที่นี่มีผีเสื้อนานาพันธุ์กว่า 300 ชนิด จนได้รับฉายาว่าเป็น "เมืองผีเสื้อแห่งผืนป่าตะวันออก" และทุกปีจะมีการจัด “เทศกาลดูผีเสื้อปางสีดา” ขึ้นเป็นประจำ ในปีนี้จัดตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.-31 ก.ค. พร้อมกิจกรรมมากมายทั้งนิทรรศการผีเสื้อและเทคนิคการดูผีเสื้อจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติปางสีดาอีกด้วย
ด้าน “อุทยานแห่งชาติตาพระยา" ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว มีลักษณะเป็นที่ราบโอบล้อมด้วยขุนเขา มีความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณและเป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิด อาทิ ช้างป่า เสือ กระทิง วัวแดง เก้ง กวาง และนกมากกว่า 300 ชนิด จุดเด่นของที่นี่คือเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ทำไว้รองรับนักท่องเที่ยวหลายเส้นทาง โดยมีสถานที่น่าสนใจอย่าง จุดชมวิวผาแดง เขายักษ์ ป่าสลัดได เป็นต้น
ในอำเภอตาพระยายังมีอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจ นั่นก็คือ “ละลุ” บ้านคลองยาง ต.ทัพราช อ.ตาพระยา หนึ่งในความแปลกมหัศจรรย์ของธรรมชาติ โดยคำว่า “ละลุ” เป็นภาษาเขมร แปลว่า “ทะลุ” ซึ่งเรียกตามปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการยุบตัวและพังทลายของดิน ก่อนถูกลมและฝนกัดเซาะเป็นเวลายาวนาน จนเกิดเป็นเสาดินรูปร่างแปลกตาชวนให้จินตนาการไปต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นกำแพง หอคอย ปราสาท สัตว์ประหลาด ปะการัง เจดีย์ เป็นต้น
อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่อยากแนะนำกันคือ “อ่างเก็บน้ำพระปรง” ต.ช่องกุ่ม อ.วัฒนานคร ซึ่งเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ จะนั่งเรือล่องแพชมทิวทัศน์ ตกปลา หรือดูนกก็ได้ ซึ่งอ่างเก็บน้ำแห่งนี้มีนกให้ชมมากมาย ทั้ง นกน้ำ นกป่า นกทุ่ง และนกน้ำขนาดใหญ่ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่าง “นกงู” หรือ “นกอ้ายงั่ว” ที่มีลำคอยาวเรียวดูคล้ายงู เมื่อมันลงว่ายน้ำ ดำน้ำ จับปลา ลำตัวทั้งหมดจมอยู่ใต้น้ำมีเพียงส่วนหัวและลำคอที่ชูขึ้นมาเหนือน้ำ มองคล้ายๆ งูกำลังว่ายน้ำ สมดังชื่อ “นกงู” จริงๆ
“สด๊กก๊อกธม” ปราสาทหินใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก
ชวนมาชมแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของสระแก้วกันสักหน่อย ที่ “ปราสาทสด๊กก๊อกธม” บ้านหนองหญ้าแก้ว ต.โคกสูง อ.โคกสูง ปราสาทหินในวัฒนธรรมขอมซึ่งเป็นศาสนสถานเกี่ยวเนื่องกับศาสนาฮินดูแบบไศวนิกายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก โดยคำว่า “สด๊กก๊อกธม” เป็นภาษาเขมร มีความหมายว่า “กกกอใหญ่” หรือ “บึงต้นกกใหญ่”
ปัจจุบันกรมศิลปากรได้มีการบูรณะซ่อมแซมและเปิดให้เข้าชม ปราสาทแห่งนี้มีสิ่งก่อสร้างสำคัญได้แก่ ปราสาทประธาน มีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีบันไดขึ้นลงทางด้านหน้า ในห้องครรภคฤหะของปราสาทมีฐานโยนีขนาดใหญ่สำหรับประดิษฐานศิวลึงค์ รูปเคารพแทนองค์พระศิวะ และนอกจากปราสาทประธานแล้ว ก็ยังมีโคปุระชั้นนอกและชั้นใน บรรณาลัย บาราย (บ่อน้ำ) ทางดำเนินและเสานางเรียงอีกด้วย
อรัญประเทศ เสน่ห์เมืองชายแดน
แน่นอนว่าหากพูดถึงสระแก้ว หลายคนคงนึกถึงอำเภอชายแดนอย่าง “อรัญประเทศ” ก่อนเป็นอย่างแรก แม้ว่าบางคนจะนึกไปถึงการข้ามแดนไปละลายทรัพย์ยังบ่อนกาสิโนในเขตเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา แต่แท้จริงแล้วอรัญประเทศมีสิ่งที่น่าสนใจและจรรโลงใจมากกว่านั้น
ในตัวอำเภออรัญประเทศไม่เงียบเหงา แต่คึกคักไปด้วยผู้คนทั้งคนท้องถิ่นและผู้ที่เดินทางมาทำกิจธุระรวมถึงมาข้ามด่านชายแดนบ้านคลองลึก ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนไปสู่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา เชื่อมโยงไปถึงเมืองท่องเที่ยวของกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นเมืองพระตะบอง เมืองเสียมราฐ (นครวัด-นครธม) เมืองหลวงพนมเปญ เป็นต้น ดังนั้นในตัวอำเภอจึงมีโรงแรมมากมายทั้งเล็ก-ใหญ่ เปิดให้บริการอยู่หลายแห่ง
คนส่วนหนึ่งที่มาอรัญประเทศจะมุ่งหน้าไปยัง “ตลาดโรงเกลือ” หรือตลาดการค้าชายแดน ที่เมื่ออดีตบริเวณนี้ใช้เป็นที่เก็บเกลือเพื่อส่งขายไปยังกัมพูชา จึงเป็นที่มาของชื่อ “โรงเกลือ” ในปัจจุบัน ตลาดแห่งนี้มีชื่อเสียงมานานในเรื่องการค้าขายเสื้อผ้าและรองเท้ามือสอง แต่ปัจจุบันมักเป็นสินค้านำเข้าจากจีนเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยบรรยากาศของตลาดโรงเกลือจะคึกคักในช่วงสายไปจนถึงช่วงบ่าย ผู้คนมากมายทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้า รวมไปถึงคนงานที่มารับจ้างขนของกันขวักไขว่ตลอดทั้งวัน
เมื่อมาถึงเมืองอรัญประเทศ ขอพาไปกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องคุ้มครองคนอรัญฯ มาอย่างยาวนาน นั่นคือ “พระสยามเทวาธิราชองค์จำลอง” ซึ่งประดิษฐานอยู่บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ โดยใน พ.ศ. 2518 พระครูอุทัยธรรมธารี เจ้าอาวาสวัดป่ามะไฟ มีดำริให้จำลองพระสยามเทวาธิราชขึ้นและได้มอบให้นำมาประดิษฐานยังที่แห่งนี้เพื่อป้องกันภัยสงครามให้แก่ทหาร ตำรวจ และพลเรือน เนื่องจากเวลานั้นมีการรบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชามานานกว่า 7 ปี
แคนตาลูป ของดีสระแก้ว
แม้จะไม่มีผลไม้หลากหลายเท่าจันทบุรี แต่สระแก้วก็มี“แคนตาลูป”เป็นหนึ่งในของดีประจำจังหวัด
แคนตาลูป เป็นผลไม้ขึ้นชื่อของสระแก้วที่ปลูกกันอย่างแพร่หลายใน อ.อรัญประเทศและพื้นที่ใกล้เคียง จนกลายเป็นผลผลิตสำคัญเป็นที่รู้จักกันดีของอรัญประเทศ และมีการจัด “งานวันแคนตาลูปและของดีเมืองอรัญ” ขึ้นเป็นประจำทุกปี
สำหรับแหล่งขายแคนตาลูปแหล่งใหญ่นั้นก็อยู่ในอำเภออรัญประเทศ บริเวณริมถนนสุวรรณศร หน้าตลาดเทศบาล 2 ไม่ไกลจากตลาดโรงเกลือนัก ซึ่ง“ตะลอนเที่ยว” มีโอกาสได้ไปแวะซื้อแคนตาลูปที่อรัญประเทศมากินแล้ว บอกได้เลยว่าเด็ดจริง อร่อย หวาน กรอบ ชนิดที่กินลูกเดียวไม่พอ
และนี่ก็คือ เมืองต้องห้าม...พลาด พลัส แห่งภาคตะวันออก “จันทบุรี plus สระแก้ว” สองจังหวัดน่าเที่ยวที่ต่างเติมเต็มให้การเดินทางในครั้งนี้เปี่ยมไปด้วยความสุขไม่น้อยเลย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในเส้นทาง เมืองต้องห้าม...พลาด พลัส “จันทบุรี plus สระแก้ว” เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานระยอง (ดูแลพื้นที่ระยอง จันทบุรี) โทร.0-3865-5420-1, 0- 3866-4585 และ ททท.สำนักงานนครนายก (ดูแลพื้นที่นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว) โทร. 0-3731-2282
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com