xs
xsm
sm
md
lg

“Salzburg” เยี่ยมบ้านเกิดโมสาร์ต ตามรอยหนังดัง เมืองในฝันมรดกโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สถานีรถกระเช้าขึ้นสู่ยอดเขา Untersberg
“Salzburg” (ซาลซ์บูร์ก) เป็นชื่อที่คุ้นหูในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความคลาสสิกของเมืองเก่า รวมถึงเสน่ห์ของการเป็นเมืองมรดกโลก เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่โด่งดังเนื่องจากตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ มีทิวทัศน์สวยงาม โอบล้อมด้วยเทือกเขาสูง และยังเต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องสวยๆ ที่เดินดูได้เพลินตา นี่จึงเห็นสาเหตุที่ทำให้ “ตะลอนเที่ยว” ต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาชมให้เห็นกับตา

เมือง Salzburg เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับที่ 4 ของประเทศออสเตรีย เมืองนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Salzach (ซาลซักค์) และมีเทือกเขาแอลป์โอบล้อม อยู่ติดกับแคว้นบาวาเรีย ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี โดยดินแดนในแถบนี้เป็นแหล่งค้าเกลือเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งชื่อของเมืองก็ได้มาจากความรุ่งเรืองในกิจการค้าเกลือนั่นเอง
หิมะปกคลุมบนยอดเขา
ที่นี่เต็มไปด้วยศิลปะแบบบาโรก และขึ้นชื่อว่าเป็นนครหลวงแห่งศิลปะบาโร้คเลยทีเดียว ซึ่งพื้นที่ในแถบเมืองเก่านั้นเต็มไปด้วยอาคารสวยๆ จากยุคก่อน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ.1997

สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในเมือง Salzburg นั้นอยู่ไม่ห่างจากกันมากนัก สำหรับคนที่มีเวลาน้อยอาจจะใช้เวลาเพียง 1 วัน ในการสำรวจแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ส่วนใครที่อยากชื่นชมและสัมผัสอย่างลึกซึ้งในทุกจุดอาจจะต้องใช้เวลา 2-3 วันเลยทีเดียว
ชมทิวทัศน์สวยๆ ระหว่างอยู่บนกระเช้า
“ตะลอนเที่ยว” เริ่มตั้งต้นทริปนี้จากในตัวเมือง Salzburg จากนั้นก็นั่งรถออกจากตัวเมืองมาราวครึ่งชั่วโมง เพื่อมายัง “Untersberg” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ และการเดินทางขึ้นสู่ยอดเขานั้นต้องใช้บริการกระเช้าไฟฟ้า ที่จะเคลื่อนตัวผ่านทิวทัศน์สวยๆ ด้านล่างให้มองดูกันเพลินๆ แป๊บเดียวก็ขึ้นถึงด้านบน

บนยอดเขานั้นแม้จะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่ก็ยังมีหิมะขาวโพลนปกคลุมอยู่โดยรอบ ที่สถานีด้านบนมีที่ให้นั่งพัก มีร้านอาหาร และห้องน้ำไว้ให้บริการ พักผ่อนกันสักเล็กน้อยก็เปิดประตูออกไปรับลมหนาวด้านนอก เหยียบย่ำบนหิมะกันจนเย็นฉ่ำใจ แล้วค่อยเดินกลับเข้ามาหาไออุ่นด้านในอีกครั้ง

น่าเสียดายว่าในวันที่เราไปถึงนั้นอากาศไม่ค่อยแจ่มใส มีหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นรอบๆ ตัวได้ชัดเจน ถ้าวันไหนที่อากาศดีๆ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นชมบรรยากาศข้างนอกได้อย่างสบายๆ เพราะด้านบนนั้นมีจุดชมวิวสวยๆ อยู่หลายจุด แถมในช่วงฤดูหนาว ที่นี่ยังเป็นลานสกีชั้นดีอีกแห่งหนึ่งด้วย
พระราชวัง Hellbrunn
จากยอดเขาสูงก็กลับลงมาเที่ยวที่พระราชวังฤดูร้อนอันเลื่องชื่อของ Salzburg นั่นคือ “Hellbrunn Palace” (พระราชวังเฮลบรุนน์) ที่นี่เป็นพระราชวังฤดูร้อนที่อาร์คบิชอปแห่งซาลซ์บูร์กสร้างขึ้น เนื่องจากเป็นพระราชวังฤดูร้อนที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก และยังเป็นสถานที่ให้พักผ่อนหย่อนใจ ที่นี่จึงไม่มีห้องนอน แต่ในตัวอาคารก็ยังคงมีจิตรกรรมฝาผนังและบนเพดานที่สวยสดงดงามให้ได้เดินชม

สิ่งที่น่าสนใจของที่นี่ไม่ได้อยู่แค่ตัวอาคารสวยๆ เท่านั้น แต่ยังมีจุดเด่นอยู่ที่ “Trick Fountains” หรือน้ำพุกล ที่ท่านอาร์คบิชอปผู้มีอารมณ์ขันคิดสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อแกล้งบรรดาแขกเหรื่อที่มาเยือนยังพระราชวังฤดูร้อนแห่งนี้ ซึ่งหากว่านักท่องเที่ยวต้องการจะสัมผัสความสนุกสนานจากน้ำพุกลก็สามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ โดยจะมีไกด์พาชมเป็นรอบๆ
เดินฝ่าน้ำพุกลในพระราชวัง
ไกด์จะเริ่มพาทัวร์ตั้งแต่การบรรยายความเป็นมาของพระราชวังแห่งนี้ ซึ่งระหว่างนั่งฟังการบรรยายในเวทีการแสดงกลางแจ้ง ไกด์ก็จะสร้างความตื่นเต้นให้เราด้วยการเปิดน้ำพุบริเวณโต๊ะจิบน้ำชากลางสวน ลองคิดดูว่าหากเราเป็นแขกของท่านอาร์คบิชอป มานั่งจิบชาชมสวนในวันที่อากาศร้อนๆ จู่ๆ ก็มีน้ำพุพุ่งขึ้นมาทุกทิศทุกทางจนตัวเปียกปอน แต่บริเวณหัวโต๊ะซึ่งเป็นที่นั่งของอาร์คบิชอปกลับแห้งสนิทอยู่ผู้เดียว จะสร้างความขบขันให้กับทุกคนขนาดไหน

ความตื่นเต้นระหว่างเดินดูน้ำพุกลไม่ได้จบอยู่เพียงเท่านี้ เพราะตลอดระยะทางการเดินในสวนสวยๆ ก็จะมีน้ำพุกลซ่อนอยู่ตรงจุดนั้นจุดนี้ให้ได้ตื่นเต้นกันอยู่ตลอดเวลา ส่วนไกด์ผู้นำทางก็ขยันสร้างความหวาดระแวงให้นักท่องเที่ยวอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ใครที่พกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตัวก็ต้องดูแลให้ดีหน่อย เพราะเราอาจจะเปียกได้โดยไม่รู้ตัว
ศาลาที่ถ่ายทำภาพยนตร์มนต์รักเพลงสวรรค์ ในสวนด้านหลังพระราชวัง
จบจากทัวร์แบบตื่นเต้นแล้ว ก็ออกมาพักผ่อนหย่อนใจกันต่อที่สวนด้านหลังพระราชวัง ที่นี่เป็นสวนสวยที่เปิดให้เข้าชมและมานั่งเล่นกันได้ฟรีๆ แล้วก็ยังมีอีกจุดหนึ่งที่หลายๆ คนต้องมาตามรอยหนังดัง เป็นศาลากระจกสีขาวที่ตั้งอยู่ในสวนนั่นเอง ศาลาแห่งนี้เป็นที่ถ่ายทำฉากหนึ่งในภาพยนตร์ The Sound of Music อันโด่งดัง ซึ่งแต่เดิมนั้นไม่ได้ตั้งอยู่บริเวณนี้ พอการถ่ายทำเสร็จสิ้นลง ทีมผู้สร้างได้ส่งมอบศาลาให้กับเมือง และได้ย้ายมาตั้งในสวนแห่งนี้ในเวลาต่อมา

สำหรับภาพยนตร์เรื่อง The Sound of Music หรือ มนต์รักเพลงสวรรค์ เป็นภาพยนตร์ชื่อดังที่ออกฉายครั้งแรกในปี ค.ศ. 1965 โดยมีการถ่ายทำฉากต่างๆ โดยใช้สถานที่จริงในเมือง Salzburg ตั้งแต่ทุ่งหญ้ากว้างที่มองเห็นด้านหลังเป็นเทือกเขาแอลป์ ศาลาสีขาวที่ตั้งอยู่ในสวนหลังพระราชวังเฮลบรุนน์ สวนมิราเบล และจุดต่างๆ ในพื้นที่เมืองเก่า ใครที่เป็นคอภาพยนตร์สุดคลาสสิกเรื่องนี้และอยากตามรอยสถานที่ต่างๆ ก็ยังมีทัวร์ตามรอยหนังให้บริการด้วย
ริมแม่น้ำ Salzach
กลับเข้ามาที่ตัวเมือง Salzburg ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำ Salzach สองฝั่งของแม่น้ำมีทางเดินเลาะเลียบไปเรื่อยๆ บางจุดก็มีเก้าอี้ให้มานั่งพักผ่อนชมวิวสวยๆ มีสะพานข้ามแม่น้ำสวยๆ หลายจุด หนึ่งในนั้นมีสะพาน “Mozartsteg” ซึ่งเป็นสะพานคนข้ามเหล็กดัดสไตล์อาร์ตนูโว เป็นจุดถ่ายทำภาพยนตร์มนต์รักเพลงสวรรค์เช่นกัน
ถนนชอปปิ้งบริเวณเมืองเก่า
เข้ามาที่บริเวณเมืองเก่าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในบริเวณนี้สามารถเดินเล่นไปได้เรื่อยๆ มีถนนเชื่อมต่อกันไปตามจัตุรัสต่างๆ ส่วนถนนสายสำคัญที่นักท่องเที่ยวต้องมาเดินชมก็คือ “Getreidegasse” เป็นถนนเส้นเล็กๆ ที่มีอาคารเก่าแก่ตั้งอยู่ทั้งสองฝั่ง ด้านหน้าอาคารจะมีป้ายเหล็กทำด้วยมือลวดลายสวยงามแปลกตา กับกรอบหน้าต่างที่เป็นภาพปูนปั้นแกะสลัก ซึ่งปัจจุบันถนนสายนี้เป็นย่านชอปปิ้งสำคัญของเมือง มีสินค้าแบรนด์เนมมากมาย รวมถึงของที่ระลึกหลากหลายให้เลือกสรร
Residentplatz
เดินเล่นชมเมืองมาเรื่อยๆ ก็จะมาถึง “Residentplatz” ซึ่งเป็นจัตุรัสย่านกลางเมือง จุดเด่นของที่นี่ก็คือน้ำพุสไตล์บาโรก ที่มีรูปปั้นของ St.Michael ตั้งอยู่ตรงกลางจัตุรัส ตรงข้ามกับโบสถ์ Michaelskirche ส่วนด้านหลังของน้ำพุก็คือ Salzburger Dom หรือมหาวิหารแห่งซาลซ์บูร์ก และน้ำพุแห่งนี้ก็เป็นจัตุรัสใหญ่ที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์มนต์รักเพลงสวรรค์ด้วยเช่นกัน
ป้อมปราการ Hohensalzburg บนยอดเขา
เมืองเก่าสวยๆ ริมแม่น้ำแบบนี้ ถ้าหากว่าได้ชมเมืองในมุมสูงก็จะได้เห็นภาพที่แปลกตาออกไป เราเลยมาขึ้นกระเช้าไฟฟ้าเพื่อขึ้นไปยัง “Festung Hohensalzburg” (ป้อมโฮเฮนซาลซ์บูร์ก) ที่ตั้งอยู่บนเขา ซึ่งอันที่จริงแล้ว หากใครมีกำลังขาแข็งแรง ก็สามารถเดินขึ้นเขาไปชมด้านบนได้ แต่ถ้ากลัวจะไปหมดแรงอยู่กลางทาง ก็เลือกขึ้นกระเช้าไฟฟ้าสบายๆ แบบเรา ครู่เดียวก็ถึงด้านบน
มุมสูงของเมือง Salzburg
ป้อมปราการแห่งนี้ ถือเป็นป้อมเก่าแก่ที่ยังหลงเหลือความสมบูรณ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในห้องที่พัก คุกใต้ดิน ห้องทรมานนักโทษ โดยจัดแบ่งเป็นห้องแสดงต่างๆ ซึ่งนอกจากจะมาชมของโบราณแล้ว ด้านบนป้อมนี้ก็ยังเป็นจุดชมวิวเมืองในมุมสูงที่สามารถมองเห็นได้ไกลสุดลูกหูลูกตา
Mozartplatz
นอกจากจะเป็นเมืองที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ดังแล้ว เมือง Salzburg แห่งนี้ก็ยังเป็นบ้านเกิดของนักประพันธ์เพลงคลาสสิกชื่อดังระดับโลกอีกด้วย นั่นคือ Wolfgang Amadeus Mozart

โมสาร์ตเกิดที่เมือง Salzburg ในปี ค.ศ.1756 ซึ่งบริเวณเมืองเก่านี้มีจัตุรัส Mozartplatz ที่มีรูปปั้นของโมสาร์ตตั้งอยู่ตรงกลาง ส่วนบนถนน Getreidegasse ก็เป็นที่ตั้งของ “Mozart Geburtshaus” ซึ่งเป็นบ้านเกิดของโมสาร์ตที่เข้าอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้กว่า 20 ปี ปัจจุบันที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ออกแบบให้เหมือนตอนโมสาร์ตยังมีชีวิตอยู่
Mozart-Wohnhaus
ส่วนอีกฝั่งของแม่น้ำ Salzach ก็เป็นบ้านอีกหลังของโมสาร์ต มีชื่อว่า “Mozart-Wohnhaus” อันเป็นบ้านที่โมสาร์ตย้ายมาอยู่พร้อมกับครอบครัว และใช้ชีวิตที่นี่กว่า 7 ปี ปัจจุบันด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเอกสาร เครื่องดนตรี ภาพวาด เพื่อแสดงวิถีชีวิตและผลงานของเขา
Mirabell Garden
อีกฝั่งหนึ่งของถนน ไม่ไกลจากบ้านของโมสาร์ต เป็นสวนสวยที่ใครๆ ก็ต้องมาแวะถ่ายรูปกัน นั่นคือ “Mirabell Garden” (สวนมิราเบล) ที่นี่เป็นสวนสาธารณะแสนสวยที่เปิดให้เข้าชมได้ฟรี แต่เดิมนั้นเป็นสวนภายในพระราชวังมิราเบล ซึ่งถูกสร้างในรูปแบบเรขาคณิตแบบบาโรก ตกแต่งด้วยพรรณไม้หลากสี และมีรูปปั้นเทพเจ้าและน้ำพุประดับประดาอยู่รอบๆ
ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายทำภาพยนตร์มนต์รักเพลงสวรรค์
สวนสวยๆ แบบนี้ ก็เป็นจุดถ่ายทำภาพยนตร์มนต์รักเพลงสวรรค์เช่นกัน ตั้งแต่ทางเข้าสวน อุโมงค์ต้นไม้ น้ำพุ ฯลฯ หลายๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับภาพที่มาเรีย นางเอกของเรื่องพร้อมกับเด็กๆ มาร้องและเต้นประกอบเพลง Do Re Mi ซึ่งเป็นเพลงคุ้นหูจากภาพยนตร์เรื่องนี้ ในฉากนั้นก็ถ่ายทำกันในสวนมิราเบลนี่เอง

อิ่มเอมเปรมใจกับสถานที่สวยๆ ในเมือง Salzburg กันแล้ว ในช่วงเย็นๆ ลองมานั่งเล่นที่ริมแม่น้ำ ชมวิถีชีวิตช้าๆ ของชาวเมืองที่ออกมานั่งเล่นเดินเล่นตามท้องถนน เป็นการปิดท้ายวันท่องเที่ยวด้วยความสุขท่ามกลางวิวสวยๆ ที่ประทับใจไม่รู้ลืม
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น