เห็นช่อสีเขียวๆ หน้าตาเหมือนพวงองุ่นแต่ยังไม่โต ลักษณะแบบนี้คือ “สาหร่ายพวงองุ่น” หรือที่รู้จักกันในอีกหลากหลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็น สาหร่ายช่อพริกไทย คาร์เวียร์สีเขียว เป็นต้น หลายคนอาจจะเคยชิมแล้ว หลายคนอาจจะรู้จักแต่ยังไม่เคยลิ้มลอง แต่บางคนอาจจะเพิ่งเคยได้ยินชื่อ “108 เคล็ดกิน” จะพามาแนะนำให้รู้จักกัน
สาหร่ายพวงองุ่น จะพบอยู่ตามโขดหิน ก้อนกรวด และพื้นทรายในทะเลลึก โดยอาจอยู่รวมตัวกันเป็นกระจุกหรือปะปนกับสาหร่ายชนิดอื่นตามซอกหินหรือปะการัง ปัจจุบันสามารถพบสาหร่ายพวงองุ่นได้ในเขตประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังแพร่กระจายไปในเขตร้อนอย่างเคนยา มาดากัสการ์ โมซัมบิก แทนซาเนีย และปาปัวนิวกินี ส่วนในประเทศไทยก็มีการเพาะเลี้ยงได้ด้วยเช่นกันในระบบบ่อเลี้ยงโดยการสนับสนุนของกรมประมง ปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะพบสาหร่ายพวงองุ่นในพื้นที่ทางภาคใต้ เช่น ภูเก็ต พังงา กระบี่ เพชรบุรี ฯลฯ หรืออาจจะพบในซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ
สาหร่ายพวงองุ่นเป็นสาหร่ายชนิดหนึ่งที่กินได้ โดยมีคุณค่าทางอาหารสูง มีแร่ธาตุสำคัญหลายชนิด เช่น แมกนีเซียม แคลเซียม โพแตสเซียม สังกะสี ไอโอดีน เบต้าแคโรทีน และยังมีกรดอะมิโนที่จำเป็นอีกหลายชนิด รวมถึงมีแคลอรี่ต่ำ มีกากใยสูง ช่วยป้องกันท้องผูกและริดสีดวงทวาร
วิธีการกินสาหร่ายพวงองุ่น สามารถกินได้สดๆ เลย โดยกินแกล้มน้ำพริก แกล้มขนมจีน หรือจิ้มกินกับวาซาบิ น้ำจิ้มซีฟู้ด หรือน้ำสลัด แล้วก็ยังนำไปยำ นำไปกินคู่กับส้มตำก็ได้ ซึ่งขั้นตอนการเตรียมนั้น เมื่อได้สาหร่ายพวงองุ่นมาแล้ว ไม่ต้องนำไปแช่ตู้เย็น ให้เก็บใส่ถุง วางไว้ที่อุณหภูมิห้อง ก่อนจะกินหรือนำไปปรุงให้ล้างน้ำ 2-3 น้ำ โดยเปิดน้ำไหลผ่าน หรือล้างน้ำผสมน้ำเกลือ แล้วนำไปแช่ในน้ำเย็นสักครู่ จะทำให้สาหร่ายมีความกรอบมากขึ้น และหลังจากล้างน้ำแล้ว ไม่ควรวางสาหร่ายทิ้งไว้เกิน 1 ชั่วโมง เพราะสาหร่ายจะคายน้ำออกมา ทำให้ฟีบ และไม่กรอบเหมือนเดิม
* * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com